ASTVผู้จัดการรายวัน – อนุฯ ป.ป.ช.เตรียมประสานFBI ขอข้อมูลสินบนเทศกาลภาพยนตร์ฯ เพิ่ม หลังพบหลักฐานชัดโอนเงินเข้าบัญชี “จุฑามาศ” และคนใกล้ชิด 1.8 ล้านเหรียญติดต่อกันหลายปี แจ้งเจ้าตัวถูกตั้งกรรมการไต่สวนแล้ว ด้าน"เพ็ญสุดา" ปัดไม่มีเอี่ยวพร้อมยื่นยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ต่อปปช.ทุกเมื่อ
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้ (16ก.ย.) นายเมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตการรับสินบนเพื่อให้ได้รับสิทธิ์จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพ หรือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล จำนวน 60 ล้านบาท ที่มีนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าไปเกี่ยวข้อง ให้สัมภาษณ์ว่า คณะอนุกรรมการฯได้มีการประชุมพบว่า มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนจะเกี่ยวข้องด้วยด้านไหน อย่างไร ก็จะไปหาความเชื่อมโยงกันอีกครั้ง เพื่อนำเข้าแจ้งต่อที่ประชุมครั้งต่อไปว่ามีใครบ้าง และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาแล้ว ก็จะมีการแจ้งคำสั่งไปให้ทราบว่าบุคคลเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยผู้ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น พบว่ามีหลายระดับ ทั้งผู้บริหาร ผู้สนับสนุนประเภทหน้าห้อง รวมแล้วประมาณ 3-4 คน
นายเมธี กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะติดต่อกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อที่จะขอให้ทางฝ่าย FBI ของสหรัฐฯ ส่งข้อมูลต่างๆ มาให้ไทย ส่วนจะส่งได้ หรือไม่ได้ เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด หรือยังไม่ถึงที่สุด ตรงนี้ทางป.ป.ช. ก็จะรอให้ทางสหรัฐฯ ตอบมาให้ทราบ เพราะทาง ป.ป.ช. เองไม่ทราบว่าระบบนี้ทางสหรัฐฯเป็นอย่างไร
***ขอข้อมูลFBI เพิ่ม
แต่เท่าที่ทราบมาทางสหรัฐฯ เองมีข้อมูลในเรื่องนี้หมดทุกอย่างแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ ที่ป.ป.ช. ส่งไปสังเกตการณ์ที่ ลอสแองเจลีส แจ้งมาว่า ทางฝ่ายโจทย์ของสหรัฐฯ เวลานำเสนออะไรนั้น คนที่ต้องการดู สามารถดูได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ จะส่งให้ทางป.ป.ช.อย่างเป็นทางการได้หรือไม่นั้น ต้องรอให้เขาตอบมา วันนี้จึงมีมติว่าทางป.ป.ช.จะขอไปในส่วนนี้
"ถ้าเราจะทำ อย่างน้อย 2 อย่าง คือเอาคนที่เกี่ยวข้องมาแจ้งให้ทราบ คำสั่งแต่งตั้งกรรมการและรอข้อมูลจากทาง FBI ก็คงจะทำได้ทุกสัปดาห์นับแต่นี้ไป และหากไม่มีเหตุขัดข้องอื่นนั้น ในเดือน พ.ย.นี้ น่าจะส่งคำกล่าวหาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด รอให้เขาตอบข้อกล่าวหามาสัก 1-2 เดือน ผมก็คิดว่า ภายในสิ้นปีนี้ น่าจะจบได้ว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะชี้มูลหรือไม่อย่างไร ตอนนี้จึงยังสรุปอะไรไม่ได้ เพราะเรารอให้ทางอเมริกา เขาจบเรื่องก่อน เพื่อเราจะได้ข้อมูลมา ของเราก็ทำไประดับหนึ่งแล้วที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการให้สินบน ในทัศนะของกฎหมายอเมริกัน เราเพิ่งจะได้รับข้อมูลตรงนี้ เขาตกลงได้ว่ามีการให้สินบนจริง แต่อย่าลืมว่ากฎหมายไทย ไม่เหมือนกฎหมายอเมริกัน กฎหมายไทยมีลักษณะการพิจารณาคดีแตกต่างกัน ของเขาถึงแม้เขาเป็นคนอเมริกัน มาทำผิดต่างประเทศ ก็ถือว่าเป็นความผิดด้วย แต่ของเราสมมุติว่า เขาส่งเงินมาให้คนที่บ้านเรา แต่คนที่เมืองไทยไม่ได้รับ ไปรับที่ต่างประเทศ จะถือว่า เป็นความผิดหรือไม่ ตรงนี้ผมเองก็ยังต้องปรึกษานักกฎหมายว่า มีความผิดหรือไม่ อย่างไร" นายเมธีกล่าว
