ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" ยังไม่เซ็นใบลาออก "พัชรวาท" บอกยังมาไม่ถึงมือ แม้ได้รับต้องพิจารณาตามระเบียบให้รอบคอบ ลั่นชิงลาออกก็หนีไม่พ้นโทษ "ไล่ออก-ปลดออก" ตามกฎหมาย ป.ป.ช. "พัชรวาท" สั่งทนายยื่นฟ้อง ป.ป.ช.ระบายแค้น ด้าน "ธานี" นิมนต์พระพรมน้ำมนต์ห้องทำงานเอาฤกษ์ ตวัดดาบแรกเด้ง "สุชาติ" เข้ากรุ "แม้ว"มีโปรแกรมกล่อม "จิ๋ว-ชายกระโปรง" รับงาน
เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่ายังไม่ได้รับใบลาออกของพล.ต.อ.พัชรวาท เนื่องจากวันที่ 9 ก.ย. ตนไปเข้าเฝ้าฯ และไปเปิดงานกีฬาแห่งชาติ ส่วนในช่วงเช้าวานนี้ (10ก.ย.) เข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ยังไม่เห็น เพียงแต่ทราบจากข่าว
**ใบลาออก"พัชรวาท"ยังไม่มีผล
อย่างไรก็ตาม การลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถือว่ายังไม่มีผล เพราะการลาออกในระบบราชการ จะมีผลต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา ในกรณีนี้เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาคือตน ส่วนจะอนุมัติหรือไม่ อย่างไรนั้น มีกฎระเบียบอยู่ และเมื่อเป็นข้าราชการตำรวจ ก็จะมีระเบียบ และขั้นตอนต่างๆ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) อยู่ ซึ่งปกติแล้วข้าราชการจะลาออก จะต้องบอกล่วงหน้า 30 วัน ยกเว้นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ต้องไปดูที่ใบลาของ ผบ.ตร.อีกที แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม ผู้บังคับบัญชาก่อนจะอนุมัติ ต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบก่อน
"ประเด็นที่จะต้องตรวจสอบ สำหรับทุกกรณี จะเป็นเรื่องภาระผูกพันอะไรที่มีอยู่หรือไม่ รวมไปถึงการดำเนินการที่เกี่ยวพันกับเรื่องวินัย ซึ่งจะมีขั้นตอนเพราะฉะนั้นต้องดูตามขั้นตอน และกฎระเบียบตรงนี้ "นายกรัฐมนตรีกล่าว
**ความผิดที่ ป.ป.ช.ชี้มูลยังมีผล
ส่วนความผิดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลไปแล้วนั้น คงไม่ได้รับผลกระทบอะไร อย่างกรณีก่อนหน้านี้ ที่มีอดีตปลัดกระทรวง หรือเลขาธิการ ก.พ. หลายคน ที่เกษียณราชการไปแล้ว ทาง ป.ป.ช. ก็ยังชี้มูลความผิดภายหลัง ซึ่งต้องมีการดำเนินการทางวินัยจนครบถ้วน และมีผลย้อนหลังกลับไป ดังนั้นตรงนี้คงไม่ได้รับผลกระทบ ที่มองกันว่าเป็นการลาออกเพื่อหนีความรับผิดชอบหรือไม่นั้น ไม่คิดว่าจะได้รับผล นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในกฎของ ก.ตร. เขาต้องให้มีการไปตรวจสอบว่า มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยที่ไหนบ้าง
เมื่อถามว่า นายกฯ จะใช้เวลานานหรือไม่ในการเข้าไปตรวจสอบก่อนที่จะมีการลงโทษทางวินัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเอง ตรงนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกำลังพล แต่เมื่อเรื่องมาถึง ก็ต้องมาดูว่าเขาตรวจสอบมาเรียบร้อยหรือไม่ และจะต้องมีการแจ้งไปยังหน่วยงานไหน อย่างไรบ้าง เช่น หากมีเรื่องทางวินัยค้างอยู่ กฎเขียนชัดเลยว่า ก่อนที่จะอนุมัติให้ลาออก ต้องแจ้งเรื่องกลับไปให้หน่วยงานต่างๆ ทราบก่อน ส่วนจำเป็นจะต้องลงโทษทางวินัย ก่อนที่จะมีการอนุมัติให้ลาออกก่อน ก็คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะตามกฎต้องแจ้งให้หน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องนั้นทราบ เขาคงจะต้องมีความมั่นใจว่า ไม่มีปัญหา หรือไม่ได้มีผลกระทบอะไร
**เผยคุยพัชรวาทก่อนเด้งพ้น ผบ.ตร.
ส่วนที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ไม่พอใจ และมีข่าวจะลาออกนั้น ตนไม่เคยได้ยิน เพราะเรื่องนี้ ที่ผ่านมา ท่านบอกว่า มีอะไรให้ตนคุยกับ ผบ.ตร. เอง และเมื่อวันที่ 9 ก ย. ก่อนที่ตนจะเซ็นคำสั่ง ก็โทรคุยกับ ผบ.ตร. และการที่ ผบ.ตร. ชิงลาออกก่อนนั้น ถือเป็นสิทธิของผบ.ตร. แต่การอนุมัติ ตนเองต้องทำตามระเบียบ หากตนยังไม่อนุมัติ ก็หมายความว่ายังไม่ได้ลาออก
อย่างไรก็ตาม คงไม่มีการทบทวนเรื่องใบลาออก เพราะผบ.ตร. เสนอมาแล้วตามระเบียบ ตนก็ต้องดูว่า ยับยั้งหรือไม่ แต่การยับยั้งจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางราชการ ถ้าไม่ยับยั้ง หรืออนุมัติ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน
สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ ของป.ป.ช. ที่กำหนดบทลงโทษว่า จะต้องปลดออก หรือให้ออกเท่านั้น อันนี้หมายความว่า เมื่อเรื่องมีมติชี้มูลมาถึง ตนก็ต้องตัดสินใจว่า จะไล่ออกหรือปลดออก ตรงนั้นเป็นไปตามกฎหมายของป.ป.ช.ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมติมาถึงเมื่อไร ก็ต้องดำเนินการตามนั้นอยู่แล้ว
**ไม่กระทบการประชุม ก.ต.ช.
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อเลือก ผบ.ตร. คนใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่อง ก.ต.ช.ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด และวันประชุมยังหาไม่ได้ เสียงที่จะโหวตถ้ามีผู้ปฏิบัติราชการแทน ก็คงไม่หาย
หาก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน และเข้าประชุมก.ต.ช.แทน ผบ.ตร. จะมีสิทธิออกเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่มีส่วนได้เสียก็ออกเสียงได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องของการมาหยั่งเสียง หรือมาล็อบบี้ ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องมาทำความเข้าใจให้ตรงกัน ตอนนี้ก็กำลังทำกัน ส่วนจะมีเสียงที่ไม่ตรงกับตนเองมากน้อยแค่ไหน ตนไม่เคยนับ
**ย้ำ กม.คุ้มครอง ตร.ที่ปฏิบัติหน้าที่สุจริต
ส่วนปัญหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีปฏิกิริยาจากการชี้มูลของป.ป.ช. ซึ่งอาจนำไปสู่การใส่เกียร์ว่าง หากมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมนั้น นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ข้าราชการท่านใดที่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และทำหน้าที่โดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองแน่นอน
"เวลานี้ยังไม่มีใครเห็นตัวมติป.ป.ช.เลย ผมจะคุยกับ พล.ต.อ.ธานี ว่า เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ และการที่ตั้ง พล.ต.อ.ธานี ทำหน้าที่รักษาการแทน เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนี้มากกว่า เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ตำรวจจะต้องมีบทบาทสำคัญ และที่กล่าวว่าอาจจะมีการชุมนุมที่สำคัญๆในช่วงนี้ ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตำรวจต้องมีบทบาท เราก็ต้องดูแลว่า ทางตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และในช่วงเมษาที่ผ่านมา ผมเองก็ให้ความมั่นใจต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่ได้ว่า รัฐบาลนี้ออกคำสั่งอะไรไป เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าใครปฏิบัติตามคำสั่งโดยสุจริต จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย"นายกรัฐมนตรีกล่าว
**"พัชรวาท" แค้นฟ้อง ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (10ก.ย.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้มอบอำนาจให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. , นายกล้านรงค์ จันทิก , นายใจเด็ด พรไชยา , นายประสาท พงศ์ศิวาภัย ,นายภักดี โพธิศิริ , นายเมธี ครองแก้ว , นายวิชา มหาคุณ และนายวิชัย วิวิตเสวี ซึ่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 8 เสียง ที่มีมติชี้มูลความผิด คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา วันที่ 7 ต.ค.51 เป็นจำเลยที่ 1- 9 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องว่า การที่พวกจำเลยได้ร่วมกันวินิจฉัยชี้มูลความผิดโจทก์ ในการสั่งสลายการชุมนุม และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า โจทก์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าทันที หลังถูกชี้มูลความผิด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง และต้องพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. ก่อนกำหนดเกษียณอายุ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2172 /2552 โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
**ป.ป.ช.ไม่หวั่น "ป๊อด" ร้องศาล
นายกล้านรงค์ จันทึก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาท ฟ้องศาลกรณีป.ป.ช.ตัดสินคดี 7 ตุลาฯโดยมิชอบว่า ไม่มีปัญหาฟ้องได้ แต่ป.ป.ช.ยืนยันว่าได้ตัดสินอย่างมีหลักฐาน ไม่ได้คิดกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น และไม่ได้ทำให้ ป.ป.ช.เสียกำลังใจ ในการทำงาน วันนี้กรรมการป.ป.ช.ทุกคนยังนั่งทำงานกันปกติ ยังยิ้มได้ ยอมรับการทำงานของป.ป.ช. มีสิทธิถูกฟ้องได้ และวันนี้ไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร ทุกอย่างทำไปตามกระบวนการ ก็ไปสู้กันในชั้นศาล
