สินค้าแบรนด์หรูหวังขุดทองตลาดจีนแต่ไม่หมูอย่างที่คิด

ไชน่าเดลี่ – ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ดังทั่วโลกชี้จีนอาจขึ้นแท่นกลายเป็นตลาดสินค้าแบรนด์หรูอันดับหนึ่งของโลกในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า แต่จะใช้กลยุทธ์ไหนเอาชนะใจผู้บริโภคชาวจีนให้หันมองผลิตภัณฑ์ตัวเอง ยังคงต้องเผชิญความท้าทายอีกระดับ

ผู้ผลิตแชมเปญแตทแตงแจน์ของฝรั่งเศสกล่าวว่า บริษัทมีแผนจะสร้างตลาดไวน์ระดับบน(ไฮ-เอนด์) ในประเทศจีน แต่ว่าขณะนี้ตลาดท้องถิ่นยังไม่พร้อมสำหรับแผนของบริษัท ขณะที่รถยนต์แบรนด์หรูลัมบอร์กินิ กล่าวว่า จีนเป็นประเทศที่นิยมรถยนต์ส่วนบุคคลมากกว่ารถแข่ง ซึ่งนับเป็นอุปสรรคในการขยายธุรกิจของบริษัท

ริชมอนท์ เจ้าของบริษัทจิวเวอรี่หรูแวน คลีฟ แอนด์ อาเพลส์ กล่าวว่า ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่กล่าวขวัญในตลาดสินค้าระดับบนของจีน ขณะที่ผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์ดังระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์เช่น พาร์มิเจียนี เฟลอริเยร์ กังวลเรื่องการสรรหาผู้ร่วมทุน

“เราพบว่าปัญหาอย่างหนึ่งในจีนคือการมองหาบริษัทร่วมทุนที่เชื่อใจได้และผู้ที่เข้าใจในการดำเนินธุรกิจสินค้าระดับบน” ฌอง มาร์ค เจโค่ประธานบริหารพาร์มิเจียนีฯ ระบุ

แตทแตงแจน์ระบุว่า หลายพื้นที่ในประเทศจีนสามารถเป็นแหล่งผลิตแชมเปญคุณภาพชั้นเลิศ แต่ขณะที่ชาวจีนยังไม่คุ้นเคยกับการลิ้มรสของแชมเปญหรูๆ

“อาจยังเร็วเกินไปสำหรับนักชิมไวน์ชาวจีน บวกกับวัฒนธรรมไวน์ในระดับไฮ-เอนด์ยังไม่แข็งแรง” ปิแอร์ เอมมานูเอล แตทแตงแจน์ หนึ่งในผู้บริหารแชมเปญแตทแตงแจน์ บอก

ด้านแอร์เมส แบรนด์กระเป๋าถือหัตกรรมขึ้นชื่อจากฝรั่งเศส ก็กล่าวว่าจะจัดตั้งฐานการผลิตขึ้นในจีน ถ้าในท้องถิ่นมีช่างฝีมือรองรับ แต่แล้วแอร์เมสกลับเผชิญปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในตลาดจีนอย่างเนืองๆ

“ภาพลักษณ์ของเราถูกทำลายยับเพราะสินค้าปลอม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไมเราต้องต่อสู้กับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะว่าเมื่อสินค้าของแอร์เมสอยู่ที่จีน ผู้บริโภคก็เข้าใจว่านั่นคือของจริง” แพทริก โธมาส ซีอีโอแอร์เมส บอก

ทั้งนี้ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์สร้างความเสียหายแก่บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าหรูปีละหลายร้อยล้านเหรียญยูโร อีกทั้งนับวันคุณภาพสินค้าปลอมก็ยิ่งพัฒนาใกล้เคียงกับสินค้าต้นแบบจนไม่สามารถแยกได้

“ความท้าทายในจีนคือต้องเริ่มอธิบายกับผู้บริโภคจำนวน 1,300 ล้านคน ว่าสิ่งไหนคือผลิตภัณฑ์ที่แท้จริง” สตานิสล่า เดอ เกซิซประธานบริหารบริษัทแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ บอก

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตสินค้าระดับบนยังมองตรงกันว่า จีนเป็นประเทศหนึ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแบรนด์อย่างยิ่ง และเป็นได้ว่าอาจขึ้นแท่นตลาดสินค้าหรูอันดับหนึ่งของโลกในเร็วๆนี้ หรือกลายเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่พร้อมจะขยายตัว

“ในระยะกลาง – ระยะยาวจีนจะกลายเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ แต่ชาวจีนไม่เหมือนชาวรัสเซียที่ทุ่มทุนซื้อสินค้าหรูหราแพงๆ เพราะคนจีนส่วนมากยังคงมีนิสัยประหยัดมัธยัสถ์” ซิลลา หวง ซุน นักธุรกิจที่ลงทุน 30 ล้านเหรียญสหรัฐในแบรนด์จูเลียส แบร์ แสดงความเห็น

ขณะเดียวกัน จีนก็กลายเป็นตลาดหมายเลขหนึ่งของสินค้าหรูภายใต้อาณาจักร LVMH และยังเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของหลุตส์ วิตตองด้วย

ส่วนแบรนด์ดังกุชชี่ ที่เพิ่งฉลองเปิดร้านสาขาแห่งใหม่ที่นครเซี่ยงไฮ้ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ก็เตรียมแผนเปิดร้านสาขาในจีนอีก 2- 4 แห่ง ภายในปีนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน