ตลาดหลักทรัพย์ผนึกกำลัง บีโอไอ ผุดมาตรการส่งเสริมลงทุนยกเว้นภาษีไม่จำกัดวงเงิน ล่อใจบริษัทไทยและต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดเพิ่มอีก 50 แห่ง เพื่อขยายไซส์มาร์เกตแคป วางเงื่อนไขต้องยื่นขอก่อนปี 2555 ล่าสุด เตรียมบุกนิคมในชลบุรี ประเดิมโรดโชว์บริษัทต่างแดนตุลาคมนี้
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสิรมการลงทุน (บีโอไอ ) เรื่องมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ กับการระดมทุนใน ตลท.และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ถือว่าเป็นความร่วมมือครั้งแรก โดยบริษัทจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่จำกัดวงเงิน หากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอจากเดิมที่จำกัดไว้ไม่เกินขนาดการลงทุนในโครงการ และคาดว่า จะมีบริษัทเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวน 50 แห่ง
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่า บริษัทที่ต้องการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะต้องยื่นขอรับสิทธิประโยชน์กับบีโอไอภายในปี 2555 แต่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อใดก็ได้เมื่อมีความพร้อม ซึ่งมาตรการนี้จะให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียน และต้องการที่จะเข้าจดทะเบียนในอนาคต เพราะ ต้องการสนับสนุนให้มีบริษัทใหม่ๆเข้ามาดจดทะเบียนมากขึ้น
“ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า 50 บริษัทดังกล่าว จะเริ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีไหน เพราะขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบริษัท”
ขณะเดียวกัน ในโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมแล้ว แม้มีรายได้แล้วก็สามารถขอรับสิทธิเพิ่มเติมตามมาตรการนี้ได้ แต่ ณ วันยื่นขอ จะต้องยังมีสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้เหลืออยู่ ทั้งระยะเวลาและวงเงินที่ได้รับสิทธิ และบริษัทใดบริษัทหนึ่งสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้ได้โดยไม่จำกัดจำนวนโครงการ
“มาตรการส่งเสริมการลงทุนนี้จะเอื้ออำนวยให้กิจการทุกประเภทที่บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนและต้องการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 8 ปี ในลักษณะไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดสัดส่วน ไม่จำกัดจำนวนโครงการจากเดิมที่ถูกจำกัดไว้ไม่เกินขนาดการลงทุนในโครงการ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 แต่ไม่มีผลบังคับใช้กับบริษัทที่จดทะเบียน ตลท.หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ อยู่แล้ว ก่อนวันที่ยื่นขอรับการส่งเสริม” นางอรรชการ กล่าว
ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะร่วมกับทางบีโอไอ ในการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในการให้ความรู้แก่บริษัท โดยจะเน้นกลุ่มบริษัทที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลักในปีนี้ จำนวน 3 ภาค โดยครั้งแรกจะจัดในช่วงเดือนตุลาคม ในภาคตะวันออก คือ จังหวัดชลบุรี และภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป
สำหรับมาตรการดังกล่าวเชื่อว่า จะเป็นแรงจูงใจให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และทำให้เพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของตลาดหุ้นไทยสูงขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเบาที่ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้เงิน ลงทุน และเพิ่งพาเงินทุนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศได้น้อยลง โดยบริษัทที่เข้าจดทะเบียนด้วยมาตรการนี้จะได้รับการส่งเสริมการลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีอย่างเต็มที่ ทำให้ภาคธุรกิจสามารถนำผลกำไรที่ได้รับการจัดสรรเป็นผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์มีบริษัทจดทะเบียนอยู่ 530 บริษัท และมีบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จำนวน 128บริษัท รวม 321 โครงการ ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมทั่วไป 29 แห่ง กลุ่มเกษตรและอาหาร 28 บริษัท กลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 15 บริษัท กลุ่มเทคโนโลยี จำนวน 11 บริษัท และกลุ่มทรัพยากร จำนวน 11 บริษัท
