xs
xsm
sm
md
lg

เขมรเหิม!ยึดตาเมือนธมมล.วัลย์วิภาลุยฟ้องแพ่ง "ฮุนเซน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านสุรินทร์ตึงเครียด ทหารเขมรกว่า 50 นายพร้อมอาวุธครบมือบุกเขตแดนไทยหวังเข้าวางกำลังยึด "ปราสาทตาเมือนธม" โดยตั้งฐานปฏิบัติการส่วนหน้าห่างจากปราสาทตาเมือนธมแค่ 100 เมตร ทหารไทยสั่งให้ออกไป พร้อมเตรียมกำลังเต็มอัตราศึก หากล้ำเข้ามาอีกเปิดฉากยิงทันที "มล.วัลย์วิภา"สุดทนปัญหา"พระวิหาร" นำทีมยื่นฟ้องศาลแพ่ง "ฮุนเซน"-"ฮอร์ นัม ฮง" และ "ซก อาน" ข้อหาละเมิดสิทธิ์ตาม รธน.ขอให้ศาลชี้ว่าอธิปไตยเหนือปราสาทและบริเวณพิพาทเป็นของไทย ให้มีคำสั่งขับจำเลยพร้อมบริวารออกจากพื้นที่และเรียกร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว พร้อมวอน "มาร์ค" เข้าใจและเห็นใจในหัวใจรักชาติของ ปชช. ด้าน พธม.ทั่วไทยนัดรวมพลังทวงคืน 19 ก.ย.นี้

วานนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุรินทร์ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา กองกำลังทหารชายแดนที่ 402 นำโดย พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับการทหารชายแดนที่ 402 กัมพูชา ได้สั่งการให้ทหารกัมพูชาใต้บังคับบัญชากว่า 50 นาย พร้อมอาวุธสงคราม เอเค 47, จรวดอาร์พีจี, ปืนกลเบาและปืนพกสั้น มุ่งหน้ามาเข้ามายังบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม เพื่อหวังเข้าวางกำลังทหารอยู่ภายในบริเวณปราสาทตาเมือนธม เขตแดนไทยแต่ได้ถูกกำลังทหารพรานไทย ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 961 และชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เข้าทำการเจรจาและผลักดันให้กองกำลังทหารกัมพูชาติดอาวุธทั้งหมดกลับเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา และห้ามพกอาวุธสงคราม พร้อมทั้งแต่งเครื่องแบบทหารเข้ามายังเขตแดนไทย และปราสาทตาเมือนธม ตามข้อตกลงที่ทั้งผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูง 2 ฝ่ายได้
เจรจากันไว้ และหากยังดื้อจะนำกำลังพร้อมอาวุธสงครามข้ามเข้าในดินแดนไทย ทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 961 จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย ยิงผู้รุกรานทันที

เมื่อสถานการณ์ตรึงเครียดขึ้นชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พ.อ.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรม ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26 ได้รับทราบ พร้อมทั้งรายงานไปยังกองบัญชาการกองกังสุรนารี ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้สั่งการให้ตรึงพื้นที่อย่างเข้มงวด และห้ามทหารกัมพูชาพกพาอาวุธเข้าในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมอย่างเด็ดขาด

แฉเขมรส่งคนเข้ามาหาข่าวฝั่งไทย

ทั้งนี้ การเจรจากันใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ได้สั่งการให้ทหารกัมพูชาทั้งหมด เดินทางกลับเข้าไปยังฐานปฏิบัติการส่วนหน้าในเขตกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม เพียง 100 เมตรเท่านั้น

หลังจากนั้นปรากฏว่า ทหารกัมพูชา 2 นายได้แต่งชุดพลเรือน เข้ามาหาข่าวในบริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยมีผู้บังคับบัญชาโทรศัพท์เข้ามาสอบถามสถานการณ์ ในบริเวณปราสาทตาเมือนธม อยู่เป็นระยะๆ
นายทหารสังกัดกรมทหารพรานที่ 26 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความตรึงเครียดดังกล่าวเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อกัมพูชาที่มาเข้าเวรอยู่บริเวณทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม เห็นทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 961 ของไทยถืออาวุธลาดตระเวนรอบปราสาทตาเมือนธม ก็ไปรายงานผู้บังคับบัญชาว่า ทหารไทยทำผิดข้อตกลง ในการนำอาวุธเข้ามายังบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งทหารพรานได้แจ้งให้ทราบว่าจำเป็นต้องมีการลาดตระเวน เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้แก่คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มาศึกษาดูงานบริเวณปราสาทตาเมือนธม ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. จึงจำเป็นต้องเข้มงวดในการเข้าชมปราสาทตาเมือนธมแม้แต่คนไทยด้วยกันที่เดินทางมา เราก็ยังบอกว่าเข้าชมไม่ได้ เพราะต้องมีการรายงานข้อมูลด้านความมั่นคงและสถานการณ์ต่างๆ ให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ จึงต้องปิดการเข้าชมชั่วคราว และทหารพรานได้แนะนำให้ชาวไทยไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนโต๊ดแทน

