xs
xsm
sm
md
lg

รับเขมรรุกพระวิหาร "วัด-ชุมชน"ผุดจริง "กษิต"ฉุน!ถามจี้ใจดำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" รับสภาพชุมชน -ตลาด-วัด แนวก่อสร้างถนน ผุดขึ้นจริง ฉุน! สั่งเรียกหาข้อมูลทหารมีเอี่ยวก่อสร้างพื้นที่ข้อพิพาทปราสาท "เขาพระวิหาร" ลั่นส่งมาให้ตนได้ พร้อมตรวจสอบและพูดคุยด้วย ยันนโยบายรักษาอธิปไตยไม่เคยเปลี่ยน ยันไทยไม่เสียดินแดนแน่ ทำทุกอย่างเพื่อสันติวิธี ห่วงเหตุชุมนุมคัดค้านกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่เจตนา "กษิต" บุกพิสูจน์เขตแดนไทยพบรอง ผบ.สส.กัมพูชา ย้ำแก้ปัญหาต้องใช้สันติวิธี ฉุนถูกถามเขมรบุกปลูกสิ่งก่อสร้างถาวรบริเวณเขาวิหาร

วานนี้ (13 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงปัญหาข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษว่า ขณะนี้ประชาชนส่วนหนึ่งมีความวิตกกังวล และอาจจะมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกับรัฐบาลว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ความจริงตนเป็นคนได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างชัดแจ้งว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริเวณปราสาทพระวิหารนั้น เบื้องต้นสืบเนื่องมาจากคำพิพากษาของศาลโลก ตั้งแต่ปี 2505 ซึ่งได้ตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่ว่าทางประเทศไทยก็ยืนยันชัดเจนว่า แผนที่ที่กัมพูชาใช้ในการฟ้องศาลโลกนั้น เราไม่ได้ยอมรับ แล้วศาลก็ไม่ได้ใช้ในการตัดสิน คือ ศาลไม่ได้ตัดสินว่า เป็นแผนที่ที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะฉะนั้น เราก็ถือว่าเราเคารพคำพิพากษาของศาลโลกในส่วนของปราสาท

ขณะเดียวกันเราก็ได้มีการสงวนสิทธิ์เอาไว้ว่า ถ้าเรามีข้อมูลใหม่อะไรต่างๆ ก็จะสามารถไปดำเนินการตามระเบียบหรือตามกฎของศาลโลกได้ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วที่มาเกิดปัญหาขึ้นในเรื่องของการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชา แล้วขณะนั้นได้มีการไปออกแถลงการณ์ร่วม ซึ่งในขณะนั้นตนเป็นฝ่ายที่ตรวจสอบเรื่องนี้ และยืนยันว่าไม่ควรที่จะไปดำเนินการในการลงนามในแถลงการณ์ร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแถลงการณ์ร่วมจะนำไปสู่การมีแผนที่หรือแผนผังก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับตัวปราสาท ซึ่งจะเป็นแผนที่ที่กัมพูชายึดโยงอยู่กับแผนที่ที่เคยใช้ในการฟ้องศาลโลก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งลงนามในรัฐบาลชุดก่อนนั้น เราก็ขณะนี้ได้ยกเลิกไปแล้ว ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปติดตามขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลให้เกิดความมั่นใจว่า อธิปไตยของไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันสภาพในพื้นที่ต้องบอกว่าพื้นที่ตรงนี้มีลักษณะของการเป็นชุมชน เป็นตลาด และตอนหลังมีการมาก่อสร้างวัด มีการมาก่อสร้างถนนจริง ๆ แต่ในหลายช่วงของประวัติศาสตร์ก็มีทั้งพี่น้องชาวไทย ชาวกัมพูชาเข้าไปอยู่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อปีที่แล้วก็มีการตรึงกำลังกันเข้าไป จนกระทั่งมีการปะทะกันเมื่อกรกฎาคม เมื่อเดือนเมษายน กรกฎาคมปีที่แล้ว และเมษายนของปีนี้ สิ่งที่เป็นแนวทางของรัฐบาลที่ชัดเจนขณะนี้คือว่าเราก็เดินหน้าในการที่จะใช้วิธีการที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวคืนสภาพกลับไปเป็นพื้นที่ ซึ่งไม่มีการเข้าไปดำเนินการใด ๆ ที่จะมีผลต่อเรื่องของอธิปไตย

"ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดูแลรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นคือ ความไม่เข้าใจ ซึ่งนำไปสู่การสู้รบหรือการปะทะกัน และเกิดความสูญเสีย ผมเข้าใจดีถึงการแสดงออกของความรักชาติหรือความหวงแหนในเรื่องของผืนแผ่นดิน อธิปไตย สามารถทำได้ แต่ต้องขอความร่วมมือ หากมีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน ผมยินดีที่จะเชิญมาพูดคุยกัน โดยต้องแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ซึ่งในการเจรจากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาทุกครั้งก็เข้าใจตรงกัน" นายกรัฐมนตรีกล่าว

ฉุนขอข้อมูลทหารเอี่ยว
ก่อสร้างพื้นที่ข้อพิพาท


นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงปัญหาของปราสาทพระวิหาร ที่ตอนนี้มีกลุ่มคนรวมตัวประท้วงการเข้ามาก่อสร้างใหม่ของทางกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเกรงกันว่าจะเป็นการยอมรับโดยพฤตินัยว่า ไม่ เพราะมันไม่ได้มีการยอมรับอยู่แล้ว ขณะนี้ทางกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในขั้นตอนที่จะปรับสภาพพื้นที่ให้เหมือนเดิม แต่เราไม่ต้องการให้มีการสู้รบ หรือปะทะ การสูญเสีย ตนจึงบอกว่า ใครที่มีความเป็นห่วง ขอให้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนที่ทำงานได้ และต้องระมัดระวัง เพราะการที่เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมา ไม่ได้เจตนาหรอก แต่มันเกิดความเข้าใจผิด และหากเกิดการปะทะกันขึ้นมา จะส่งผลกระทบกว้างขวางไปกว่าเฉพาะตรงนี้ จะกลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ และทำให้การแก้ปัญหาซับซ้อน ยุ่งยากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การก่อสร้างในพื้นที่ยังเป็นข้อพิพาทอยู่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ตอนนี้ไปดูในช่วงที่ผ่านมา ตัวชุมชนก็เสียหาย เมื่อช่วงเดือนเมษายนอยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ในกรอบของการเจรจากันในเรื่องนี้ทั้งหมด ตนได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา จุดยืนชัดเจนตรงกัน และมีการเดินหน้า

เมื่อถามว่า คนที่เคลื่อนไหวคัดค้านมีข้อมูลว่า คนที่เข้าไปก่อสร้างเป็นนายทหารของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "เอามาให้ผมเลยครับ และจะตรวจสอบ เพราะจุดยืนของรัฐบาลชัดเจน และผมได้คุยกับผู้บัญชาการทหารเป็นระยะๆ คุยกับแม่ทัพ กระทรวงการต่างประเทศ นโยบายคงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามีข้อมูลก็เอามา ต้องช่วยกัน อย่าให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ผมยืนยันว่าจุดยืนที่ผมเคยแสดงไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง เพราะผมไม่มีประโยชน์อื่นใดเลย นอกจากประโยชน์ส่วนรวม และการรักษาอธิปไตย"

