ASTVผู้จัดการรายวัน-รุมทึ้งงบครีเอทีฟ ไทยแลนด์ หลังนายกฯ คิกออฟ 31 ส.ค. จนถึงวันนี้ มีผู้เสนอโครงการขอใช้เงินแล้วกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลตั้งงบไว้แค่ 2 หมื่นล้านบาท เผยขอกันสเปะสปะ ยัดโครงการกันเป็นว่าเล่น ขณะที่สศช.ก็ไม่มีกฎ กติกา ที่ชัดเจน “พาณิชย์” เต้นขอหารือผู้เกี่ยวข้อง วางหลักเกณฑ์ด่วน ป้องกันปัญหาใช้เงินผิดวัตถุประสงค์และไม่ตรงเป้ารัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการเมืองไทย เมืองนักคิด หรือ Creative Thailand ไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2552 ที่ผ่านมา และภายใต้โครงการดังกล่าว รัฐบาลได้จัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) วงเงิน 20,130 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินกองทุนสำหรับการขับเคลื่อนให้กับอุตสาหกรรมนำร่อง 15อุตสาหกรรมไปแล้วนั้น และเปิดกว้างสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะขอใช้เงินก้อนนี้ ปรากฎว่ามีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เสนอโครงการเข้ามาขอใช้เงินเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีวงเงินสูงถึง 4 หมื่นล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ การเสนอขอโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์ก็มี ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ก็มี และคนที่พิจารณาอนุมัติโครงการอย่างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็ไม่มีการกำหนดกรอบและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์คืออะไรบ้าง ทำให้ทุกคนต่างพุ่งเป้ามาเพื่อขอใช้เงินก้อนนี้กันอย่างเต็มที่ยกตัวอย่างเช่น การผลิตกุนเชียงไร้ไขมัน ก็ยังเสนอขอใช้เงินเข้ามา ทั้งๆ ที่ควรจะไปขอใช้เงินจากหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ เช่น ธนาคาร SMEs
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นหนึ่งในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลมีแผนที่จะดำเนินการ ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแนวใหม่ที่จะให้คนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำเพื่อผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะเศรษฐกิจยุคใหม่ จะต้องใช้ปัญญาเข้าไปช่วยในการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อให้สินค้าและบริการแข่งขันได้ในตลาดโลก
สำหรับการจัดทำโครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของประเทศที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ มีความพยายามในการปรับปรุง พัฒนาอุตสาหกรรมของตัวเอง สามารถเสนอโครงการเพื่อขอใช้เงินเข้ามาได้ โดยกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองโครงการ จากนั้นจะเสนอให้สศช. เป็นผู้พิจารณาความเป็นไปได้ ก่อนที่จะเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาในรายละเอียดโครงการ และจะเสนอให้คณะกรรมการไทยเข้มแข็ง พิจารณาอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย
“เมื่อมีปัญหาความไม่ชัดเจนในแง่การอนุมัติโครงการ และการมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันและรับผิดชอบโครงการ จะต้องมีการกำหนดกรอบและกติกาในการพิจารณาอนุมัติโครงการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ และไม่ตรงตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้”แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (7 ก.ย.) จะมีการเปิดแถลงข่าวถึงรายละเอียดของโครงการต่างๆ ที่มาขอใช้เงินภายใต้โครงการ Creative Thailand หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ย. โดยคาดว่าจะน่าจะมีความชัดเจนถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอใช้เงินในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการเมืองไทย เมืองนักคิด หรือ Creative Thailand ไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2552 ที่ผ่านมา และภายใต้โครงการดังกล่าว รัฐบาลได้จัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) วงเงิน 20,130 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินกองทุนสำหรับการขับเคลื่อนให้กับอุตสาหกรรมนำร่อง 15อุตสาหกรรมไปแล้วนั้น และเปิดกว้างสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะขอใช้เงินก้อนนี้ ปรากฎว่ามีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เสนอโครงการเข้ามาขอใช้เงินเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีวงเงินสูงถึง 4 หมื่นล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ การเสนอขอโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์ก็มี ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ก็มี และคนที่พิจารณาอนุมัติโครงการอย่างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็ไม่มีการกำหนดกรอบและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์คืออะไรบ้าง ทำให้ทุกคนต่างพุ่งเป้ามาเพื่อขอใช้เงินก้อนนี้กันอย่างเต็มที่ยกตัวอย่างเช่น การผลิตกุนเชียงไร้ไขมัน ก็ยังเสนอขอใช้เงินเข้ามา ทั้งๆ ที่ควรจะไปขอใช้เงินจากหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ เช่น ธนาคาร SMEs
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นหนึ่งในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลมีแผนที่จะดำเนินการ ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแนวใหม่ที่จะให้คนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำเพื่อผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะเศรษฐกิจยุคใหม่ จะต้องใช้ปัญญาเข้าไปช่วยในการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อให้สินค้าและบริการแข่งขันได้ในตลาดโลก
สำหรับการจัดทำโครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของประเทศที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ มีความพยายามในการปรับปรุง พัฒนาอุตสาหกรรมของตัวเอง สามารถเสนอโครงการเพื่อขอใช้เงินเข้ามาได้ โดยกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองโครงการ จากนั้นจะเสนอให้สศช. เป็นผู้พิจารณาความเป็นไปได้ ก่อนที่จะเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาในรายละเอียดโครงการ และจะเสนอให้คณะกรรมการไทยเข้มแข็ง พิจารณาอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย
“เมื่อมีปัญหาความไม่ชัดเจนในแง่การอนุมัติโครงการ และการมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันและรับผิดชอบโครงการ จะต้องมีการกำหนดกรอบและกติกาในการพิจารณาอนุมัติโครงการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ และไม่ตรงตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้”แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (7 ก.ย.) จะมีการเปิดแถลงข่าวถึงรายละเอียดของโครงการต่างๆ ที่มาขอใช้เงินภายใต้โครงการ Creative Thailand หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ย. โดยคาดว่าจะน่าจะมีความชัดเจนถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอใช้เงินในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