สั่งยิงทันทีหากเขมรล้ำแผ่นดินไทย

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดปะทุขึ้นครั้งอีกครั้งเมื่อทหารกัมพูชานำโดย พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชากว่า 50 นายพร้อมอาวุธสงครามครบมือพยายามที่จะข้ามชายแดนไทยเข้ามาเพื่อวางกำลังทหารที่ปราสาทตาเมือนธม

"เราได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นและสั่งการให้ตรึงกำลังอย่างเต็มที่ หากทหารกัมพูชาไม่เชื่อฟัง ก้าวข้ามเข้ามาในเขตแดนไทยพร้อมอาวุธสงครามอีกเมื่อใด สั่งยิงได้ทันที" แหล่งข่าวนายทหารไทยกล่าว พร้อมกันนี้ ทหารพรานไทยยังบอกทหารกัมพูชาไปว่า เมื่อทหารกัมพูชาพยายามเข้ามาก่อเรื่อง หากมีการยิงกันเกิดขึ้น ทหารไทยถล่มยาวแน่ เรายอมไม่ได้ ขอให้ทหารกัมพูชาไปหาคนมาสั่งหยุดยิงก็แล้วกัน จึงทำให้ พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ นำกำลังทหารทั้งหมดกลับฐานที่ตั้งซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธมเพียง 100 เมตร

แหล่งข่าวนายทหารคนเดิมกล่าวว่า ขณะที่ทหารพรานของไทยสั่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างเต็มที่ เนื่องจากเกรงว่าทหารกัมพูชาจะเสริมกำลังทหารเข้ายึดปราสาทตาเมือนธม เพราะขณะนี้ทหารกัมพูชาได้ก่อสร้างถนนลูกรังจากฝั่งกัมพูชาขึ้นมาใกล้กับปราสาทตาเมือนธม มีระยะห่างเพียง 200 เมตร พร้อมวางกำลังทหารกว่า 100 นาย ตรึงพื้นที่ใกล้ชายแดนไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม อยู่ตลอดเวลา

ลุยฟ้อง"ฮุนเซน-ซกอาน-ฮอร์นัมฮง"

วานนี้ (11 ก.ย.) มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ สถาบันไทยคดีศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารกว่า 10 คน เดินทางไปยังศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา เป็นจำเลยที่ 1 นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศประเทศกัมพูชา เป็นจำเลยที่ 2 และนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา พร้อมบริวาร ในข้อหาละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ เป็นโจทก์รายที่ 1 และมีโจทก์ร่วมฟ้องในคดีนี้อีก 9 ราย
เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่า อำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารและบริเวณพื้นที่ในคดีนี้ เป็นของโจทก์ ของคนไทยทั้งประเทศ และของราชอาณาจักรไทย ขอให้จำเลยทั้ง3 พร้อมบริวาร ออกไปจากบริเวณอำนาจอธิปไตยของโจทก์ ของปวงชนชาวไทย และของราชอาณาจักรไทย พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้จำเลยพร้อมพวกหยุดการกระทำที่ละเมิดต่อโจทก์

"ศาลแพ่งประทับรับฟ้องคดีนี้เป็นคดีดำเลขที่ 5317/2552 ซึ่งเราดีใจมากที่ศาลประทับรับฟ้อง เพราะนั่นแสดงว่ามีมูล กรณีนี้เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนเราอยู่ในบ้านเรา ฮุนเซนเป็นเจ้าของสถานประกอบการที่มาลงทุนทำกิจการในประเทศไทยนานกว่า 2 ปี หลังจาก 2 ปีแล้วบริวารของเขาก็เข้ามารุกล้ำในบ้านเรา มาทำมาหากินหาประโยชน์ในบ้านเรา เราจึงฟ้องเพื่อให้บริวารของเขาออกไปจากบ้านเรา เพราะเราเหล่าบริวารของเขาแล้วก็ไม่ออก เราจึงต้องฟ้องเจ้าของสถานประกอบการ นี่คือเปรียบเทียบให้เห็นชัดแบบง่ายๆ นะคะ"