***ชัดเส้นทางโอนเงินให้จุฑามาศ
นายเมธี กล่าวว่าในเรื่องเส้นทางของเงินนั้น เป็นข้อมูลที่จาก FBI ที่ทางป.ป.ช. เห็นได้ชัดเต็มจอ ที่ลอสแองเจลีส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโอนเงินผ่านสิงค์โปร์ สเปน สวิสเซอร์แลนด์ และเกาะเจอร์ซีร์ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่า หากทางฝ่ายทนายจำเลยบอกว่าเป็นการโอนเงินในลักษณะส่งเงินเป็นค่าตอบแทน คอมมิชชั่นธรรมดา ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ทางฝ่ายโจทย์อาจกล่าวว่า ทำเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะมีการโอนกันมากถึง 50 กว่าครั้ง ในเวลาหลายปีต่อเนื่อง ตรงนี้จึงต้องมาดูในเหตุผลว่า แต่ละครั้งมีเหตุผลอย่างไร จึงต้องส่งแบบนี้
เมื่อถามว่า เส้นทางการโอนเงิน ทางป.ป.ช.มีความชัดเจนหรือไม่ นายเมธี กล่าวว่า มีบางส่วน อย่างที่ FBI ส่งให้ป.ป.ช. ผ่านทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI )เพราะป.ป.ช. มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน เฉพาะประเทศเดียว คือสิงคโปร์ ส่วนประเทศอื่น ทางป.ป.ช.กำลังจะขอจากทาง FBI
***แจ้งเจ้าตัวถูกไต่สวนแล้ว
การโอนเงินที่ผ่านมา เป็นการโอนเข้าบัญชีญาติของนางจุฑามาศ โอนติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี ครั้งละเป็นหมื่นเหรียญ โดยรวมแล้วจากการดูข้อมูลของ FBI พบว่า ในช่วงหลายปีที่ทำคดี มีเงินที่โอน ประมาณ 1 .8 ล้านเหรียญ เป็นเงินไทยประมาณ 50-60 ล้านบาท อยู่ในบัญชีเครือญาติ และเพื่อนพ้อง 2 บัญชี โดยจำนวนครั้งในการโอน พบว่ามีจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา นางจุฑามาศ ได้ติดต่อมายัง ป.ป.ช.บ้างหรือไม่ นายเมธี กล่าวว่า ทางคณะอนุกรรมการ ได้ส่งเรื่องการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนไปให้นางจุฑามาศแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อมาว่านางจุฑามาศ จะเดินทางมาชี้แจงหรือไม่ เพราะขั้นตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนการรวบรวมข้อเท็จจริงเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นการแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากนางจุฑามาศ มีความสมัครใจที่จะเข้ามาชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ก็สามารถทำได้ และป.ป.ช. เองก็พร้อมให้ความร่วมมือ
***เพ็ญสุดารับตกใจกับข่าว
ด้านน.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นรักษาการผู้ว่าการททท.ในช่วงที่นางจุฑามาศ ศิริวรรณ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ดังนั้นเมื่อผลของ ป.ป.ช.ออกมาเช่นนี้จึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ ปปช.ไม่เคยมาสอบถามตนเองในเรื่องนี้ มีเพียงได้รับหนังสือจากปปช. ส่งมาให้ชี้แจงเรื่องการเป็นรักษาการผู้ว่าการ ททท. ว่าสามารถรับตำแหน่งนี้ได้หรือไม่”