ลั่น รบ.เพื่ออธิปไตยเต็มที่

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯยังรู้ไม่เท่าทันกระทรวงการต่างประเทศ เหมือนกับที่อีกฝ่ายหนึ่งออกมาตั้งข้อสังเกตขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ขอให้เอาข้อมูลอีกด้านหนึ่งมาให้ตน หากมีข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ก็ยินดีให้มาพบอยู่แล้ว เหมือนกับทุกๆ เรื่อง เช่น มาบตาพุด ที่ยังมีปัญหาอยู่ ก็ให้มาพบได้นัดหมายกันแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หยิบยกกรณีแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาที่ยกเลิกไปแล้ว แต่นายสนธิ มองอีกมุมว่า กัมพูชาไม่ได้รับรู้ เพราะหนังสือที่ตอบกลับมายืนยันมูลค่า และสิ่งต่างๆ ที่ตกลงกันยังคงอยู่ ความหมายทางการทูตในลักษณะนั้น ถูกบิดเบือนได้หรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้อ่านหนังสือที่กัมพูชาตอบมา โดยเขายอมรับว่าได้หนังสือของเราแล้ว ดังนั้น การแสดงเจตนาของเรา เขารับทราบ แต่เขาจะเห็นด้วยหรือไม่ เป็นประเด็นที่ต้องโต้แย้งกัน แต่ข้อเรียกร้องที่ขอให้รัฐบาลไทย ยกเลิก มันก็ยกเลิกไปแล้ว ส่วนทางฝ่ายกัมพูชาที่ตอบมา ตนก็อ่านอยู่ เขาก็ยอมรับเพียงแค่ว่า มันไม่ใช่เป็นสนธิสัญญา แต่เขาใช้คำว่า "มันเป็นอย่างที่มันเป็น" แต่ในแง่การแสดงเจตนาของไทย เราถือว่ายกเลิกไปแล้ว เราได้บอกไปแล้ว และเขาได้รับหนังสือที่เราบอกไปแล้ว

เมื่อถามต่อว่า เขายังใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้อยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าได้ เพราะขณะนี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯ ติดตามอย่างละเอียด และใกล้ชิด และที่ผ่านมาการดำเนินการใดๆ ของกัมพูชาตอนนี้ไม่การอ้างอิงถึงแถลงการณ์ตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้นักวิชาการหลายคน ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าในเว็บไซต์ ของยูเนสโก มีการระบุพื้นที่บริเวณโดยรอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้องและนี่เป็นสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ นายสุวิทย์ ก็ไปดำเนินการ หากมีการยื่นเอกสารในลักษณะที่เป็นแผนที่หรืออะไรก็ตาม ถือว่าควรจะมีการแจ้งให้ทางเราทราบ และเราจะดำเนินการให้ข้อเท็จจริงในส่วนของเราไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงตอนนี้ยังมั่นใจกระบวนการทั้งหมดที่ไทยทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำเต็มที่ แต่ต้องยอมรับว่า กรรมการมรดกโลกครั้งก่อน เราก็ผิดหวังที่ปีที่แล้วเราไม่สามารถที่จะไปทักท้วงได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจุดยืนในตอนนั้นมันกลับไป กลับมา แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราชัดเจนและนายสุวิทย์ ก็ทำงานค่อนข้างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำ รัฐบาลไทยทำอะไรได้มากกว่าการประท้วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำทั้งเรื่องการรประท้วง การเจรจา การตรึงกำลังจะพยายามทำทุกวิถีทางโดยสันติวิธี เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่การรักษาสิทธิ์ของเรา รักษาแน่นอน

""กษิต"บุกพิสูจน์เขตเดนไทยเขาวิหาร

วันเดียวกัน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ประเทศ และคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำมาลงจอด ที่สนามหน้าโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นเดินทางโดยรถยนต์ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อฟังบรรยายสรุปสถานการณ์บริเวณเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชาจากคณะนายทหารของกองทัพภาคที่ 2 ว่า การเกิดความขัดแย้งจากกรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนบริเวณใกล้เคียงกับปราสาทเขาพระวิหาร เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีการอ้างสิทธิและถือแผนที่คนละฉบับ ซึ่งตั้งแต่ ก.ค.51 ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกำลังพลของทหารฝ่ายไทยกับกัมพูชา 4 ครั้ง ทำให้เกิดความสูญเสียทหารไทย เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ได้เน้นการใช้การเจรจาและมีการวางกำลังพลของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้มีการเจรจาแก้ไขปัญหาในระดับรัฐบาลของ 2 ประเทศ ส่วนกรณีการก่อสร้างอาคารขึ้นในบริเวณตลาดชุมชน และวัดแก้วสิขาคีรีสวาระนั้น ทางการไทยได้มีการประท้วงต่อรัฐบาลกัมพูชา แล้ว 20 ครั้งเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2543