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผุ้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับทางบีโอไอนั้น คาดว่า จากนี้ถึงปี 2555 จะมีบริษัทยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,000 บริษัท ซึ่งคาดว่า จะมีบริษัทประมาณ 500 บริษัทที่จะมีกำไรมากกว่าเงินลงทุนที่ขอกับบีโอไอ และโดยบีโอไอจะคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพที่ดีประมาณ 50 บริษัทให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสิรมการลงทุน (บีโอไอ ) เรื่องมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ กับการระดมทุนใน ตลท.และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ถือว่าเป็นความร่วมมือครั้งแรก โดยบริษัทจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่จำกัดวงเงิน หากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอจากเดิมที่จำกัดไว้ไม่เกินขนาดการลงทุนในโครงการ และคาดว่า จะมีบริษัทเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวน 50 แห่ง
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่า บริษัทที่ต้องการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะต้องยื่นขอรับสิทธิประโยชน์กับบีโอไอภายในปี 2555 แต่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อใดก็ได้เมื่อมีความพร้อม ซึ่งมาตรการนี้จะให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียน และต้องการที่จะเข้าจดทะเบียนในอนาคต เพราะ ต้องการสนับสนุนให้มีบริษัทใหม่ๆเข้ามาดจดทะเบียนมากขึ้น
“ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า 50 บริษัทดังกล่าว จะเริ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีไหน เพราะขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบริษัท”
ขณะเดียวกัน ในโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมแล้ว แม้มีรายได้แล้วก็สามารถขอรับสิทธิเพิ่มเติมตามมาตรการนี้ได้ แต่ ณ วันยื่นขอ จะต้องยังมีสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้เหลืออยู่ ทั้งระยะเวลาและวงเงินที่ได้รับสิทธิ และบริษัทใดบริษัทหนึ่งสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้ได้โดยไม่จำกัดจำนวนโครงการ
“มาตรการส่งเสริมการลงทุนนี้จะเอื้ออำนวยให้กิจการทุกประเภทที่บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนและต้องการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 8 ปี ในลักษณะไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดสัดส่วน ไม่จำกัดจำนวนโครงการจากเดิมที่ถูกจำกัดไว้ไม่เกินขนาดการลงทุนในโครงการ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 แต่ไม่มีผลบังคับใช้กับบริษัทที่จดทะเบียน ตลท.หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ อยู่แล้ว ก่อนวันที่ยื่นขอรับการส่งเสริม” นางอรรชการ กล่าว
ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะร่วมกับทางบีโอไอ ในการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในการให้ความรู้แก่บริษัท โดยจะเน้นกลุ่มบริษัทที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลักในปีนี้ จำนวน 3 ภาค โดยครั้งแรกจะจัดในช่วงเดือนตุลาคม ในภาคตะวันออก คือ จังหวัดชลบุรี และภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป
สำหรับมาตรการดังกล่าวเชื่อว่า จะเป็นแรงจูงใจให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และทำให้เพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของตลาดหุ้นไทยสูงขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเบาที่ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้เงิน ลงทุน และเพิ่งพาเงินทุนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศได้น้อยลง โดยบริษัทที่เข้าจดทะเบียนด้วยมาตรการนี้จะได้รับการส่งเสริมการลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีอย่างเต็มที่ ทำให้ภาคธุรกิจสามารถนำผลกำไรที่ได้รับการจัดสรรเป็นผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์มีบริษัทจดทะเบียนอยู่ 530 บริษัท และมีบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จำนวน 128บริษัท รวม 321 โครงการ ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมทั่วไป 29 แห่ง กลุ่มเกษตรและอาหาร 28 บริษัท กลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 15 บริษัท กลุ่มเทคโนโลยี จำนวน 11 บริษัท และกลุ่มทรัพยากร จำนวน 11 บริษัท
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผุ้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับทางบีโอไอนั้น คาดว่า จากนี้ถึงปี 2555 จะมีบริษัทยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,000 บริษัท ซึ่งคาดว่า จะมีบริษัทประมาณ 500 บริษัทที่จะมีกำไรมากกว่าเงินลงทุนที่ขอกับบีโอไอ และโดยบีโอไอจะคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพที่ดีประมาณ 50 บริษัทให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