ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ระดมนักวิชาการ-ผู้ประกอบการ-เกษตรกรทั่วประเทศ ถก “ทิศทางมันสำปะหลังไทย” ที่โคราช ร่วมแก้ปัญหาทั้งระบบและเตรียมพร้อมรับมือประเดิมนโยบายประกันราคามันฯ เผยรัฐทุ่มงบฯ “ไทยเข้มแข็ง”รองรับ 1.8 หมื่นล้าน ด้าน“ธ.ก.ส.” เตรียมงบ ช่วยเหลือเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการด้านการเกษตรอีก 1 แสนล้าน ชี้ห่วงเพลี้ยแป้งระบาดหนัก 2 ระลอกผลผลิตมันฯ ปีนี้ลดฮวบ 30-40% ส่วนโคราชแหล่งปลูกใหญ่ของไทยคาดลดกว่า 2 แสนตัน
ที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ กรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการวิจัยและพัฒนา เป็นประธานเปิดการเสวนาวิชาการ หัวข้อ “ทิศทางมันสำปะหลังไทย” โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาจำนวนกว่า 200 คน ประกอบด้วยตัวแทนจาก ธ.ก.ส. สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย ตัวแทนสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง 18 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจหอการค้าไทย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ รักษาการแทนผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า การจัดเสวนาครั้งนี้ที่ จ.นครราชสีมาแหล่งผลิตมันสำปะหลังแห่งใหญ่ของประเทศ เพื่อหารือถึงกระบวนการผลิตมันสำปะหลัง ตั้งแต่เริ่มปลูก การดูแลไปจนถึงการขาย การแปรรูป และ นโยบายของรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลงไปจากกระบวนการแทรกแซงตลาดด้วยการจำนำ เป็นโครงการประกันราคามันสำปะหลังแทน พร้อมทั้งหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันทั้งระบบ
จากการหารือเบื้องต้นคาดว่า ปีนี้ผลผลิตมันฯ จะออกสู่ตลาดไม่ถึงตัวเลขประมาณการที่ 27 ล้านตันทั่วประเทศ เนื่องจากปัญหาการระบาดหนักของเพลี้ยแป้งถึง 2 ระลอก อาจส่งผลให้การผลิตมันฯ ปีนี้ลดลงประมาณ 30-40% โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกมันฯ กลางปีมีปัญหาการระบาดของเพลี้ยแป้งอย่างมาก ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะนำเสนอไปยังกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
สำหรับโครงการประกันราคามันฯเป็นครั้งแรก ในฤดูกาลผลิตปี 2552/2553 รัฐบาลจะใช้งบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งได้จัดงบฯ ไว้แล้วสำหรับกรณีการประกันราคาข้าวโพด และมันฯ เพื่อเตรียมจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้แก่เกษตรกร รวมจำนวน 18,000 ล้านบาท โดยราคามันสำปะหลังกำหนดประกันราคาไว้ที่ 1.70 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ข้าวคาดว่าต้องใช้เงินชดเชยอีกประมาณ 25,000 ล้านบาท รวมพืชเกษตรทั้ง 3 ชนิดรัฐบาลได้เตรียมเงินไว้ช่วยเหลือเกษตรกรประมาณ 43,000 ล้านบาท
นายเอ็นนู กล่าวต่อว่า ส่วน ธ.ก.ส.ได้เตรียมงบประมาณไว้ต่างหากอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล เพราะเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลเปลี่ยนจากโครงการรับจำนำมาเป็นการประกันราคา ระบบตลาดจะต้องมีความคล่องตัวด้วย โดยเฉพาะพ่อค้าแต่จากการหารือกับผู้ประกอบการทั้งโรงสี ลานมันฯ และโรงงานอาหารสัตว์ บอกตรงกันว่า มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ฉะนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ธ.ก.ส. จึงเตรียมเงินส่วนหนึ่งเพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่บรรดาผู้ซื้อ ที่เป็นกระบวนการทางการตลาดของพืชทั้ง 3 ชนิดนี้
ด้าน นายสวัสดิ์ บึงไกร เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการสำรวจพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังของ จ.นครราชสีมา ล่าสุดในฤดูกาลผลิต 2552/2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.9 ล้านไร่ ลดลงจากฤดูกาลผลิตที่ผ่านมา 1 แสนไร่ เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกข้าวโพด และ อ้อย แทน คาดว่าจะมีผลผลิตรวมประมาณ 8.9 ล้านตัน
ปัญหาการระบาดของเพลี้ยแป้งจากการสำรวจรอบแรกช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม ที่ผ่านมา พบการระบาดในพื้นที่ 29 อำเภอ รวม 1 ล้านไร่ มีการระบาดมากในพื้นที่ 3 แสนไร่ โดยพื้นที่เสียหายสิ้นเชิงและรัฐต้องจ่ายค่าชดเชยให้เกษตรกรจำนวน 50,000 ไร่ รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท
ส่วนการระบาดในรอบ 2 ขณะนี้พบในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ หนองบุญมาก ครบุรี เสิงสาง และด่านขุนทด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการควบคุมการระบาด แต่เนื่องจากเพลี้ยแป้งมีพัฒนาการทนต่อยาฆ่าแมลง จึงเป็นเรื่องที่ลำบากในการกำจัดให้หมดไปได้
“จากปัญหาการระบาดของเพลี้ยแป้ง คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตมันสำปะหลังของจังหวัดนครราชสีมาแหล่งปลูกมันฯ ใหญ่เป็นอัน 1 ของประเทศไทยลดลงประมาณ 20% หรือราว 2 แสนตัน” นายสวัสดิ์ กล่าว
