xs
xsm
sm
md
lg

ข้อมูลความจริงใหม่ยัน เศรษฐกิจมังกรไม่น่าฟื้นเร็ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สตรีรายหนึ่งกำลังมองกระเป๋าถือที่วางขายราคาถูกอย่างสนใจ ในตลาดนัดขนาดเล็กของเมืองเหยียนจี๋ มณฑลจี๋หลินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน - ภาพ เอเอฟพี
เอเชียน วอลล์สตรีต เจอร์นัล – เริ่มหมดหวังเศรษฐกิจแดนมังกรฟื้นตัวเร็วกว่ากำหนด หลังจากข้อมูลใหม่ ๆ ทางเศรษฐกิจ ผุดขึ้น ตอกย้ำความจริง นับตั้งแต่ราคาเหล็กกล้า ที่ดิ่งร่วงอีกระลอก และความต้องการสินค้าส่งอออกจากจีนยังหดตัวไม่เลิก

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทและนักลงทุนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนคงจะพลิกฟื้นเร็วขึ้น เมื่อธนาคารขยายการปล่อยสินเชื่อ และราคาเหล็กกล้า ดัชนีชี้วัดหลักในเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหนักของจีน พลิกฟื้น เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลกำลังทำงานได้ผล

แต่แล้ว ความจริงที่ยากจะปฏิเสธก็ปรากฏขึ้น เมื่อเวลานี้ ราคาเหล็กกล้ากำลังปรับตัวลงมาอีกครั้ง นอกจากนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลของธนาคารอย่างละเอียดบ่งชี้ว่าสินเชื่อมากมาย ที่ปล่อยออกไปจะไม่กระตุ้นให้เศรษฐกิจโตทันทีทันใด หันไปดูการค้า ก็ยังคงหดตัว เพราะสหรัฐฯ และยุโรปลดความต้องการสินค้าส่งออกจากจีน ขณะเดียวกันบริษัทและผู้บริโภคชาวจีนก็ซื้อสินค้าต่างประเทศน้อยลงเช่นกัน

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เศรษฐกิจจีนคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายเดือน หรือนานกว่านั้น จึงจะฟื้นตัว ซึ่งนับเป็นข่าวร้ายสำหรับเศรษฐกิจโลก เพราะเวลานี้จีนเป็นมหาอำนาจชาติเดียว ที่เศรษฐกิจยังคงเติบโต

“ เป็นความเข้าใจผิด หากคิดว่า เศรษฐกิจจีนสามารถตัดขาดจากส่วนที่เหลือในโลกได้ หรือเป็นผู้แบกรับส่วนอื่น ๆ ในโลกไว้บนบ่า” บรูซ แคสแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกนระบุ

“การพื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีนย่อมต้องอาศัยข่าวดีต่าง ๆจากทั่วโลก”

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเม็ดเงินราว 230,000 ล้านหยวน (34,000 ล้านดอลลาร์) ที่รัฐบาลจีนทุ่มลงไปในโครงการต่าง ๆ จนถึงขณะนี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เห็นอย่างชัดเจนประมาณครึ่งหลังของปีนี้
ประชาชนที่กำลังมองหางานยังคงหลั่งไหลเข้ามาหาแสวงหาโอกาสและตำแหน่งงานในมหกรรมแรงงาน ที่จัดขึ้นทั่วไปตามเมืองเอกของเมืองใหญ่ๆ ในประเทศ- ภาพ เอเอฟพี
ความเชื่อมั่นของบริษัทและนักลงทุนท้องถิ่นต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้ราคาเหล็กกล้า และอัตราการขนส่งสินค้า ขยับขึ้นในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกับดัชนีคอมโพซิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปรับขึ้นร้อยละ 30 ในการซื้อขายช่วงหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และปรับตัวลงมาเล็กน้อยหลังจากนั้น

แม้ราคาเหล็กกล้าปรับตัวขึ้นราวร้อยละ 15 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากแตะระดับต่ำสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยจีนเป็นชาติผู้ใช้โลหะรายใหญ่ที่สุดในโลก การพุ่งขึ้นของราคาเหล็กกล้าจึงกลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างมากมาย

อย่างไรก็ตาม สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีนรายงานว่า การดีดขึ้นของราคาในตลาดเหล็กกล้าเป็นผลมาจากผู้ซื้อเพิ่มการเก็บเหล็กกล้า ไว้ในสต็อก โดยปริมาณการเก็บในสต็อกเดือนมกราคมพุ่งขึ้นร้อยละ 30 จากเดือนธันวาคม ดังนั้น การพุ่งขึ้นของราคาเหล็กกล้าจึงมิได้สะท้อนความต้องการใช้เหล็กกล้าอย่างแท้ จริง นอกจากนั้น ราคาเหล็กกล้าโดยเฉลี่ยยังปรับลงมาร้อยละ 6.3 ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากก่อนหน้านั้นปรับลงร้อยละ 3.2 จากข้อมูลของ “มายสตีล” บริษัทวิจัยในเซี่ยงไฮ้

นอกจากนั้น การพิจารณาสภาพเศรษฐกิจจีนอย่างถ่องแท้กระทำได้ลำบากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ ผ่านมา เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนในปีนี้มาเร็วกว่าในปี 2550 ส่งผลให้การเปรียบเทียบต่อปีของดัชนีหลักในเดือนมกราคมบิดเบือนไป

ข้อมูลอื่น ๆ ที่ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจจีนจะยังไม่พลิกฟื้นเร็วกว่ากำหนดได้แก่ ผลผลิตอุตสาหกรรมในศูนย์ธุรกิจของนครเซี่ยงไฮ้ในเดือนมกราคม ปรับลงร้อยละ 12.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้มีการปรับตัวเลข เมื่อนำช่วงวันหยุดตรุษจีนมาพิจารณาแล้วก็ตาม ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในจีนเดือนมกราคมลดลงร้อยละ 43.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บ่งชี้การชะลอความต้องการบริโภคในจีน

สำหรับกรณีธนาคารเพิ่มการปล่อยเงินกู้งวดใหม่ในเดือนมกราคมจำนวน 1.62 ล้านล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าเมื่อปีที่แล้วถึง 2 เท่านั้น ขณะที่มีการมองกันว่าเป็นสัญญาณที่ดี ทว่าจากข้อมูลเกี่ยวกับเงินฝากในธนาคาร พบว่า บริษัทกำลังเก็บเงินสด มากกว่านำออกมาใช้จ่าย ดังนั้น เงินกู้ดังกล่าวจึงอาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้โตได้ในทันที

ความสงสัยยังมีมากขึ้น เมื่อพบว่า เงินกู้ที่ธนาคารปล่อยออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีลักษณะผิดปกติ กล่าวคือการปล่อยกู้ให้แก่บริษัทในเดือนมกราคม เป็นตั๋วเงินกู้ระยะสั้นถึงร้อยละ 42 หรือ 623,900 ล้านหยวน สูงกว่าในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมถึง 3 เท่า

นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งมองว่า การเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวน่าจะเกิดจากการจัดการทางการ เงิน มากกว่าจะเป็นการกู้ยืมอย่างแท้จริง ซึ่งมิได้สะท้อนความต้องการที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในภาคเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ผู้ปฏิบัติการท่าเรือรายใหญ่ของจีนยังรายงานด้วยว่าจำนวนตู้สินค้าขึ้นที่ ท่าเรือในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงจากเดือนมกราคม ตามรายงานของนักวิเคราะห์ของซิติกรุ๊ป

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวทั้งหมด ในสายตาของนักวิเคราะห์ จึงดูเหมือนหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว ที่การส่งออกของจีนในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะปรับลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น