**"ป๊อด" ติดป้ายหน้าห้องเขตหวงห้าม
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าไม่มีใครพบเห็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และนายตำรวจประจำสำนักงานเดินทางมาเก็บข้าวของแต่อย่างใด แต่มีการนำป้ายพื้นที่หวงห้ามมาวางไว้บริเวณชั้น 7 ซึ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน ผบ.ตร. ห้ามสื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่
ส่วนบรรยากาศภาพรวมภายในสำนักงานนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ รอง ผบ.ตร. ผช.ผบ.ตร.และหน่วยงานอื่นๆ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย และชั้นผู้ใหญ่ต่างใส่เกียร์ว่างกันเป็นแถว เพื่อรอท่าทีการสั่งการและนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการ ผบ.ตร. ว่าจะสั่งการอย่างไรต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.มาแล้วถึง 3 ครั้ง ในรอบ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา
**"ธานี"นิมนต์พระพรมน้ำมนต์
เวลา 15.10 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รรท. ผบ.ตร.ได้นิมนต์ พระเทพภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ พล.ต.อ.ธานี ให้ความเคารพนับถือ และนิมนต์ เข้าไปยังห้องทำงานของ พล.ต.อ.ธานี ที่อาคาร 1 ชั้น 1 พร้อมพรมน้ำมนต์ทั่วห้องทำงานส่วนตัว และตัวพล.ต.อ.ธานี รวมถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสำนักงานด้วย เพื่อความเป็นศิริมงคล เนื่องจากต่อจากนี้ไป พล.ต.อ.ธานี จะเป็น รรท.ผบ.ตร. ถือเป็นผู้นำสูงสุดของเจ้าหน้าทีตำรวจ มีอำนาจเทียบเท่า ผบ.ตร. จากนั้นได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ต่อมาเวลา 15.45 น. พล.ต.อ.ธานี ได้ออกจากห้องทำงานเพื่อเดินทางไปพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง โดย พล.ต.อ.ธานี เดินฝ่าสื่อมวลชนจำนวนมากที่ต่างรุมห้อมล้อม และถามคำถามจำนวนมาก ทั้งเรื่องความคืบหน้าการคลี่คลายคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล การดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. นี้ แต่ พล.ต.อ.ธานี ได้ปฎิเสธที่จะตอบคำถาม โดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า จะไปทำงาน
**เข้าพบนายกฯ รับมอบนโยบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น.วานนี้ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับเอกสารการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.ลพบุรี ในวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.นี้ โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ ครึ่งชั่วโมง
พล.ต.อ.ธานี เปิดเผยว่ามารับนโยบายตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งนายสุเทพก็ไม่ได้มอบนโยบายอะไรเป็นพิเศษ เพียงกำชับให้ดูแลเรื่องการชุมนุมให้เรียบร้อย และวันจันทร์ ที่ 14 ก.ย.นี้ จะประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ส่วนแผนการดูแลความสงบเรามีอยู่แล้ว ดูคนดูอะไรให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่านายสุเทพ ได้กำชับให้สะสางคดีต่างๆ อย่างไรหรือไม่โดยเฉพาะคดีเสื้อแดง พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่มี เราทำรายงานทุก 15 วันอยู่แล้ว ส่วนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็จะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าช่วงบ่ายวันนี้ (11 ก.ย.)
พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวถึงความรู้สึกในการทำหน้าที่ รักษาการ ผบ.ตร.ท่ามกลางสถานการณ์เผือกร้อน ว่าไม่มีปัญหาอะไร มีอะไรก็ทำไป เมื่อถามว่า ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. จะได้เข้าร่วมประชุมก.ต.ช.จะใช้สิทธิเลือก ผบ.ตร.ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า รอให้มีการประชุมก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่านายกฯจะเรียกประชุมก.ต.ช.เมื่อไร ใครที่มีหน้าที่รักษาราชการแทน ก็มีอำนาจเทียบเท่า ผบ.ตร. เหมือนกัน
**เตือนตำรวจนอกแถวหยุดพูด
เมื่อถามว่า ในวงการตำรวจ ขณะนี้มีตำรวจออกมาเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยที่ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดของพล.ต.อ. พัชรวาท ซึ่งในวงการตำรวจเป็นอย่างนั้นหรือไม่ พล.ต.อ. ธานี ย้อนถามว่า ตำรวจประจำการ หรือนอกประจำการ หากเป็นตำรวจประจำการ ต้องมีระเบียบวินัย
เมื่อถามว่า การที่ตำรวจบางส่วนจะออกมาทักท้วงการชี้มูลของ ป.ป.ช. ถือว่ามีระเบียบวินัยหรือไม่ พล.ต.อ. ธานี ย้อนถามว่า ไม่เห็นมีเลย เห็นมีคนพูดอยู่ไม่กี่คน เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงคนที่ออกมาพูดหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า "ให้หยุดพูดได้แล้ว เดี๋ยวจะบอกให้หยุดพูด ส่วนจะผิดวินัย หรือไม่นั้น ไม่รู้ แต่จะบอกให้หยุดพูด"
