xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นปิดเหนือ710จุดรับปัจจัยบวกศก.สหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยปรับตัวเพิ่ม ยืนเหนือ 710 จุด รับข่าวดีต่างประเทศจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และราคาน้ำมันที่กลับไปแตะ 70 เหรียญ/บาร์เรล ดันสถาบัน – ต่างชาติร่วมใจช้อนเก็บ ส่งผลรายย่อยรับทรัพย์ขายสุทธิ 3พันล้าน โบรกเกอร์ประเมินวันนี้(17ก.ย.) มีแรงเทขาย แนะนำปล่อยทำกำไรเมื่อดัชนีดีดขึ้น ด้านผู้จัดการกองทุนยอมรับเซอร์ไพร์ส ไตรมาส3 หุ้นดีดตัว ดันกองหุ้นโต จนต้องปรับพอร์ตลดถือเงินสด เพื่อเข้าลงทุนหวั่นเสียโอกาส แต่เตือนความเสี่ยงยังมี

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16ก.ย.) ปิดที่ระดับ 710.25 จุด เพิ่มขึ้น 7.09 จุด หรือ 1.01% มูลค่าการซื้อขาย 25,710 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 713.12 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 709.02 จุด ซึ่งคาดว่าเป็นการปรับตัวรับปัจจัยบวกจากภายนอก กรณีตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ และการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯโดยวานนี้มีหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 274 หลักทรัพย์ ลดลง 69 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์
ขณะที่ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,595.04 ล้านบาท ปิดที่ 266.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,406.34 ล้านบาท ปิดที่ 226.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,400.16 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,046.29 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท และ TTA มูลค่าการซื้อขาย 938.06 ล้านบาท ปิดที่ 25.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
สำหรับมูลค่าการซื้อขายเมื่อแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า สถาบันซื้อสุทธิ 1,208.82 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อสุทธิ 1,830.69 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 3,039.50 ล้านบาท
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นดี โดยปัจจัยหลักมาจากปัจจัยภายนอกที่หนุนคือเรื่องของตัวเลขค้าปลีกเดือนส.ค.กับตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด และในส่วนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับสกุลหลักเยนกับยูโรก็ยังอ่อนค่าอยู่เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโดยรวมด้วย
"วานนี้โดยรวมดี และตลาดต่างประเทศก็หนุนด้วย อย่างฮั่งเส็งก็บวกดีมาก 500 กว่าจุด" น.ส.อาภาภรณ์ กล่าว
ส่วนทิศทางวันนี้(17ก.ย.) คิดว่าน่าจะยังไปได้แม้ว่าอาจจะมีการแกว่งจากแรงขายทำกำไรสลับมาบ้างแต่ในระยะนี้ก็มองทิศทางตลาดยังเป็น sideway up อยู่ แนวต้านสั้นๆ อยู่ประมาณ 715-720 จุด ช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ กลยุทธ์อ่อนตัวซื้อเล่นรอบ รีบาวน์ขึ้นมาแรงๆ ก็มี take profit บ้าง
ด้านน.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังได้รับอานิสงส์จากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลขการค้าปลีกและตัวเลขสต็อกสินค้าการผลิตปรับตัวอยู่ในทิศทางเชิงบวก อีกทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกยังสามารถยืนเหนือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้อีกครั้ง
ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังส่งสัญญาณอ่อนตัว ส่งผลให้ในช่วงการซื้อขายวานนี้ มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการเมืองในประเทศขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจน และยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย วันนี้ คาดว่าจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ แต่เชื่อว่าจะมีแรงขายจากนักลงทุนบางส่วนที่ได้ตอบรับกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ควรติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันในตลาดโลกและดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯว่าจะมีปัจจัยใดที่จะเข้ามาส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นแถบยุโรป ซึ่งกลยุทธ์การลงทุน คือ แนะนำขายเมื่อดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นและทยอยซื้อเมื่อดัชนีฯปรับตัวลดลง โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 700 จุดและแนวต้าน 717 จุด

**กองทุนประหลากใจQ3พีค

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวถึงภาวะตลาดทุนไทย ว่าในช่วงไตรมาส3 นี้ถือเป็นเรื่องผิดคาด และพลิกล็อกมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้หลายฝ่ายเชื่อว่าไตรมาสนี้จะเป็นช่วงโลว์ซีซัน ดัชนีในตลาดหุ้นไม่น่าเคลื่อนไหวอะไรมากนัก แต่ปรากฏว่ากลับเป็นอีกไตรมาสที่ตลาดหุ้นกลับมีความคึกคัก สังเกตได้จากดัชนีที่ขึ้นมายืนอยู่เหนือ 700 จุดได้ ซึ่งทำให้บรรดาฟันด์แมเนเจอร์ ต้องปรับการลงทุน โดยเฉพาะในกองทุนตราสารทุน (หุ้น) ให้เหมาะสมกับภาวการณ์เพื่อไม่ให้เสียโอกาสต่อการสร้างผลตอบแทน
“จากเดิมไตรมาสนี้ เราวางไว้ว่าเน้นถือเงินสด ก็ต้องปรับลดสัดส่วนดังกล่าวลงเพื่อเข้าลงทุนในหุ้น และสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแก่กองทุนที่เราบริหาร ดังนั้นไตรมาส3นี้จึงถือเป็นเรื่องที่พลิกล็อกมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากข่าวดีต่างๆรวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม อยากแนะนำให้นักลงทุนระวังความเสี่ยงไว้ด้วย เพราะเท่าที่มองดูแม้จะมีปัจจัยบวกหนุนอยู่มาก แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่เช่นกัน”
ทั้งนี้ สัดส่วนในการลงทุนของบรรดากองทุนหุ้นนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ไทย) ให้ความเห็นว่า โดยทั่วไปเชื่อว่ายังคงเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก เช่น ธนาคาร กลุ่มพลังงาน นั่นเอง ซึ่งภาพในปีนี้ถือว่ากองทุนหุ้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส2 ที่ผ่านมาตามภาวะดัชนีที่มีการปรับตัวสูง ซึ่งก็ทำให้มีผู้สนใจเลือกทุนผ่านกองทุนประเภทดังกล่าวตามไปด้วย
“กองทุนหุ้นตอนนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น ตามภาวะดัชนีที่ปรับตัวขึ้นสูง โดยเริ่มมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ซึ่งภาพรวมถือว่าดีกว่าช่วงไตรมาสแรกของปี และปีที่ผ่านมา”นายวนา กล่าว
ส่วนภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่าน ผู้บริหาร บลจ.ยูโอบี ระบุว้าพอใจกับนโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐในหลายเรื่อง ซึ่งเริ่มเห็นผลแล้ว จึงอยากแนะให้รัฐเร่งกระตุ้นประชาชนให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการระดมทุนของภาครัฐผ่านทางพันธมิตร น่าจะจะมีวามชัดเจนในจำนวนเงิน และระยะเวลามากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น