จับเข่าคุยกับ"รอง ผบ.สส.เขมร"

จากนั้น คณะของ รมว.ประเทศ ได้ขึ้นไปที่วัดแก้วสิขาคีรีสวาระ บริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร และได้หารือกับ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศกัมพูชา โดยนายกษิต กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย มีความปรารถนาและมีความมุ่งมั่นในอันที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ตลอดจนความมั่งคั่งต่อประเทศชาติและประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

ส่วนปัญหาการกระทบกระทั่งกันตามพื้นที่ชายแดนก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีว่า หากมีเหตุเสียงปืนดังก็จะมีการสอบสวนร่วมกันก่อนว่า เกิดจากสาเหตุอะไร แสดงว่ามีความต้องการและมุ่งมั่นในการที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติในพื้นที่

นายกษิต กล่าวกับ พล.อ.เจีย ดารา อีกว่า ในช่วงปลายเดือน ต.ค.2552 รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่หัวหิน-ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย จะได้เจรจากับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งในระหว่างนี้รัฐบาลได้พยายามขับเคลื่อนกรอบการเจรจา ซึ่งจำเป็นเสนอให้รัฐสภาได้พิจารณาเพื่อที่จะให้ระดับ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สามารถมีการประชุมเจรจาเป็นครั้งที่ 4 ต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลไทยมีความตั้งใจอย่างมากที่จะให้มีการแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและก่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนในด้านต่างๆ

เยี่ยมให้กำลังใจ"ทหารไทย"

พร้อมกันนี้ นายกษิต ได้พบปะตรวจเยี่ยมสร้างขวัญทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่รอบบริเวณเขาพระวิหาร และได้เดินทางขึ้นไปที่ ตัวปราสาทพระวิหาร เพื่อดูสภาพข้อเท็จจริงของเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารโดยมีกำลังทหารไทยคุ้มกันอย่างเข้มงวด

รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อต้องการมาเยี่ยมสร้างขวัญให้กำลังใจทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณเขาพระวิหาร พร้อมทั้งตรวจสอบแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร สำหรับการแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหารนี้ ยังไม่ทราบว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้สิ้นสุดเมื่อใด เพราะว่ายังไม่ได้มีการเจรจากัน แต่ตนจะเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ถอนทหารทั้ง 2 ฝ่ายออกจากบริเวณเขาพระวิหารนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องมีการพูดคุยกันในการประชุมร่วม ซึ่งต้องมีการปรับกำลังกันทั้ง 2 ฝ่าย ทราบว่าขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่

ฉุนสื่อถูกถามเขมรรุกพื้นที่ไทย

นายกษิต กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่มีการเรียกร้องให้เปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในเขตแดนไทยเพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมได้นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถจะทำการได้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งโอกาสก็เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งไทย-กัมพูชา ที่จะมีจิตใจที่ดีต่อกัน

หากเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร หรือเปิดเขาพระวิหารให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหารได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและเกิดสันติสุขของทั้ง 2 ฝ่าย และจะเกิดความเป็นปึกแผ่นในอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านและเป็นสิ่งดีทั้งนั้น ก็ต้องเร่งร่วมกันทั้ง 2 ประเทศในการแก้ปัญหาเขาพระวิหารด้วยเหตุและผล และที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความเข้าอกเข้าใจกันในข้อเท็จจริงและในสังคมไทยก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยส่วนการที่ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรที่บริเวณใกล้กับแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารนั้น นายกษิต กล่าวว่า "ก็ไม่เป็นไร เราก็จะเข้าไปดูกัน อย่าถามคำถามอะไรที่รู้ๆ กันอยู่"