เมื่อถามต่อว่า ห่วงกำลังพลที่อาจจะไม่มั่นใจการทำงานในวันข้างหน้าหรือไม่ หลังจากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจากการสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า วันจันทร์นี้ จะไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปดู ไปสั่งเรื่องงาน
ถามว่า เป็นห่วงแรงกระเพื่อมในสตช. ที่อาจจะกระทบการทำงานในวันที่ 19 ก.ย. ของการชุมนุมเสื้อแดงหรือไม่
"กระเพื่อมตรงไหน ไม่เห็นมีเลย ตำรวจมีหน้าที่ คุณก็ต้องทำหน้าที่ คุณต้องทำตามหน้าที่ คุณ มีระเบียบวินัย ขอให้รอดูวันจันทร์ หลังประชุมเสร็จซึ่งผมจะสั่งหลายเรื่อง ความจริงผมบอกไปล่วงหน้าแล้วว่า จะมีการประชุม" พล.ต.อ.ธานี กล่าว
**ลงดาบแรกเด้ง "สุชาติ" เข้ากรุ
วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ได้ออกคำสั่งเลขที่ 447/2552 ให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. นี้ เป็นต้นไป
เพื่อรอพิจารณาความผิดตามมติป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิด พล.ต.ท.สุชาติ ในคดี 7 ตุลาฯ ฐานผิดวินัยร้ายแรง และความผิดอาญามาตรา 157 ในคำสั่งเดียวกัน ได้อาศัยมาตรา 72 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้ง พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รองผู้บัญชาการ ภ.4 ที่มีอาวุโสสูงสุด รักษาการแทน
ต่อมาเวลา 19.50 น. ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน ได้โทรศัพท์สอบถาม พล.ต.ท.สุชาติ ถึงคำสั่งโยกย้ายให้มาประจำ สตช. ก็ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ทราบด้วยวาจา และยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว แต่ขอบคุณที่สื่อแจ้งให้ทราบ ตนพร้อมเสมอหากจะถูกโยกย้าย ไม่เห็นมีอะไร ซึ่งเป็นเรื่องดี และมีความสุขจะตาย ตนไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ อยู่แล้ว ไม่เคยคิดครอบครองสิ่งใด แต่จะอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า ซึ่งอย่าไปสนใจเลยว่าจะถูกย้ายหรือไม่ถูกย้าย โดยคนที่มีอำนาจเขาก็ทำไป ตามอำนาจ จะให้ออก ก็พร้อมจะออก จะให้อยู่ต่อ หรืออยู่ตรงไหน ก็อยู่ได้ หากจะให้ออกเมื่อมีคำสั่งมา ตนก็จะเซ็นรับทราบทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ซึ่งต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง จะไปโวยวายอะไรไม่ได้
"ไม่เห็นมีอะไร ดีเสียอีกจะได้เก็บกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องบินเพียง 50 นาที ก็ถึงกรุงเทพฯ แล้ว ผมมีความสุขจะตาย ดีจะได้อยู่ใกล้กับครอบครัว เพราะที่นี่ไกล ดีมากที่โทรมาบอก จะได้จัดกระเป๋ารอ ถ้าคำสั่งมาก็ไปได้เลย แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้จะย้ายผมจริงหรือเปล่า ยังไม่มีใครโทรมาบอกด้วยวาจา" พล.ต.ท.สุชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่คิดจะโต้แย้งคำชี้มูลของ ป.ป.ช.ในเรื่องการสั่งสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ป.ป.ช.เขามีอำนาจ จะทำไปอย่างไร หรือทำอะไรก็ให้ทำไป
เมื่อถามย้ำว่าทำไมต้องยอมรับผิดง่ายๆ ไม่มีสิ่งใดมาคัดค้านยืนยันความเป็นจริงว่าตนเองไม่ผิดได้เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ผมอยู่กับความสุข ตอนนี้ก็ดื่มอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ดื่มอยู่คนเดียวหรือกับพรรคพวก พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด ปนหัวเราะว่า ไม่หรอก ล้อเล่นไม่ได้ดื่มอะไร แต่ขอบคุณนะที่โทรมาบอก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า คนเราหากไม่ยึดติด 3 อย่าง คือ ยศ ตำแหน่ง เงิน ก็จะอยู่ได้อย่างสบายใจ ซึ่งในชีวิตตนมีอยู่ขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตไม่มีอะไรสบายกว่านี้อีกแล้ว หากจะถูกย้ายไปกรุงเทพฯ และมีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมากระทบชีวิตราชการ ก็พร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่เคยคิดจะต่อสู้ หรือชี้แจงใดๆ เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยู่จังหวัดขอนแก่น ได้ควบคุมดูแลพื้นที่กว้าง มีอำนาจเต็มที่ แต่ถ้าย้ายมาประจำ สตช. อำนาจก็ถูกทอนลง เหมือนเก็บเข้ากรุ รอวันถูกลงโทษ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเค้นหัวเราะตลอดเวลาว่า ไม่เป็นไร ดีๆ พร้อมอยู่แล้ว
** "ป๊อด"ออกเพราะจำนนไม่ใช่สปิริต
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวถึงการลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ. พัชรวาท ว่าเป็นการจำนนด้วยกฏหมายของป.ป.ช. ไม่ได้เกิดจากสปิริต และไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นชนวนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ทั้งยังเชื่อว่าในขณะนี้ พรรคภูมิใจไทย ยังไม่ประสงค์จะออกจากการร่วมรัฐบาล เพราะยังได้ประโยชน์จากการควบคุมการบริหารในกระทรวงสำคัญ หลายกระทรวง
ทั้งนิ้ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ คาดการณ์ว่า วันที่ 19 ก.ย. ที่มีกลุ่มการเมืองนัดหมายเคลื่อนไหว จะไม่เกิดความรุนแรงไม่ว่า จะมีความพยายามทุ่มสรรพกำลังเพียงใดก็ตาม เพราะผู้เข้าร่วมเริ่มเห็นธาตุแท้ และรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะรับสถานการณ์ได้.
เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่ายังไม่ได้รับใบลาออกของพล.ต.อ.พัชรวาท เนื่องจากวันที่ 9 ก.ย. ตนไปเข้าเฝ้าฯ และไปเปิดงานกีฬาแห่งชาติ ส่วนในช่วงเช้าวานนี้ (10ก.ย.) เข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ยังไม่เห็น เพียงแต่ทราบจากข่าว
**ใบลาออก"พัชรวาท"ยังไม่มีผล
อย่างไรก็ตาม การลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถือว่ายังไม่มีผล เพราะการลาออกในระบบราชการ จะมีผลต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา ในกรณีนี้เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาคือตน ส่วนจะอนุมัติหรือไม่ อย่างไรนั้น มีกฎระเบียบอยู่ และเมื่อเป็นข้าราชการตำรวจ ก็จะมีระเบียบ และขั้นตอนต่างๆ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) อยู่ ซึ่งปกติแล้วข้าราชการจะลาออก จะต้องบอกล่วงหน้า 30 วัน ยกเว้นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ต้องไปดูที่ใบลาของ ผบ.ตร.อีกที แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม ผู้บังคับบัญชาก่อนจะอนุมัติ ต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบก่อน
"ประเด็นที่จะต้องตรวจสอบ สำหรับทุกกรณี จะเป็นเรื่องภาระผูกพันอะไรที่มีอยู่หรือไม่ รวมไปถึงการดำเนินการที่เกี่ยวพันกับเรื่องวินัย ซึ่งจะมีขั้นตอนเพราะฉะนั้นต้องดูตามขั้นตอน และกฎระเบียบตรงนี้ "นายกรัฐมนตรีกล่าว
**ความผิดที่ ป.ป.ช.ชี้มูลยังมีผล
ส่วนความผิดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลไปแล้วนั้น คงไม่ได้รับผลกระทบอะไร อย่างกรณีก่อนหน้านี้ ที่มีอดีตปลัดกระทรวง หรือเลขาธิการ ก.พ. หลายคน ที่เกษียณราชการไปแล้ว ทาง ป.ป.ช. ก็ยังชี้มูลความผิดภายหลัง ซึ่งต้องมีการดำเนินการทางวินัยจนครบถ้วน และมีผลย้อนหลังกลับไป ดังนั้นตรงนี้คงไม่ได้รับผลกระทบ ที่มองกันว่าเป็นการลาออกเพื่อหนีความรับผิดชอบหรือไม่นั้น ไม่คิดว่าจะได้รับผล นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในกฎของ ก.ตร. เขาต้องให้มีการไปตรวจสอบว่า มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยที่ไหนบ้าง
เมื่อถามว่า นายกฯ จะใช้เวลานานหรือไม่ในการเข้าไปตรวจสอบก่อนที่จะมีการลงโทษทางวินัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเอง ตรงนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกำลังพล แต่เมื่อเรื่องมาถึง ก็ต้องมาดูว่าเขาตรวจสอบมาเรียบร้อยหรือไม่ และจะต้องมีการแจ้งไปยังหน่วยงานไหน อย่างไรบ้าง เช่น หากมีเรื่องทางวินัยค้างอยู่ กฎเขียนชัดเลยว่า ก่อนที่จะอนุมัติให้ลาออก ต้องแจ้งเรื่องกลับไปให้หน่วยงานต่างๆ ทราบก่อน ส่วนจำเป็นจะต้องลงโทษทางวินัย ก่อนที่จะมีการอนุมัติให้ลาออกก่อน ก็คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะตามกฎต้องแจ้งให้หน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องนั้นทราบ เขาคงจะต้องมีความมั่นใจว่า ไม่มีปัญหา หรือไม่ได้มีผลกระทบอะไร
**เผยคุยพัชรวาทก่อนเด้งพ้น ผบ.ตร.
ส่วนที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ไม่พอใจ และมีข่าวจะลาออกนั้น ตนไม่เคยได้ยิน เพราะเรื่องนี้ ที่ผ่านมา ท่านบอกว่า มีอะไรให้ตนคุยกับ ผบ.ตร. เอง และเมื่อวันที่ 9 ก ย. ก่อนที่ตนจะเซ็นคำสั่ง ก็โทรคุยกับ ผบ.ตร. และการที่ ผบ.ตร. ชิงลาออกก่อนนั้น ถือเป็นสิทธิของผบ.ตร. แต่การอนุมัติ ตนเองต้องทำตามระเบียบ หากตนยังไม่อนุมัติ ก็หมายความว่ายังไม่ได้ลาออก
อย่างไรก็ตาม คงไม่มีการทบทวนเรื่องใบลาออก เพราะผบ.ตร. เสนอมาแล้วตามระเบียบ ตนก็ต้องดูว่า ยับยั้งหรือไม่ แต่การยับยั้งจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางราชการ ถ้าไม่ยับยั้ง หรืออนุมัติ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน
สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ ของป.ป.ช. ที่กำหนดบทลงโทษว่า จะต้องปลดออก หรือให้ออกเท่านั้น อันนี้หมายความว่า เมื่อเรื่องมีมติชี้มูลมาถึง ตนก็ต้องตัดสินใจว่า จะไล่ออกหรือปลดออก ตรงนั้นเป็นไปตามกฎหมายของป.ป.ช.ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมติมาถึงเมื่อไร ก็ต้องดำเนินการตามนั้นอยู่แล้ว
