"มาร์ค"หวั่นงบ 2 หมื่นล้าน โครงการครีเอทีฟไทยแลนด์ถูกรุมทึ้ง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่แห่เสนอโปรเจกต์เข้ามาเพียบ ต้องลงนั่งคุมเอง แถมพ่วง"เสี่ยจ้อน" นั่ง ปธ.อนุกรรมการบริหารนโยบาย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ได้เห็นชอบพันธสัญญา 12 ข้อ ของรัฐบาลที่ให้ไว้ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ "โครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย" (Creative Thailand Commitments) เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 52 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยจะดึงงบไทยเข้มแข็ง 20,130 ล้านบาท ผลักดันไทยให้เป็น “ฮับ” เศรษฐกิจสร้างสรรค์อาเซียน ตั้งเป้า 3 ปีเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็น 20% ของจีดีพี
โดยพันธสัญญาดังกล่าวครอบคลุม 4 ด้าน คือ 1. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2. สร้างสรรค์รากฐานและปลูกฝังความสามารถด้านความคิดและการสร้างสรรค์ในระบบการศึกษาไทย 3. กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ4. ส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเสนอโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อของบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2552 มาหลายราย ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผน ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เป็นประธาน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน (ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี) เป็นที่ปรึกษา นายอลงกรณ์ พลบุตร รมว.พาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยนางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ มีอำนาจหน้าที่ อาทิ กำหนดนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กำหนดแนวทาง มาตรการ เพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้บรรลุตามเป้าหมาย รวมทั้งสั่งการ ตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติงานของส่วนราชการ และหน่วยงานรูปแบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ตลอดจนแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน คณะที่ปรึกษา เพื่อรับผิดชอบดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้เป็นการเฉพาะเรื่อง และรายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมี เพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายที่คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติมอบหมาย
มีอำนาจหน้าที่ อาทิ จัดทำแผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดำเนินการขับเคลื่อน ประสานงาน เร่งรัด และติดตามการปฏิบัติงานภายใต้แผนงาน กิจกรรมและโครงการที่สนับสนุนพันธสัญญาของรัฐบาล 12 ข้อ และที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัดทำกรอบแนวทาง และหลักเกณฑ์ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ตลอดจนรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฯ ทราบเป็นระยะ เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะที่ งบประมาณเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในส่วนของภาครัฐขณะนี้ เช่น กระทรวงวัฒนธรรมมีจำนวนทั้งสิ้น 17 โครงการ ซึ่งได้เสนอของบประมาณ แล้ว จำนวน 6,172 ล้านบาท มีโครงการที่สำคัญ ประกอบด้วย โครงการลานบุญ ลานปัญญา งบประมาณ 375 ล้านบาท โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ งบประมาณ 300 ล้านบาท และโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ งบประมาณ 1,951 ล้านบาท.
เป็นโครงการอุตสาหกรรมนำร่อง 15 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย หัตถกรรม, การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม, อาหารไทย, แพทย์แผนไทย, ศิลปะการแสดงและทัศนศิลป์, ภาพยนตร์, สิ่งพิมพ์, ถ่ายทอดสดและกระจายเสียง, เพลง, ออกแบบ, แฟชั่น, สถาปัตยกรรม, โฆษณา, และซอฟต์แวร์ สามารถจัดทำโครงการขอใช้เงินเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมให้ดียิ่งขึ้น โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ให้การสนับสนุน
ขณะที่มีโครงการเสนอขอเข้ามาใช้เงินเฟสแรก 17,000 ล้านบาท แต่ได้อนุมัติไปเบื้องต้น 3,800 ล้านบาท และมีโครงการที่เสนอใหม่อีก 16,000 ล้านบาท ซึ่งก็กำลังดูรายละเอียดของโครงการว่าสอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำหรือไม่ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะเกิดประโยชน์อะไรกับภาคอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งหากเข้าข่าย ก็พร้อมที่จะผลักดันให้ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ได้เห็นชอบพันธสัญญา 12 ข้อ ของรัฐบาลที่ให้ไว้ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ "โครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย" (Creative Thailand Commitments) เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 52 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยจะดึงงบไทยเข้มแข็ง 20,130 ล้านบาท ผลักดันไทยให้เป็น “ฮับ” เศรษฐกิจสร้างสรรค์อาเซียน ตั้งเป้า 3 ปีเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็น 20% ของจีดีพี
โดยพันธสัญญาดังกล่าวครอบคลุม 4 ด้าน คือ 1. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2. สร้างสรรค์รากฐานและปลูกฝังความสามารถด้านความคิดและการสร้างสรรค์ในระบบการศึกษาไทย 3. กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ4. ส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเสนอโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อของบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2552 มาหลายราย ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผน ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เป็นประธาน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน (ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี) เป็นที่ปรึกษา นายอลงกรณ์ พลบุตร รมว.พาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยนางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ มีอำนาจหน้าที่ อาทิ กำหนดนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กำหนดแนวทาง มาตรการ เพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้บรรลุตามเป้าหมาย รวมทั้งสั่งการ ตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติงานของส่วนราชการ และหน่วยงานรูปแบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ตลอดจนแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน คณะที่ปรึกษา เพื่อรับผิดชอบดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้เป็นการเฉพาะเรื่อง และรายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมี เพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายที่คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติมอบหมาย
มีอำนาจหน้าที่ อาทิ จัดทำแผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดำเนินการขับเคลื่อน ประสานงาน เร่งรัด และติดตามการปฏิบัติงานภายใต้แผนงาน กิจกรรมและโครงการที่สนับสนุนพันธสัญญาของรัฐบาล 12 ข้อ และที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัดทำกรอบแนวทาง และหลักเกณฑ์ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ตลอดจนรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฯ ทราบเป็นระยะ เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะที่ งบประมาณเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในส่วนของภาครัฐขณะนี้ เช่น กระทรวงวัฒนธรรมมีจำนวนทั้งสิ้น 17 โครงการ ซึ่งได้เสนอของบประมาณ แล้ว จำนวน 6,172 ล้านบาท มีโครงการที่สำคัญ ประกอบด้วย โครงการลานบุญ ลานปัญญา งบประมาณ 375 ล้านบาท โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ งบประมาณ 300 ล้านบาท และโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ งบประมาณ 1,951 ล้านบาท.
เป็นโครงการอุตสาหกรรมนำร่อง 15 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย หัตถกรรม, การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม, อาหารไทย, แพทย์แผนไทย, ศิลปะการแสดงและทัศนศิลป์, ภาพยนตร์, สิ่งพิมพ์, ถ่ายทอดสดและกระจายเสียง, เพลง, ออกแบบ, แฟชั่น, สถาปัตยกรรม, โฆษณา, และซอฟต์แวร์ สามารถจัดทำโครงการขอใช้เงินเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมให้ดียิ่งขึ้น โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ให้การสนับสนุน
ขณะที่มีโครงการเสนอขอเข้ามาใช้เงินเฟสแรก 17,000 ล้านบาท แต่ได้อนุมัติไปเบื้องต้น 3,800 ล้านบาท และมีโครงการที่เสนอใหม่อีก 16,000 ล้านบาท ซึ่งก็กำลังดูรายละเอียดของโครงการว่าสอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำหรือไม่ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะเกิดประโยชน์อะไรกับภาคอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งหากเข้าข่าย ก็พร้อมที่จะผลักดันให้ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ
