นายพลไม้บรรทัด “ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” ลงดาบแรกหลังมีอำนาจเต็มรักษาการ ผบ.ตร.มีคำสั่ง “สุชาติ เหมือนแก้ว” ตำรวจติดบ่วงคดีปราบม็อบ 7 ตุลาเลือด ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้าน “สุชาติ” ยันพร้อมปฏิบัติตาม ไม่โต้แย้ง
วันนี้ (10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งเลขที่ 447/2552 ให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
เพื่อรอพิจารณาความผิดตามมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิด พล.ต.ท.สุชาติ คดี 7 ตุลาฯ ในฐานผิดวินัยร้ายแรงและความผิดอาญามาตรา 157 ในคำสั่งเดียวกันได้อาศัยมาตรา 72 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้ง พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รองผู้บัญชาการ ภ.4 ที่มีอาวุโสสูงสุดรักษาการแทน
ต่อมาเวลา 19.50 น.ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ ได้โทรศัพท์สอบถาม พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ถึงคำสั่งโยกย้ายให้มาประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ผมยังไม่ทราบด้วยวาจา และยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว แต่ขอบคุณที่สื่อแจ้งให้ทราบ ผมพร้อมเสมอหากจะถูกโยกย้าย ไม่เห็นมีอะไร ซึ่งเป็นเรื่องดี และมีความสุขจะตาย ผมไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ อยู่แล้ว ไม่เคยคิดครอบครองสิ่งใด แต่จะอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า ซึ่งอย่าไปสนใจเลยว่าจะถูกย้ายหรือไม่ถูกย้าย โดยคนที่มีอำนาจเค้าก็ทำไปตามอำนาจ จะให้ออก ผมก็พร้อมจะออก จะให้อยู่ต่อหรืออยู่ตรงไหนผมก็อยู่ได้ หากจะให้ออกเมื่อมีคำสั่งมา ผมก็จะเซ็นรับทราบทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ซึ่งต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง จะไปโวยวายอะไรไม่ได้
“ไม่เห็นมีอะไร ดีเสียอีกจะได้เก็บกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องบินเพียง 50 นาที ก็ถึงกรุงเทพฯแล้ว ผมมีความสุขจะตาย ดีจะได้อยู่ใกล้กับครอบครัว เพราะที่นี่ไกล ดีมากที่โทร.มาบอกจะได้จัดกระเป๋ารอถ้าคำสั่งมาก็ไปได้เลย แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้จะย้ายผมจริงหรือเปล่า ยังไม่มีใครโทร.มาบอกด้วยวาจา” พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่คิดจะโต้แย้งคำชี้มูลของ ป.ป.ช.ในเรื่องการสั่งสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ป.ป.ช.เค้ามีอำนาจ จะทำไปอย่างไร หรือทำอะไรก็ให้ทำไป
เมื่อถามย้ำว่า ทำไมต้องยอมรับผิดง่ายๆ ไม่มีสิ่งใดมาคัดค้านยืนยันความเป็นจริงว่าตนเองไม่ผิดได้เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ผมอยู่กับความสุข ตอนนี้ก็ดื่มอยู่ ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า ดื่มอยู่คนเดียวหรือกับพรรคพวก พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด ปนหัวเราะ ว่า ไม่หรอกล้อเล่นไม่ได้ดื่มอะไร แต่ขอบคุณนะที่โทร.มาบอก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า คนเราหากไม่ยึดติด 3 อย่าง คือ ยศ ตำแหน่ง เงิน ก็จะอยู่ได้อย่างสบายใจ ซึ่งในชีวิตผมมีอยู่ขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะผมเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตไม่มีอะไรสบายกว่านี้อีกแล้ว หากจะถูกย้ายไปกรุงเทพฯ และมีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมากระทบชีวิตราชการผม ก็พร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่เคยคิดจะต่อสู้ หรือชี้แจงใดๆ เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยู่จังหวัดขอนแก่นได้ควบคุมดูแลพื้นที่กว้าง มีอำนาจเต็มที่ แต่ถ้าย้ายมาประจำ สตช.อำนาจก็ถูกทอนลง เหมือนเก็บเข้ากรุ รอวันถูกลงโทษ นั้น พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ไม่เป็นไรยังไงก็ได้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเค้นหัวเราะตลอดเวลาว่า ไม่เป็นไร ดีๆ พร้อมอยู่แล้ว
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่ มีความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา เช่นกัน โดยที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 8 ต่อ 1 ระบุมูลความผิด พล.ต.ท.สุชาติ ว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ในความควบคุมบังคับบัญชาของ พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ตามแผนรักษาความสงบ (กรกฎ/48) ได้ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การเข้าดำเนินการผลักดันผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดทุกสถานการณ์ เมื่อทราบเหตุการณ์ในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ได้มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่นั้น ได้ใช้แก๊สน้ำตายิงและขว้างใส่กลุ่มประชาชนที่ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมากแล้ว ในเวลาประมาณ 16.00 น.พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ยังคงสั่งให้มีการใช้กำลังเข้าผลักดันกลุ่มประชาชน โดยใช้แก๊สน้ำตาดังกล่าวอีก จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาอีกจำนวนหนึ่ง และเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลและภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังคงยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มประชาชนที่ร่วมชุมนุมกับพันธมิตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส ขาขาด มือขาด และบาดเจ็บที่ต่างๆ จำนวนมากอีก
พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ทราบว่า การใช้แก๊สน้ำตาเข้าผลักดันประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน กลับไม่ดำเนินการทบทวนวิธีการหรือหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว กลับสั่งให้ดำเนินการเช่นเดิมอีกในตอนบ่ายและกระทำซ้ำอีกในตอนค่ำ การกระทำของพลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทำร้ายประชาชนในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ราชการ กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 79 (3) (5) (6) และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