**ไม่กระทบการประชุม ก.ต.ช.
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อเลือก ผบ.ตร. คนใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่อง ก.ต.ช.ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด และวันประชุมยังหาไม่ได้ เสียงที่จะโหวตถ้ามีผู้ปฏิบัติราชการแทน ก็คงไม่หาย
หาก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน และเข้าประชุมก.ต.ช.แทน ผบ.ตร. จะมีสิทธิออกเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่มีส่วนได้เสียก็ออกเสียงได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องของการมาหยั่งเสียง หรือมาล็อบบี้ ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องมาทำความเข้าใจให้ตรงกัน ตอนนี้ก็กำลังทำกัน ส่วนจะมีเสียงที่ไม่ตรงกับตนเองมากน้อยแค่ไหน ตนไม่เคยนับ
**ย้ำ กม.คุ้มครอง ตร.ที่ปฏิบัติหน้าที่สุจริต
ส่วนปัญหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีปฏิกิริยาจากการชี้มูลของป.ป.ช. ซึ่งอาจนำไปสู่การใส่เกียร์ว่าง หากมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมนั้น นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ข้าราชการท่านใดที่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และทำหน้าที่โดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองแน่นอน
"เวลานี้ยังไม่มีใครเห็นตัวมติป.ป.ช.เลย ผมจะคุยกับ พล.ต.อ.ธานี ว่า เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ และการที่ตั้ง พล.ต.อ.ธานี ทำหน้าที่รักษาการแทน เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนี้มากกว่า เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ตำรวจจะต้องมีบทบาทสำคัญ และที่กล่าวว่าอาจจะมีการชุมนุมที่สำคัญๆในช่วงนี้ ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตำรวจต้องมีบทบาท เราก็ต้องดูแลว่า ทางตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และในช่วงเมษาที่ผ่านมา ผมเองก็ให้ความมั่นใจต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่ได้ว่า รัฐบาลนี้ออกคำสั่งอะไรไป เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าใครปฏิบัติตามคำสั่งโดยสุจริต จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย"นายกรัฐมนตรีกล่าว
**"พัชรวาท" แค้นฟ้อง ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (10ก.ย.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้มอบอำนาจให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. , นายกล้านรงค์ จันทิก , นายใจเด็ด พรไชยา , นายประสาท พงศ์ศิวาภัย ,นายภักดี โพธิศิริ , นายเมธี ครองแก้ว , นายวิชา มหาคุณ และนายวิชัย วิวิตเสวี ซึ่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 8 เสียง ที่มีมติชี้มูลความผิด คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา วันที่ 7 ต.ค.51 เป็นจำเลยที่ 1- 9 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องว่า การที่พวกจำเลยได้ร่วมกันวินิจฉัยชี้มูลความผิดโจทก์ ในการสั่งสลายการชุมนุม และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า โจทก์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าทันที หลังถูกชี้มูลความผิด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง และต้องพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. ก่อนกำหนดเกษียณอายุ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2172 /2552 โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
**ป.ป.ช.ไม่หวั่น "ป๊อด" ร้องศาล
นายกล้านรงค์ จันทึก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาท ฟ้องศาลกรณีป.ป.ช.ตัดสินคดี 7 ตุลาฯโดยมิชอบว่า ไม่มีปัญหาฟ้องได้ แต่ป.ป.ช.ยืนยันว่าได้ตัดสินอย่างมีหลักฐาน ไม่ได้คิดกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น และไม่ได้ทำให้ ป.ป.ช.เสียกำลังใจ ในการทำงาน วันนี้กรรมการป.ป.ช.ทุกคนยังนั่งทำงานกันปกติ ยังยิ้มได้ ยอมรับการทำงานของป.ป.ช. มีสิทธิถูกฟ้องได้ และวันนี้ไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร ทุกอย่างทำไปตามกระบวนการ ก็ไปสู้กันในชั้นศาล
**"ป๊อด" ติดป้ายหน้าห้องเขตหวงห้าม
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าไม่มีใครพบเห็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และนายตำรวจประจำสำนักงานเดินทางมาเก็บข้าวของแต่อย่างใด แต่มีการนำป้ายพื้นที่หวงห้ามมาวางไว้บริเวณชั้น 7 ซึ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน ผบ.ตร. ห้ามสื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่
