ASTVผู้จัดการรายวัน- บีโอไอเผยผลสำรวจนักลงทุนที่มีมูลค่าลงทุน 500 ล้านบาทขึ้นไปพบครึ่งปีหลังปีนี้มีแผนขยายการลงทุนคิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 1.13 แสนล้านบาท กระจายทุกกลุ่มฯ ขณะที่บอร์ดอนุมัติเพิ่มประเภทกิจการส่งเสริมฯใหม่ 4 ประเภทเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบอุตสาหกรรม
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงผลสำรวจภาวะการจ้างงาน การผลิต และการจำหน่าย ของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ในช่วงเดือน กรกฎาคม 2552 ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ที่มีมูลค่าเงินลงทุนของทุกโครงการรวมกันตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป และได้รับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวน 371 บริษัท ซึ่งผลสำรวจพบว่า มีผู้ประกอบการถึง 94 บริษัท จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยภายในปี 2552 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 113,920 ล้านบาท กระจายในเกือบทุกอุตสาหกรรม
ทั้งนี้กลุ่มที่มีแผนขยายการลงทุนสูงสุด ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี กระดาษ พลาสติก มูลค่าเงินลงทุนกว่า 43,702 ล้านบาท อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มูลค่า 21,839 ล้านบาท อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 19,104 ล้านบาท และอุตสาหกรรม เกษตรกรรม/ผลิตผลเกษตร มูลค่าเงินลงทุน 14,70ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนบริษัทที่เหลือกว่า 200 ราย มีทั้งกลุ่มที่ยังไม่มีแผนจะขยายการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 และยังไม่แน่ใจหรืออยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกก่อน
นอกจากนี้ผู้ประกอบการ 155 รายหรือ 42% จะมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการจ้างพนักงานชั่วคราวเพิ่มขึ้นแล้ว ถึง 62% ขณะที่มีผู้ประกอบการ 47% หรือประมาณ 173 ราย จะคงระดับการจ้างงานไว้ในระดับเดิม จากเมื่อช่วงต้นปีที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ปรับลดพนักงานลงไปมากแล้ว ประกอบกับตั้งแต่ช่วงไตรมาส ที่ 2 ที่ผ่านมา เริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ได้มีมติเห็นชอบมาตรการปรับปรุงประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน ตามข้อเสนอของบีโอไอ โดยที่ประชุมมีมติให้บีโอไอ ปรับเพิ่มประเภทกิจการขึ้นใหม่ 4 ประเภท
ได้แก่ 1.กิจการผลิตวัสดุนาโน หรือการผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุนาโน เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยจัดเป็นกิจการที่ให้ความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศเป็นพิเศษ 2. กิจการผลิตเครื่องดนตรี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมต้นน้ำและสนับสนุนให้มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเกณฑ์ที่ตั้ง 3.กิจการผลิตบ้านสำเร็จรูป (Completely Built Units-CBU) หรือส่วนประกอบของบ้านสำเร็จรูป (CKD) เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจก่อสร้างที่ใช้เทคนิคใหม่ โดยให้ได้สิทธิ์ด้านภาษีเฉพาะการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรทุกเขต 4. กิจการเขตอุตสาหกรรมบริการ เพื่อกำหนดให้เกิดพื้นที่เฉพาะเพื่อให้เกิดคลัสเตอร์ การท่องเที่ยว โดยให้ได้รับสิทธิ และประโยชน์เช่นเดียวกับกิจการเขตอุตสาหกรรม
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงผลสำรวจภาวะการจ้างงาน การผลิต และการจำหน่าย ของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ในช่วงเดือน กรกฎาคม 2552 ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ที่มีมูลค่าเงินลงทุนของทุกโครงการรวมกันตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป และได้รับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวน 371 บริษัท ซึ่งผลสำรวจพบว่า มีผู้ประกอบการถึง 94 บริษัท จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยภายในปี 2552 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 113,920 ล้านบาท กระจายในเกือบทุกอุตสาหกรรม
ทั้งนี้กลุ่มที่มีแผนขยายการลงทุนสูงสุด ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี กระดาษ พลาสติก มูลค่าเงินลงทุนกว่า 43,702 ล้านบาท อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มูลค่า 21,839 ล้านบาท อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 19,104 ล้านบาท และอุตสาหกรรม เกษตรกรรม/ผลิตผลเกษตร มูลค่าเงินลงทุน 14,70ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนบริษัทที่เหลือกว่า 200 ราย มีทั้งกลุ่มที่ยังไม่มีแผนจะขยายการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 และยังไม่แน่ใจหรืออยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกก่อน
นอกจากนี้ผู้ประกอบการ 155 รายหรือ 42% จะมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการจ้างพนักงานชั่วคราวเพิ่มขึ้นแล้ว ถึง 62% ขณะที่มีผู้ประกอบการ 47% หรือประมาณ 173 ราย จะคงระดับการจ้างงานไว้ในระดับเดิม จากเมื่อช่วงต้นปีที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ปรับลดพนักงานลงไปมากแล้ว ประกอบกับตั้งแต่ช่วงไตรมาส ที่ 2 ที่ผ่านมา เริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ได้มีมติเห็นชอบมาตรการปรับปรุงประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน ตามข้อเสนอของบีโอไอ โดยที่ประชุมมีมติให้บีโอไอ ปรับเพิ่มประเภทกิจการขึ้นใหม่ 4 ประเภท
ได้แก่ 1.กิจการผลิตวัสดุนาโน หรือการผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุนาโน เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยจัดเป็นกิจการที่ให้ความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศเป็นพิเศษ 2. กิจการผลิตเครื่องดนตรี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมต้นน้ำและสนับสนุนให้มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเกณฑ์ที่ตั้ง 3.กิจการผลิตบ้านสำเร็จรูป (Completely Built Units-CBU) หรือส่วนประกอบของบ้านสำเร็จรูป (CKD) เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจก่อสร้างที่ใช้เทคนิคใหม่ โดยให้ได้สิทธิ์ด้านภาษีเฉพาะการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรทุกเขต 4. กิจการเขตอุตสาหกรรมบริการ เพื่อกำหนดให้เกิดพื้นที่เฉพาะเพื่อให้เกิดคลัสเตอร์ การท่องเที่ยว โดยให้ได้รับสิทธิ และประโยชน์เช่นเดียวกับกิจการเขตอุตสาหกรรม