วันนี้ (10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งเลขที่ 447/2552 ให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
เพื่อรอพิจารณาความผิดตามมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิด พล.ต.ท.สุชาติ คดี 7 ตุลาฯ ในฐานผิดวินัยร้ายแรงและความผิดอาญามาตรา 157 ในคำสั่งเดียวกันได้อาศัยมาตรา 72 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้ง พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รองผู้บัญชาการ ภ.4 ที่มีอาวุโสสูงสุดรักษาการแทน
ต่อมาเวลา 19.50 น.ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ ได้โทรศัพท์สอบถาม พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ถึงคำสั่งโยกย้ายให้มาประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ผมยังไม่ทราบด้วยวาจา และยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว แต่ขอบคุณที่สื่อแจ้งให้ทราบ ผมพร้อมเสมอหากจะถูกโยกย้าย ไม่เห็นมีอะไร ซึ่งเป็นเรื่องดี และมีความสุขจะตาย ผมไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ อยู่แล้ว ไม่เคยคิดครอบครองสิ่งใด แต่จะอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า ซึ่งอย่าไปสนใจเลยว่าจะถูกย้ายหรือไม่ถูกย้าย โดยคนที่มีอำนาจเค้าก็ทำไปตามอำนาจ จะให้ออก ผมก็พร้อมจะออก จะให้อยู่ต่อหรืออยู่ตรงไหนผมก็อยู่ได้ หากจะให้ออกเมื่อมีคำสั่งมา ผมก็จะเซ็นรับทราบทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ซึ่งต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง จะไปโวยวายอะไรไม่ได้
“ไม่เห็นมีอะไร ดีเสียอีกจะได้เก็บกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องบินเพียง 50 นาที ก็ถึงกรุงเทพฯแล้ว ผมมีความสุขจะตาย ดีจะได้อยู่ใกล้กับครอบครัว เพราะที่นี่ไกล ดีมากที่โทร.มาบอกจะได้จัดกระเป๋ารอถ้าคำสั่งมาก็ไปได้เลย แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้จะย้ายผมจริงหรือเปล่า ยังไม่มีใครโทร.มาบอกด้วยวาจา” พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่คิดจะโต้แย้งคำชี้มูลของ ป.ป.ช.ในเรื่องการสั่งสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ป.ป.ช.เค้ามีอำนาจ จะทำไปอย่างไร หรือทำอะไรก็ให้ทำไป
เมื่อถามย้ำว่า ทำไมต้องยอมรับผิดง่ายๆ ไม่มีสิ่งใดมาคัดค้านยืนยันความเป็นจริงว่าตนเองไม่ผิดได้เลยหรือ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ผมอยู่กับความสุข ตอนนี้ก็ดื่มอยู่ ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า ดื่มอยู่คนเดียวหรือกับพรรคพวก พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด ปนหัวเราะ ว่า ไม่หรอกล้อเล่นไม่ได้ดื่มอะไร แต่ขอบคุณนะที่โทร.มาบอก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า คนเราหากไม่ยึดติด 3 อย่าง คือ ยศ ตำแหน่ง เงิน ก็จะอยู่ได้อย่างสบายใจ ซึ่งในชีวิตผมมีอยู่ขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะผมเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตไม่มีอะไรสบายกว่านี้อีกแล้ว หากจะถูกย้ายไปกรุงเทพฯ และมีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมากระทบชีวิตราชการผม ก็พร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่เคยคิดจะต่อสู้ หรือชี้แจงใดๆ เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยู่จังหวัดขอนแก่นได้ควบคุมดูแลพื้นที่กว้าง มีอำนาจเต็มที่ แต่ถ้าย้ายมาประจำ สตช.อำนาจก็ถูกทอนลง เหมือนเก็บเข้ากรุ รอวันถูกลงโทษ นั้น พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ไม่เป็นไรยังไงก็ได้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเค้นหัวเราะตลอดเวลาว่า ไม่เป็นไร ดีๆ พร้อมอยู่แล้ว
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่ มีความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา เช่นกัน โดยที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 8 ต่อ 1 ระบุมูลความผิด พล.ต.ท.สุชาติ ว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ในความควบคุมบังคับบัญชาของ พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ตามแผนรักษาความสงบ (กรกฎ/48) ได้ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การเข้าดำเนินการผลักดันผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดทุกสถานการณ์ เมื่อทราบเหตุการณ์ในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ได้มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่นั้น ได้ใช้แก๊สน้ำตายิงและขว้างใส่กลุ่มประชาชนที่ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมากแล้ว ในเวลาประมาณ 16.00 น.พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ยังคงสั่งให้มีการใช้กำลังเข้าผลักดันกลุ่มประชาชน โดยใช้แก๊สน้ำตาดังกล่าวอีก จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาอีกจำนวนหนึ่ง และเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลและภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังคงยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มประชาชนที่ร่วมชุมนุมกับพันธมิตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส ขาขาด มือขาด และบาดเจ็บที่ต่างๆ จำนวนมากอีก
พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ทราบว่า การใช้แก๊สน้ำตาเข้าผลักดันประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน กลับไม่ดำเนินการทบทวนวิธีการหรือหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว กลับสั่งให้ดำเนินการเช่นเดิมอีกในตอนบ่ายและกระทำซ้ำอีกในตอนค่ำ การกระทำของพลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทำร้ายประชาชนในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ราชการ กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 79 (3) (5) (6) และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157