อย่างไรก็ตามหาก ปปช.จะเรียกตนเองไปสอบปากคำในคดีทุจริตงานบางกอกฟิล์ม เฟสติวัล ปี 50 ก็พร้อมให้ความร่วมมือ พร้อมจะเดินทางไปให้ปากคำ เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในครั้งนี้แน่นอน เพราะช่วงที่เกิดเรื่อง ตนอยู่ในตำแหน่งรองผู้ว่าด้านตลาดสินค้าการท่องเที่ยว ไม่ได้ดูแลเรื่องการจัดงานบางกอกฟิล์ม แต่ฝ่ายที่รับผิดชอบ คือ ด้านสื่อสารการตลาด แต่ไม่มั่นใจว่า ในช่วงที่เป็นรักษาการผู้ว่าการ ททท. นั้น เคยลงนามอนุมัติโครงการอะไรที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานบางกอก ฟิล์มฯ ปี 50 หรือไม่อย่างไร
***ยันเป็นผู้บริสุทธิ์
โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการททท.ที่ปปช.เอ่ยถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ไม่น่าจะใช้ตนเองแน่นอน เพราะในการเดินทางไปภาระกิจต่างประเทศของนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. จะสลับสับเปลี่ยน รองผู้ว่า ซึ่งมีอยู่หลายคน เข้ามาทำหน้าที่รักษาการแทน
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวยังระบุว่า การเข้ามาตรวจสอบของปปช.ในชาวงที่ผ่านมา โดยทำงานร่วมกับคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริงกรณีทุจริงฯ ซึ่งมีนางจุฑาพา เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาดเป็นประธานนั้น การทำงานค่อนข้างจะติดขัดและยากลำบาก เพราะต้องสืบค้นเอกสารย้อนหลังเป็นจำนวนมาก ซึ่งเก็บไว้ที่โกดังย่านเมืองพัทยา แต่สุดท้ายกลับพบว่า เอกสารเรื่องการว่าจ้างจัดงานบางกอกฟิล์มในช่วงปีที่ปีปัญหาดังกล่าว กลับถูกทำลายหมดสิ้น แต่ทางปปช.ก็พยายามที่จะสืบค้นข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ.
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้ (16ก.ย.) นายเมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตการรับสินบนเพื่อให้ได้รับสิทธิ์จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพ หรือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล จำนวน 60 ล้านบาท ที่มีนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าไปเกี่ยวข้อง ให้สัมภาษณ์ว่า คณะอนุกรรมการฯได้มีการประชุมพบว่า มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนจะเกี่ยวข้องด้วยด้านไหน อย่างไร ก็จะไปหาความเชื่อมโยงกันอีกครั้ง เพื่อนำเข้าแจ้งต่อที่ประชุมครั้งต่อไปว่ามีใครบ้าง และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาแล้ว ก็จะมีการแจ้งคำสั่งไปให้ทราบว่าบุคคลเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยผู้ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น พบว่ามีหลายระดับ ทั้งผู้บริหาร ผู้สนับสนุนประเภทหน้าห้อง รวมแล้วประมาณ 3-4 คน
นายเมธี กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะติดต่อกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อที่จะขอให้ทางฝ่าย FBI ของสหรัฐฯ ส่งข้อมูลต่างๆ มาให้ไทย ส่วนจะส่งได้ หรือไม่ได้ เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด หรือยังไม่ถึงที่สุด ตรงนี้ทางป.ป.ช. ก็จะรอให้ทางสหรัฐฯ ตอบมาให้ทราบ เพราะทาง ป.ป.ช. เองไม่ทราบว่าระบบนี้ทางสหรัฐฯเป็นอย่างไร