ทหารขวางสื่อท้องถิ่นเกาะติดข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเดินทางมาตรวจเขตแดนไทย-กัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหารของนายกษิต ในครั้งนี้ นายทหารกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งห้ามสื่อมวลชนท้องถิ่นใน จ.ศรีสะเกษ ทุกแขนงจำนวนมากที่มาทำข่าวไม่ให้ติดตามคณะรมว.ต่างประเทศขึ้นไปทำข่าวบริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ รวมทั้งทุกจุดอื่นๆ ที่คณะของนายกษิต เดินทางไป ซึ่งไม่ได้แจ้งเหตุผลของการสั่งห้ามแต่อย่างใด โดยได้อนุญาตให้ขึ้นไปทำข่าวได้เฉพาะสื่อมวลชนส่วนกลางที่ติดตามมากับคณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเท่านั้น

ยันไม่เปลี่ยนจุดยืนเห็นต่างกับพธม.

นอกจากนี้ นายกษิต ยังได้กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่ปราสาทพระวิหารถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมเดินทางไปชุมนุมบริเวณปราสาทพระวิหารในวันที่ 19 ก.ย.นี้ด้วยว่า ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย และเห็นว่าต่างฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯเสนอให้ผลักดันทหารและชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ก่อนเริ่มกระบวนการเจรจานั้น นายกษิต กล่าวว่า เป็นสิทธิที่จะเสนอความเห็นได้ แต่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นต้องแก้ด้วยสันติวิธี เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะได้มีการพบปะกับระดับผู้นำของประเทศกัมพูชาตลอดเวลา ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ โจมตีว่าตนเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน แต่ยึดตามข้อเท็จจริงตามกรอบและบันทึกการตกลงร่วมกัน ไม่ได้ใช้อารมณ์ หรือความรู้สึก

ทหารหวั่นม็อบจุดความรุนแรง

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด จะนำกลุ่มพันธมิตรฯขึ้นไปขับไล่ชาวกัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหารว่า วานนี้ (12 ก.ย.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำสื่อมวลชนไปดูพื้นที่เพื่อชี้แจงว่าประเทศไทยถึงอธิปไตยของไทย รวมถึงการวางกำลังทหารในพื้นที่ เรื่องที่เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวเป็นปัญหาที่มีมาต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า กองทัพสามารถดูแลรักษาอธิปไตยเหนือดินแดนของเราได้ ส่วนพื้นที่กรณีพิพาทที่ไม่ชัดเจนก็จะไม่มีใครได้พื้นที่ตรงนี้ไปครอบครอง ยังมีการวางกำลังทหารทั้งของไทยและกัมพูชา ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาลโลกตัดสิน หรือการตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนเพื่อให้ได้ข้อยุติทั้งสองประเทศ หรือสุดท้ายอาจเกิดสงครามกันซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเราเองหรือกัมพูชาก็ไม่ปรารถนาที่สุดแล้วก็ต้องต้องจบด้วยการเจรจา เราควรทำให้เรื่องราวต่างๆอยู่ในบรรยายกาศที่เหมาะสมต่อการเจรจาในอนาคต

โฆษกกองทัพบก กล่าวด้วยว่า อยากขอร้องพี่น้องประชาชนคนไทยที่มีความรักชาติจะเดินทางไปขับไล่ทหารกัมพูชาในพั้นที่ดังกล่าวนั้น อยากให้พิจารณาให้รอบคอบ บางครั้งการกระทำที่ทำไปอาจด้วยความตั้งใจจริงต่อความรักชาติ แต่จะส่งผลต่อการปฏิบัติทางยุทธวิธีหรือทางยุทธศาสตร์ในวันข้างหน้า หากถูกจับตัวไปก็เหมือนกับการยอมรับกลายๆว่าถูกจับในพื้นที่เขาหรือไม่ ซึ่งทางกัมพูชาเขาอาจไม่สนใจ จึงกลัวว่าจะได้รับอันตราย อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของหน่วยงานของจังหวัด และ กอ.รมน.จังหวัดต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น