xs
xsm
sm
md
lg

บสก.ประมูลหนี้สคิบรอบ2 วงเงิน14.หมื่นล้าน แนะรัฐต่อมาตรการภาษีเอื้อศก.ฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บสก.เร่งเครื่องยื่นประมูลหนี้เอ็นพีแอลแบงก์นครหลวงไทยรอบ 2 วันนี้ มูลค่าหนี้รวม 1.4 หมื่นล้าน คาดปลายเดือนนี้รู้ผล หวังช่วยดันพอร์ตเอ็นพีแอลรวมสิ้นปีแตะ 2.4 แสนล้าน จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 2.3 แสนล้าน มั่นใจกำไรทั้งปีได้ตามเป้า 2 พันล้าน แนะรัฐต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯหนุนเศรษฐกิจฟื้นอีกทาง

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ก.ย. นี้ บสก. จะเข้ายื่นประมูลซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นครั้งที่ 2 จากก่อนหน้านี้ บสก. ได้ยื่นประมูลเอ็นพีแอลจากธนาคารดังกล่าวในรอบแรกไปแล้ว และจะมีการประกาศผลสรุปในช่วงปลายเดือนก.ย. นี้ โดยมูลค่าหนี้รวมของธนาคารนครหลวงไทยที่เปิดประมูลมีจำนวน 14,000 ล้านบาท

โดยหาก บสก. สามารถชนะการประมูลเอ็นพีแอลดังกล่าว จะส่งผลให้พอร์ตเอ็นพีแอลของ บสก. ในสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 240,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 230,000 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) นั้น บสก. คาดว่าเอ็นพีเอในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 41,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท โดยจะได้รับแรงหนุนจากการที่สถาบันการเงินได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ บสก. ในการที่จะทยอยส่งเอ็นพีเอของสถาบันการเงินเข้ามา

สำหรับรายได้ของ บสก. นั้น คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีรายได้อยู่ที่ 11,628 ล้านบาท โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บสก. มีรายได้แล้ว 7,200 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ คาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากในช่วง 8 เดือนแรก บสก. มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่มั่นใจว่าผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น อีกทั้งเริ่มเห็นผลจากมาตรการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งเป็นการเสริมสภาพคล่องในการจับจ่ายของผู้บริโภคให้ดีขึ้น

“มองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ สถาบันการเงินต่างๆ จะเร่งปล่อยสินเชื่อเพื่อให้เข้าเป้าในสิ้นปี และเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายบรรยง กล่าว

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีความเป็นห่วงในโครงการบ้านบีโอไอ ประเภทคอนโดมิเนียมที่จะเข้ามาแข่งขันกับตลาดบ้านมือสองมากขึ้น เนื่องจากราคาของคอนโดมิเนียมในโครงการบีโอไอระดับไม่เกิน 1 ล้านบาท อาจเป็นการดึงดูดผู้บริโภคบางส่วนให้ความสนใจ แต่ในส่วนของโครงการบ้านเดี่ยวของบีโอไอที่มีมูลค่าไม่เกิน 1.2 ล้านบาทนั้น บสก.ไม่ห่วงเนื่องจากมองว่าต้นทุนการสร้างบ้านเดี่ยวที่มีความจำกัดในเรื่องของราคา ทำให้ตลาดบ้านเดี่ยวบีโอไอต้องไปสร้างอยู่ในพื้นที่ชานเมือง ขณะที่บ้านเดี่ยวมือสอง ยังคงอยู่ในชุมชนที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากกว่า ในส่วนนี้จึงไม่น่ากระทบกับตลาดบ้านเดี่ยวของเอกชน

ส่วนการแข่งขันกับโครงการบ้านใหม่นั้นไม่มีความกังวลเช่นกัน เนื่องจากราคาบ้านใหม่สูงกว่าราคาบ้านมือสองประมาณ 30-40% อีกทั้งบ้านมือสองจะถูกสร้างอยู่ในชุมชนทั่วไป ดังนั้น จึงถือเป็นข้อได้เปรียบจึงไม่จำเป็นที่บ้านมือสองต้องไปแข่งกับบ้านมือใหม่

นอกจากนี้ รัฐบาลควรต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุลงในเดือนมี.ค. 2553 ทั้งมาตรการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าธรรมเนียมการโอน เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ระหว่างการฟื้นตัว แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ดังนั้นรัฐบาลควรประคองทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวต่อไป

“บสก. จะได้รับผลกระทบน้อยมากหากรัฐบาลไม่ทำการต่ออายุมาตรการดังกล่าว เนื่องจากปกติแล้ว บสก. จะเป็นผู้ออกค่าโอนและภาษีแทนผู้บริโภค ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว” นายบรรยง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น