มล.วัลย์วิภา ยังแสดงความเห็นต่อข่าวที่กองกำลังเขมร รุกคืบเข้ามาในบริเวณปราสาทตาเมือนธมของไทย และตั้งฐานปฏิบัติการส่วนหน้าอยู่ห่างไปเพียงแค่ 100 เมตรว่า เป็นท่าทีที่แสดงออกอย่างชัดเจนของกัมพูชาที่ต้องการได้พื้นที่ของไทยตามแผนที่ที่เขาได้ประโยชน์
"เขาต้องการเปลี่ยนเส้นเขตแดนให้เป็นไปตามแผนที่ฉบับอัตราส่วนพื้นที่ 1 ต่อ 2 แสน เห็นชัดมากว่าเขาต้องการพื้นที่ประเทศไทย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลไทยต้องไปรื้อฟื้นคำตัดสินศาลโลกขึ้นมาตีความอีก จริงๆ ก็ยินดีหากต้องร่วมตีความในเชิงวิชาการ แต่คำตัดสินศาลโลกมันจบตั้งแต่ปี 05 รัฐบาลไทยทำแบบนี้เหมือนไปเอื้อเขา ไปช่วยให้ ไปเอาคำพิพากษามาดูใหม่ในจังหวะที่มีเรื่องของวาระซ่อนเร้นกรณีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลบริเวณพื้นที่ที่อ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน"

มล.วัลย์วิภา ได้ฝากข้อความถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ขอให้เห็นใจและเข้าใจในความรักชาติรักแผ่นดินของคนไทยบ้าง ไม่ใช่ว่าขึ้นไปทำงานในระดับบริหารแล้วจะไม่สนใจ ไม่เข้าใจ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีประเทศ แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องปกป้องประเทศกันเอง

ทัพพธม.อีสานรณรงค์ทวงคืนเขาวิหาร

วันเดียวกันที่บริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน องเมือง จ.นครราชสีมา ขบวน "รวมใจไทยทวงคืนเขาพระวิหาร" ของกลุ่มพันธมิตรฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด นำโดยนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรฯอุดรธานีและภาคอีสาน ได้เคลื่อนขบวนรถยนต์ร่วม 10 คันติดตั้งเครื่องขยายเสียง แผ่นป้ายรณรงค์ทวงคืนเขาพระวิหาร ไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมแจกเอกสารใบปลิวให้ความรู้กรณีปัญหาเขาพระวิหาร แก่ประชาชน ตลอดเส้นทางที่ขบวนผ่านด้วย

เอกสารใบปลิวดังกล่าวด้านหน้าระบุข้อความหยุดร่างข้อตกลงไทย-กัมพูชา ว่าด้วยปัญหาชายแดนในพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร, หยุด! สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา และ หยุด! สืบทอดนโยบายขายชาติ ส่วนรายละเอียดด้านเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงที่มาที่ไปของปัญหากรณีเขาวิหารทั้งหมด รวมทั้งการดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบันที่ยังคง "สืบทอดนโยบาขายชาติต่อจากรัฐบาลหุ่นเชิด" จนนำไปสู่ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร

นัดรวมพลทั่วประเทศ 19 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ นายเจริญ เผยเผยถึงกำหนดการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ว่า วันที่ 11 ก.ย.ขบวนทัพหน้าของพันธมิตรฯภาคอีสานจะเดินทางไปยัง อ.หนองกี่ อ.นางรอง เพื่อพักค้างแรมที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ 1 คืน วันที่ 12 ก.ย.จะเดินทางไป อ.เมืองบุรีรัมย์ วันที่ 13 ก.ย.จะเคลื่อนขบวนไปสมทบกับประชาชนที่ จ.ขอนแก่นอีก 2,000 คนเพื่อร่วมพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนเดินทางผ่าน ไปยัง จ.มหาสารคาม และไปพักค้างแรมที่ จ.สุรินทร์ วันที่ 14 ก.ย.จะเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ และวันที่ 15 ก.ย.ไป อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

"เรามีกำหนดเคลื่อนขบวนขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ในวันที่ 16 ก.ย.หรือ 17 ก.ย.เพื่อรอประชาชนจากทั่วประเทศมาร่วมสมทบในวันที่ 19 ก.ย.โดยจะเปิดเวทีปราศรัยให้ความรู้ประชาชนในเรื่องเขาพระวิหาร และทำกิจกรรมทวงคืนเขาพระวิหารร่วมกัน" นายเจริญ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น