***ขอข้อมูลFBI เพิ่ม
แต่เท่าที่ทราบมาทางสหรัฐฯ เองมีข้อมูลในเรื่องนี้หมดทุกอย่างแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ ที่ป.ป.ช. ส่งไปสังเกตการณ์ที่ ลอสแองเจลีส แจ้งมาว่า ทางฝ่ายโจทย์ของสหรัฐฯ เวลานำเสนออะไรนั้น คนที่ต้องการดู สามารถดูได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ จะส่งให้ทางป.ป.ช.อย่างเป็นทางการได้หรือไม่นั้น ต้องรอให้เขาตอบมา วันนี้จึงมีมติว่าทางป.ป.ช.จะขอไปในส่วนนี้
"ถ้าเราจะทำ อย่างน้อย 2 อย่าง คือเอาคนที่เกี่ยวข้องมาแจ้งให้ทราบ คำสั่งแต่งตั้งกรรมการและรอข้อมูลจากทาง FBI ก็คงจะทำได้ทุกสัปดาห์นับแต่นี้ไป และหากไม่มีเหตุขัดข้องอื่นนั้น ในเดือน พ.ย.นี้ น่าจะส่งคำกล่าวหาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด รอให้เขาตอบข้อกล่าวหามาสัก 1-2 เดือน ผมก็คิดว่า ภายในสิ้นปีนี้ น่าจะจบได้ว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะชี้มูลหรือไม่อย่างไร ตอนนี้จึงยังสรุปอะไรไม่ได้ เพราะเรารอให้ทางอเมริกา เขาจบเรื่องก่อน เพื่อเราจะได้ข้อมูลมา ของเราก็ทำไประดับหนึ่งแล้วที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการให้สินบน ในทัศนะของกฎหมายอเมริกัน เราเพิ่งจะได้รับข้อมูลตรงนี้ เขาตกลงได้ว่ามีการให้สินบนจริง แต่อย่าลืมว่ากฎหมายไทย ไม่เหมือนกฎหมายอเมริกัน กฎหมายไทยมีลักษณะการพิจารณาคดีแตกต่างกัน ของเขาถึงแม้เขาเป็นคนอเมริกัน มาทำผิดต่างประเทศ ก็ถือว่าเป็นความผิดด้วย แต่ของเราสมมุติว่า เขาส่งเงินมาให้คนที่บ้านเรา แต่คนที่เมืองไทยไม่ได้รับ ไปรับที่ต่างประเทศ จะถือว่า เป็นความผิดหรือไม่ ตรงนี้ผมเองก็ยังต้องปรึกษานักกฎหมายว่า มีความผิดหรือไม่ อย่างไร" นายเมธีกล่าว
***ชัดเส้นทางโอนเงินให้จุฑามาศ
นายเมธี กล่าวว่าในเรื่องเส้นทางของเงินนั้น เป็นข้อมูลที่จาก FBI ที่ทางป.ป.ช. เห็นได้ชัดเต็มจอ ที่ลอสแองเจลีส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโอนเงินผ่านสิงค์โปร์ สเปน สวิสเซอร์แลนด์ และเกาะเจอร์ซีร์ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่า หากทางฝ่ายทนายจำเลยบอกว่าเป็นการโอนเงินในลักษณะส่งเงินเป็นค่าตอบแทน คอมมิชชั่นธรรมดา ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ทางฝ่ายโจทย์อาจกล่าวว่า ทำเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะมีการโอนกันมากถึง 50 กว่าครั้ง ในเวลาหลายปีต่อเนื่อง ตรงนี้จึงต้องมาดูในเหตุผลว่า แต่ละครั้งมีเหตุผลอย่างไร จึงต้องส่งแบบนี้
เมื่อถามว่า เส้นทางการโอนเงิน ทางป.ป.ช.มีความชัดเจนหรือไม่ นายเมธี กล่าวว่า มีบางส่วน อย่างที่ FBI ส่งให้ป.ป.ช. ผ่านทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI )เพราะป.ป.ช. มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน เฉพาะประเทศเดียว คือสิงคโปร์ ส่วนประเทศอื่น ทางป.ป.ช.กำลังจะขอจากทาง FBI