ส่วนบรรยากาศภาพรวมภายในสำนักงานนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ รอง ผบ.ตร. ผช.ผบ.ตร.และหน่วยงานอื่นๆ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย และชั้นผู้ใหญ่ต่างใส่เกียร์ว่างกันเป็นแถว เพื่อรอท่าทีการสั่งการและนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการ ผบ.ตร. ว่าจะสั่งการอย่างไรต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.มาแล้วถึง 3 ครั้ง ในรอบ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา
**"ธานี"นิมนต์พระพรมน้ำมนต์
เวลา 15.10 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รรท. ผบ.ตร.ได้นิมนต์ พระเทพภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ พล.ต.อ.ธานี ให้ความเคารพนับถือ และนิมนต์ เข้าไปยังห้องทำงานของ พล.ต.อ.ธานี ที่อาคาร 1 ชั้น 1 พร้อมพรมน้ำมนต์ทั่วห้องทำงานส่วนตัว และตัวพล.ต.อ.ธานี รวมถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสำนักงานด้วย เพื่อความเป็นศิริมงคล เนื่องจากต่อจากนี้ไป พล.ต.อ.ธานี จะเป็น รรท.ผบ.ตร. ถือเป็นผู้นำสูงสุดของเจ้าหน้าทีตำรวจ มีอำนาจเทียบเท่า ผบ.ตร. จากนั้นได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ต่อมาเวลา 15.45 น. พล.ต.อ.ธานี ได้ออกจากห้องทำงานเพื่อเดินทางไปพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง โดย พล.ต.อ.ธานี เดินฝ่าสื่อมวลชนจำนวนมากที่ต่างรุมห้อมล้อม และถามคำถามจำนวนมาก ทั้งเรื่องความคืบหน้าการคลี่คลายคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล การดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. นี้ แต่ พล.ต.อ.ธานี ได้ปฎิเสธที่จะตอบคำถาม โดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า จะไปทำงาน
**เข้าพบนายกฯ รับมอบนโยบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น.วานนี้ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับเอกสารการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.ลพบุรี ในวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.นี้ โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ ครึ่งชั่วโมง
พล.ต.อ.ธานี เปิดเผยว่ามารับนโยบายตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งนายสุเทพก็ไม่ได้มอบนโยบายอะไรเป็นพิเศษ เพียงกำชับให้ดูแลเรื่องการชุมนุมให้เรียบร้อย และวันจันทร์ ที่ 14 ก.ย.นี้ จะประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ส่วนแผนการดูแลความสงบเรามีอยู่แล้ว ดูคนดูอะไรให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่านายสุเทพ ได้กำชับให้สะสางคดีต่างๆ อย่างไรหรือไม่โดยเฉพาะคดีเสื้อแดง พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่มี เราทำรายงานทุก 15 วันอยู่แล้ว ส่วนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็จะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าช่วงบ่ายวันนี้ (11 ก.ย.)
พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวถึงความรู้สึกในการทำหน้าที่ รักษาการ ผบ.ตร.ท่ามกลางสถานการณ์เผือกร้อน ว่าไม่มีปัญหาอะไร มีอะไรก็ทำไป เมื่อถามว่า ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. จะได้เข้าร่วมประชุมก.ต.ช.จะใช้สิทธิเลือก ผบ.ตร.ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า รอให้มีการประชุมก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่านายกฯจะเรียกประชุมก.ต.ช.เมื่อไร ใครที่มีหน้าที่รักษาราชการแทน ก็มีอำนาจเทียบเท่า ผบ.ตร. เหมือนกัน
**เตือนตำรวจนอกแถวหยุดพูด
เมื่อถามว่า ในวงการตำรวจ ขณะนี้มีตำรวจออกมาเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยที่ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดของพล.ต.อ. พัชรวาท ซึ่งในวงการตำรวจเป็นอย่างนั้นหรือไม่ พล.ต.อ. ธานี ย้อนถามว่า ตำรวจประจำการ หรือนอกประจำการ หากเป็นตำรวจประจำการ ต้องมีระเบียบวินัย
เมื่อถามว่า การที่ตำรวจบางส่วนจะออกมาทักท้วงการชี้มูลของ ป.ป.ช. ถือว่ามีระเบียบวินัยหรือไม่ พล.ต.อ. ธานี ย้อนถามว่า ไม่เห็นมีเลย เห็นมีคนพูดอยู่ไม่กี่คน เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงคนที่ออกมาพูดหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า "ให้หยุดพูดได้แล้ว เดี๋ยวจะบอกให้หยุดพูด ส่วนจะผิดวินัย หรือไม่นั้น ไม่รู้ แต่จะบอกให้หยุดพูด"
เมื่อถามต่อว่า ห่วงกำลังพลที่อาจจะไม่มั่นใจการทำงานในวันข้างหน้าหรือไม่ หลังจากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจากการสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า วันจันทร์นี้ จะไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปดู ไปสั่งเรื่องงาน
ถามว่า เป็นห่วงแรงกระเพื่อมในสตช. ที่อาจจะกระทบการทำงานในวันที่ 19 ก.ย. ของการชุมนุมเสื้อแดงหรือไม่
