เอเอฟพี -ตลาดสินค้าหรูระดับโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์ทางการเงินโลก และจะไม่ฟื้นตัวเต็มที่ไปอีกอย่างน้อยสามปี โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้ยอดขายมีแนวโน้มตกลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ลงมาอยู่ที่ราว 154,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 2 ปีข้างหน้าก็จะกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยอาจขึ้นเป็น 156,000 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า และ 162,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2011 เกเบรียล ซัคคาเรลลี นักวิเคราะห์อาวุโสแห่ง เบนแอนด์คอมปานี บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ เผยเมื่อวันพุธ(9) ในที่ประชุมสัมมนาว่าด้วยธุรกิจสินค้าหรู ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล
ทั้งนี้ สินค้าหรูดังกล่าวได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ เรือยอชต์ สินค้ากลุ่มเทคโนโลยี รถยนต์ บริการต่างๆ โรมแรมและร้านอาหาร รวมทั้งสินค้าส่วนบุคคลจำพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเครื่องเพชรด้วย
ซัคคาเรลลีบอกว่า สินค้ากลุ่มเครื่องแต่งตัวได้รับผลกระทบสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤตสินเชื่อในช่วงต้นปี 2008 โดยนปีนี้ธุรกิจดังกล่าวจะมียอดขายลดลงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มว่ากระแสความนิยมจะเปลี่ยนไปสู่เสื้อผ้าประเภท "มีคุณภาพและทนทาน" มากกว่าแนวแฟชันโฉบเฉี่ยว
ยี่ห้อดังที่ติดตลาดมายาวนานแล้วอย่าง "ชาแนล" "อาร์มานี" และ "แอร์เมส" คงจะยังครองความเป็นผู้นำได้อยู่แม้ว่าลูกค้าจะระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยี่ห้อในกลุ่มที่เน้นความเป็นแฟชันอย่าง "ปราดา" "วาเลนติโน" และ "เวอร์ซาเช" อาจต้องหาทางดิ้นรนมากขึ้น
ด้านผู้บริโภคระดับบนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ก็จะใช้จ่ายเงินน้อยลง โดยเฉพาะชาวอเมริกันที่ยังกังวลกับอนาคตทางการเงินของประเทศอยู่มาก แต่ก็มีผู้บริโภคชาวจีนที่ยังมีแนวโน้มต้องการซื้อหาสินค้าหรูราคาแพงเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราเติบโตถึง 7 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
นักวิเคราะห์ผู้นี้เสนอว่าผู้ผลิตควรแก้ปัญหาโดยหาทางเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ดูแลเรื่องราคาและสินค้าในสต๊อก รวมทั้งตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป แต่จะต้องไม่ตัดทอนฝ่ายบุคคลหรือฝ่ายการตลาดมากจนเกินไป
ทั้งนี้ สินค้าหรูดังกล่าวได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ เรือยอชต์ สินค้ากลุ่มเทคโนโลยี รถยนต์ บริการต่างๆ โรมแรมและร้านอาหาร รวมทั้งสินค้าส่วนบุคคลจำพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเครื่องเพชรด้วย
ซัคคาเรลลีบอกว่า สินค้ากลุ่มเครื่องแต่งตัวได้รับผลกระทบสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤตสินเชื่อในช่วงต้นปี 2008 โดยนปีนี้ธุรกิจดังกล่าวจะมียอดขายลดลงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มว่ากระแสความนิยมจะเปลี่ยนไปสู่เสื้อผ้าประเภท "มีคุณภาพและทนทาน" มากกว่าแนวแฟชันโฉบเฉี่ยว
ยี่ห้อดังที่ติดตลาดมายาวนานแล้วอย่าง "ชาแนล" "อาร์มานี" และ "แอร์เมส" คงจะยังครองความเป็นผู้นำได้อยู่แม้ว่าลูกค้าจะระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยี่ห้อในกลุ่มที่เน้นความเป็นแฟชันอย่าง "ปราดา" "วาเลนติโน" และ "เวอร์ซาเช" อาจต้องหาทางดิ้นรนมากขึ้น
ด้านผู้บริโภคระดับบนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ก็จะใช้จ่ายเงินน้อยลง โดยเฉพาะชาวอเมริกันที่ยังกังวลกับอนาคตทางการเงินของประเทศอยู่มาก แต่ก็มีผู้บริโภคชาวจีนที่ยังมีแนวโน้มต้องการซื้อหาสินค้าหรูราคาแพงเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราเติบโตถึง 7 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
นักวิเคราะห์ผู้นี้เสนอว่าผู้ผลิตควรแก้ปัญหาโดยหาทางเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ดูแลเรื่องราคาและสินค้าในสต๊อก รวมทั้งตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป แต่จะต้องไม่ตัดทอนฝ่ายบุคคลหรือฝ่ายการตลาดมากจนเกินไป