***แจ้งเจ้าตัวถูกไต่สวนแล้ว
การโอนเงินที่ผ่านมา เป็นการโอนเข้าบัญชีญาติของนางจุฑามาศ โอนติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี ครั้งละเป็นหมื่นเหรียญ โดยรวมแล้วจากการดูข้อมูลของ FBI พบว่า ในช่วงหลายปีที่ทำคดี มีเงินที่โอน ประมาณ 1 .8 ล้านเหรียญ เป็นเงินไทยประมาณ 50-60 ล้านบาท อยู่ในบัญชีเครือญาติ และเพื่อนพ้อง 2 บัญชี โดยจำนวนครั้งในการโอน พบว่ามีจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา นางจุฑามาศ ได้ติดต่อมายัง ป.ป.ช.บ้างหรือไม่ นายเมธี กล่าวว่า ทางคณะอนุกรรมการ ได้ส่งเรื่องการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนไปให้นางจุฑามาศแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อมาว่านางจุฑามาศ จะเดินทางมาชี้แจงหรือไม่ เพราะขั้นตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนการรวบรวมข้อเท็จจริงเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นการแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากนางจุฑามาศ มีความสมัครใจที่จะเข้ามาชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ก็สามารถทำได้ และป.ป.ช. เองก็พร้อมให้ความร่วมมือ
***เพ็ญสุดารับตกใจกับข่าว
ด้านน.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นรักษาการผู้ว่าการททท.ในช่วงที่นางจุฑามาศ ศิริวรรณ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ดังนั้นเมื่อผลของ ป.ป.ช.ออกมาเช่นนี้จึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ ปปช.ไม่เคยมาสอบถามตนเองในเรื่องนี้ มีเพียงได้รับหนังสือจากปปช. ส่งมาให้ชี้แจงเรื่องการเป็นรักษาการผู้ว่าการ ททท. ว่าสามารถรับตำแหน่งนี้ได้หรือไม่”
อย่างไรก็ตามหาก ปปช.จะเรียกตนเองไปสอบปากคำในคดีทุจริตงานบางกอกฟิล์ม เฟสติวัล ปี 50 ก็พร้อมให้ความร่วมมือ พร้อมจะเดินทางไปให้ปากคำ เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในครั้งนี้แน่นอน เพราะช่วงที่เกิดเรื่อง ตนอยู่ในตำแหน่งรองผู้ว่าด้านตลาดสินค้าการท่องเที่ยว ไม่ได้ดูแลเรื่องการจัดงานบางกอกฟิล์ม แต่ฝ่ายที่รับผิดชอบ คือ ด้านสื่อสารการตลาด แต่ไม่มั่นใจว่า ในช่วงที่เป็นรักษาการผู้ว่าการ ททท. นั้น เคยลงนามอนุมัติโครงการอะไรที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานบางกอก ฟิล์มฯ ปี 50 หรือไม่อย่างไร
***ยันเป็นผู้บริสุทธิ์
โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการททท.ที่ปปช.เอ่ยถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ไม่น่าจะใช้ตนเองแน่นอน เพราะในการเดินทางไปภาระกิจต่างประเทศของนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. จะสลับสับเปลี่ยน รองผู้ว่า ซึ่งมีอยู่หลายคน เข้ามาทำหน้าที่รักษาการแทน
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวยังระบุว่า การเข้ามาตรวจสอบของปปช.ในชาวงที่ผ่านมา โดยทำงานร่วมกับคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริงกรณีทุจริงฯ ซึ่งมีนางจุฑาพา เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาดเป็นประธานนั้น การทำงานค่อนข้างจะติดขัดและยากลำบาก เพราะต้องสืบค้นเอกสารย้อนหลังเป็นจำนวนมาก ซึ่งเก็บไว้ที่โกดังย่านเมืองพัทยา แต่สุดท้ายกลับพบว่า เอกสารเรื่องการว่าจ้างจัดงานบางกอกฟิล์มในช่วงปีที่ปีปัญหาดังกล่าว กลับถูกทำลายหมดสิ้น แต่ทางปปช.ก็พยายามที่จะสืบค้นข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ.