xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติเล็งตั้งศูนย์รวมบิล รอเคลียร์ผลประโยชน์ลงตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยมีแผนตั้งศูนย์รวมบิลค่าสาธาณูปโภค หวังเพิ่มความสะดวกผู้บริโภคและลดต้นทุนผู้ประกอบการ แต่ยังไม่กำหนดเวลาตายตัว เหตุติดขัดปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะภาคเอกชนบางแห่งที่ต้องเสียผลประโยชน์

นางทศชนก ลีลาวรรณกุลศิริ ผู้บริหารส่วนนโยบายและกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธปท.อยู่ระหว่างหารือกับคณะทำงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันศึกษาการจัดตั้งศูนย์รวมบิล เพื่อรวบรวมใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ให้สามารถแจ้งผ่านเข้ามารวมที่ศูนย์เพียงแห่งเดียว เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการแจ้งค่าใช้จ่ายในด้านสาธารณูปโภคต่างๆแก่ผู้บริโภค

นอกจากนี้ จะเป็นการช่วยลดต้นทุนค่ากระดาษ และค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ให้กับหน่วยงาน หรือบริษัทผู้ออกบิล และผู้ประกอบการด้วย ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้น่าจะมีผลดีต่อแนวโน้มการคิดค่าธรรมเนี้ยม ค่าบริการในการชำระเงินให้ลดลงจากปัจจุบันได้ จากปัจจุบันมีการคิดค่าบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 บาทต่อรายการ

“ถ้าสามารถตั้งศูนย์รวมบิลดังกล่าวได้ บิลทุกอย่างจะถูกส่งมาที่ศูนย์นี้ แล้วผู้ใช้บริการสาธารณูปโภคคนใดอยากรู้ว่าตัวเองมีบิลค่าใช้จ่ายไรบ้าง ก็เข้าไปดูได้ที่เว็บไซด์ของศูยน์นี้ และศูนย์นี้ยังสามารถแจ้งรายละเอียดบิลต่างๆได้ทางอีเล็กทรอนิกส์หลายๆทาง เช่น ผ่านเอสเอ็มเอส เข้ามือถือ หรือ ส่งเป็นอีเมล์มาให้ หรือไปเปิดดูข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต หรือกระทั่งแจ้งแค่เลขบัตรประชาชน เพื่อดูข้อมูลบิลทั้งหมดได้ที่ร้านเซเว่นอีเลเว่น ก็ได้ ซึ่งถ้าตั้งศูนย์นี้สำเร็จน่าจะช่วยให้ค่าบริการเหล่านี้ลดลงได้” นางทศชนกกล่าว

อย่างไรก็ตาม การตั้งศูนย์ฯดังกล่าวยังไม่สามารถกำหนดได้ระยะเวลาตายตัวได้ว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเมื่อไร เนื่องจากขณะนี้คณะทำงานพึ่งจะเริ่มประชุมกันไปได้เพียงครั้งเดียว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เช่น บริษัทมีการลงทุนระบบจัดการบิลและระบบการชำระเงินของตัวเองไปแล้ว ซึ่งจะเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์(นอนแบงก์) ไปรษณีย์ เซเว่นอีเลเว่น เป็นต้น ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่เหมาะสมร่วมกันได้

ทั้งนี้ การดำเนินงานของคณะทำงานข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการตามนโยบายการมุ่งลดการใช้เช็คและเงินสดของธปท. ที่ให้ระบบการชำระเงินอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคมากขึ้นตามแผนพัฒนาระบบการชำระเงินของไทย โดยในปี 2553 ธปท.จะมุ่งส่งเสริมการชำระเงินทางอีเล็กทรอนิกส์ ทั้งในส่วนของการชำระเงินรายย่อยและรายใหญ่มากขึ้น โดยในการโอนเงินรายใหญ่ ก็ส่งเสริมระบบบาทเน็ตที่มีการตัดบัญชีผู้โอนทันที และผู้รับก็ได้รับเงินเข้าบัญชีทันที ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการชำระเงิน

ด้านการโอนเงินรายย่อย ธปท.ได้ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิตการ์ด ที่ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์หันมาออกแทนบัตรเอทีเอ็มมากขึ้น แต่ยังติดปัญหาว่าค่าธรรมเนียม เและบริการที่ยังตอบแทนผู้บริโภคไม่เพียงพอ ซึ่งธปท.ต้องหาแนวทางดูแลให้เหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ ธปท.ยังส่งเสริมให้รายย่อย ชำระผ่านระบบDirect Debit เป็นการตัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ จ่ายค่าน้ำ ไฟ อัตโนมัติ ระบบ Credit Transfer เป็นการโอนเงินด้วยการตัดบัญชีของเจ้าของบัญชีไปบัญชีอื่นๆ ระบบSmart ที่การเลือกรับโอนเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารอื่นๆได้ ระบบ ORFT การโอนเงินผ่านเอทีเอ็ม และระบบอีเล็กทรอนิกส์แบงก์กิ้งอื่นๆมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้คณะกรรมการระบบการชำระเงินจะจัดทำแผนและกำหนดรายละเอียดในการพัฒนาในแต่ละส่วนสำหรับปีหน้าต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น