"กระเพื่อมตรงไหน ไม่เห็นมีเลย ตำรวจมีหน้าที่ คุณก็ต้องทำหน้าที่ คุณต้องทำตามหน้าที่ คุณ มีระเบียบวินัย ขอให้รอดูวันจันทร์ หลังประชุมเสร็จซึ่งผมจะสั่งหลายเรื่อง ความจริงผมบอกไปล่วงหน้าแล้วว่า จะมีการประชุม" พล.ต.อ.ธานี กล่าว
**ลงดาบแรกเด้ง "สุชาติ" เข้ากรุ
วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ได้ออกคำสั่งเลขที่ 447/2552 ให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. นี้ เป็นต้นไป
เพื่อรอพิจารณาความผิดตามมติป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิด พล.ต.ท.สุชาติ ในคดี 7 ตุลาฯ ฐานผิดวินัยร้ายแรง และความผิดอาญามาตรา 157 ในคำสั่งเดียวกัน ได้อาศัยมาตรา 72 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้ง พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รองผู้บัญชาการ ภ.4 ที่มีอาวุโสสูงสุด รักษาการแทน
ต่อมาเวลา 19.50 น. ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน ได้โทรศัพท์สอบถาม พล.ต.ท.สุชาติ ถึงคำสั่งโยกย้ายให้มาประจำ สตช. ก็ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ทราบด้วยวาจา และยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว แต่ขอบคุณที่สื่อแจ้งให้ทราบ ตนพร้อมเสมอหากจะถูกโยกย้าย ไม่เห็นมีอะไร ซึ่งเป็นเรื่องดี และมีความสุขจะตาย ตนไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ อยู่แล้ว ไม่เคยคิดครอบครองสิ่งใด แต่จะอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า ซึ่งอย่าไปสนใจเลยว่าจะถูกย้ายหรือไม่ถูกย้าย โดยคนที่มีอำนาจเขาก็ทำไป ตามอำนาจ จะให้ออก ก็พร้อมจะออก จะให้อยู่ต่อ หรืออยู่ตรงไหน ก็อยู่ได้ หากจะให้ออกเมื่อมีคำสั่งมา ตนก็จะเซ็นรับทราบทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ซึ่งต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง จะไปโวยวายอะไรไม่ได้
"ไม่เห็นมีอะไร ดีเสียอีกจะได้เก็บกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องบินเพียง 50 นาที ก็ถึงกรุงเทพฯ แล้ว ผมมีความสุขจะตาย ดีจะได้อยู่ใกล้กับครอบครัว เพราะที่นี่ไกล ดีมากที่โทรมาบอก จะได้จัดกระเป๋ารอ ถ้าคำสั่งมาก็ไปได้เลย แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้จะย้ายผมจริงหรือเปล่า ยังไม่มีใครโทรมาบอกด้วยวาจา" พล.ต.ท.สุชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่คิดจะโต้แย้งคำชี้มูลของ ป.ป.ช.ในเรื่องการสั่งสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ป.ป.ช.เขามีอำนาจ จะทำไปอย่างไร หรือทำอะไรก็ให้ทำไป
เมื่อถามย้ำว่าทำไมต้องยอมรับผิดง่ายๆ ไม่มีสิ่งใดมาคัดค้านยืนยันความเป็นจริงว่าตนเองไม่ผิดได้เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ผมอยู่กับความสุข ตอนนี้ก็ดื่มอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ดื่มอยู่คนเดียวหรือกับพรรคพวก พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด ปนหัวเราะว่า ไม่หรอก ล้อเล่นไม่ได้ดื่มอะไร แต่ขอบคุณนะที่โทรมาบอก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า คนเราหากไม่ยึดติด 3 อย่าง คือ ยศ ตำแหน่ง เงิน ก็จะอยู่ได้อย่างสบายใจ ซึ่งในชีวิตตนมีอยู่ขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตไม่มีอะไรสบายกว่านี้อีกแล้ว หากจะถูกย้ายไปกรุงเทพฯ และมีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมากระทบชีวิตราชการ ก็พร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่เคยคิดจะต่อสู้ หรือชี้แจงใดๆ เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยู่จังหวัดขอนแก่น ได้ควบคุมดูแลพื้นที่กว้าง มีอำนาจเต็มที่ แต่ถ้าย้ายมาประจำ สตช. อำนาจก็ถูกทอนลง เหมือนเก็บเข้ากรุ รอวันถูกลงโทษ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเค้นหัวเราะตลอดเวลาว่า ไม่เป็นไร ดีๆ พร้อมอยู่แล้ว
** "ป๊อด"ออกเพราะจำนนไม่ใช่สปิริต
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวถึงการลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ. พัชรวาท ว่าเป็นการจำนนด้วยกฏหมายของป.ป.ช. ไม่ได้เกิดจากสปิริต และไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นชนวนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ทั้งยังเชื่อว่าในขณะนี้ พรรคภูมิใจไทย ยังไม่ประสงค์จะออกจากการร่วมรัฐบาล เพราะยังได้ประโยชน์จากการควบคุมการบริหารในกระทรวงสำคัญ หลายกระทรวง
ทั้งนิ้ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ คาดการณ์ว่า วันที่ 19 ก.ย. ที่มีกลุ่มการเมืองนัดหมายเคลื่อนไหว จะไม่เกิดความรุนแรงไม่ว่า จะมีความพยายามทุ่มสรรพกำลังเพียงใดก็ตาม เพราะผู้เข้าร่วมเริ่มเห็นธาตุแท้ และรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะรับสถานการณ์ได้.