xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

“ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจทำไม่ได้” นี่คือคำขวัญที่โด่งดังของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ซึ่งสร้างตำรวจให้เข้มแข็งจนกลายเป็นกองทัพที่น่าเกรงขาม เพราะมีทั้งตำรวจรถถัง และตำรวจพลร่ม

ก่อนสมัย พล.ต.อ.เผ่า ตำรวจไทยยังไม่มีผู้นำที่เข้มแข็ง แต่มีนายตำรวจที่ตงฉิน และซื่อสัตย์อย่าง พล.ต.อ.หลวงอดุลเดชจรัส ฉายา “นายพลตาดุ” ในยุคนั้นมีการประหารนักโทษการเมืองหลายคน โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม อ้างว่า หลวงอดุลฯ เป็นคนสั่ง แม้จอมพล ป.จะขอร้องก็ไม่ยอม

พล.ต.อ.เผ่า เป็นอธิบดีตำรวจที่เป็นผู้นำ ลูกน้องทั้งกลัวทั้งรัก พล.ต.อ.เผ่า มีวิธีปกครองลูกน้องโดยคัดเลือกนายตำรวจให้มาติดตามกินอยู่กับตนคราวละ 3-4 คน และคอยสังเกตหน่วยก้านแล้วคัดเลือกเอาไว้รับใช้ใกล้ชิดเรียกว่า พวก “อัศวิน” นายตำรวจเหล่านี้จะได้รับแหวนลงยาตราอาร์มฝังเพชรเป็นรางวัล

ตอนพ่อผมถูกจับเป็นกบฏจากกรณีกบฏเสนาธิการ 1 ตุลา 2491 พล.ต.อ.เผ่า เรียกไปพบ และตัดสินใจเก็บพ่อผมไว้ใช้โดยถูกขังเพียงไม่ถึงเดือน เพื่อนๆ พ่อผมซึ่งใกล้ชิด พล.ต.อ.เผ่า เล่าว่า พล.ต.อ.เผ่า พูดว่า “ไอ้นะมันไม่กลัวอั๊ว มันไม่หลบตา”

สมัยพ่อผมอยู่จังหวัดสุรินทร์ สลากกินรวบระบาดมาก พ่อผมได้ปลุกระดมประชาชน และนักเรียนให้เดินขบวนต่อต้านสลากกินรวบ ขบวนนั้นยาวถึงหนึ่งกิโลเมตร และยังเขียนบทภาพยนตร์และถ่ายทำเองเป็นเรื่องการต่อต้านสลากกินรวบอีกด้วย พล.ต.อ.เผ่า ชอบใจมากให้รางวัลเป็นเงิน 3 หมื่นบาท ซึ่งนับว่ามากเมื่อสมัย 50 ปีมาแล้ว

พล.ต.อ.เผ่า เป็นคนชอบกินเหล้า และพูดเสียงดังเป็นคนไม่กลัวใคร แม้จอมพล ป. ก็ยังเกรงๆ แต่อยู่มาวันหนึ่งไปกินเลี้ยง กินเหล้ามากไปหน่อย เจอกับ พล.ร.ท.ศรี ดาวราย คนจริงของกองทัพเรือไม่รู้ทำท่าไหน โดยพล.ร.ท.ศรี ดาวราย ต่อยปากเอา เป็นเรื่องที่ฮือฮากันมากในยุคนั้น เพราะกล้าชกปาก พล.ต.อ.เผ่า คนก็เลยเรียกว่า คุณศรี ดาวร้าย

ผมเองเคยพบ พล.ร.ท.ศรี ท่านตัวเล็กนิดเดียวแต่ล่ำสัน พูดเสียงดัง ท่านเป็นบิดาของอาจารย์ลาวัณ ดาวราย และคุณเรณู ดาวราย (ภรรยาอดีต รมต.วิเชียร วัฒนคุณ)

ตำรวจยุค พล.ต.อ.เผ่า มีอำนาจมาก โดยเฉพาะพวกอัศวินแหวนเพชร ที่ดังมากๆ ก็คือ พ.ต.อ.พุธ บูรณสมภพ พ.ต.อ.อรรณพ พุกประยูร และพ.ต.อ.พันศักดิ์ วิเศษภักดี ซึ่งทุกคนเสียชีวิตไปหมดแล้ว พ.ต.อ.อรรณพ เป็นเพื่อนสนิทของพ่อผม แม้นายตำรวจเหล่านี้จะมีอำนาจมาก แต่ก็ไม่ปรากฏว่าใช้อำนาจไปในทางหาผลประโยชน์ สมัยนั้น พล.ต.อ.เผ่า ให้เงินลูกน้องใช้ ผิดกับสมัยหลังๆ ที่ลูกน้องเป็นฝ่ายหาเงินให้นาย

อาจกล่าวได้ว่า การเป็นตำรวจสมัยเมื่อ 40-50 ปีมาแล้ว ต้องใช้ความสามารถ การวิ่งเต้นแม้จะมีบ้างก็น้อย ตำรวจในสมัยคุณหลวงอดุลฯ ต้องมีฝีมือจริงๆ ท่านชอบออกตรวจตอนดึกๆ และหากใครทำผิดก็ลงโทษอย่างเด็ดขาด

นักเรียนนายร้อยตำรวจสมัยก่อน หากใครสอบออกได้ที่ 1 ก็จะได้อยู่ที่สถานีตำรวจจักรวรรดิ ที่ 2 อยู่สถานีตำรวจสำราญราษฎร์ สมัยก่อนศูนย์กลางของการค้าอยู่แถวๆ จักรวรรดิ ส่วนที่เทียบเท่ากองปราบยุคนั้นอยู่ที่สถานีตำรวจชนะสงคราม พ่อผมเป็นสารวัตรที่นั่นเรียกว่า “กองตรวจ” มีรองสารวัตรชื่อ ร.ต.ท.ประเนตร ฤทธิฤาชัย ต่อมาอาประเนตรไปเป็นผู้บังคับค่ายนเรศวร หัวหิน อยู่มาวันหนึ่งมีการแสดงกระโดดร่ม ตำรวจพลร่มกระโดดร่มลงมา แต่ร่มไม่กาง จึงตกมาตาย อาประเนตรขึ้นไปกระโดดทันที และลงมาอธิบายว่า หากพับร่มให้ถูกต้องก็ไม่มีอะไร

ก่อนจะมีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ซึ่ง พล.ต.อ.เผ่า จัดตั้งขึ้น) มีโรงเรียนตำรวจห้วยจระเข้ที่นครปฐม รุ่นห้วยจระเข้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันก็คือ พล.ต.ท.เยื้อน ประภาวัต

ปู่ (น้องย่า) ผมเคยเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจชื่อ พล.ต.ท.อุทัย ยศะสินธุ์ ท่านเป็นฝ่ายบริหารที่ตำรวจนับถือมาก ท่านเป็นผู้ก่อตั้งวิสาหกิจของตำรวจ คือ อาภรณ์ภัณฑ์ ตัดเครื่องแบบให้ตำรวจ ผู้ซึ่งมาตัดก็คือ คุณจั๊บ เจ้าของร้านบรอดเวย์ นับว่าตำรวจไทยยุคก่อนใช้เครื่องแบบที่ตัดเย็บโดยช่างเสื้อลือชื่อที่สุดในเวลานั้น ผมเองก็ได้ใช้บริการของคุณจั๊บเช่นกัน โดยคุณจั๊บตัดทั้งสูท และเสื้อเชิ้ตให้ เสื้อเชิ้ตนั้นตัดแล้วต้องลองตัวก่อนด้วย ผมใช้เสื้อของคุณจั๊บอยู่ถึงสิบปีกว่าจะเก่า

การซื้อขายตำแหน่งในสมัยก่อนไม่ปรากฏ มีแต่การให้เมียไปคอยรับใช้เจ้านายที่บ้าน ผลประโยชน์ที่ตำรวจได้รับสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นการได้รับเชิญไปกินเลี้ยง และมีคนจีนเอาผลไม้ หมูเห็ดเป็ดไก่มาให้ตอนตรุษจีน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมาก มาสมัยนี้นอกจากตำรวจจะรับผลประโยชน์เป็นรายเดือนจากบ่อน ซ่อง และร้านขายของบริเวณที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายแล้ว ก็ยังหาเงินจากตำรวจด้วยกันเองอีกด้วย

ดังนั้น การปฏิเสธว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งกันนั้น คงไม่จริง อดีตปลัดกระทรวงท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า ตำรวจคนหนึ่งย้ายไปประจำ ณ ที่แห่งหนึ่ง โดยเสียเงินไปแล้ว หลังจากนั้นสองปีอธิบดีเรียกไปอีก ถามว่าอยากอยู่ต่อหรือไม่ หากจะอยู่ต่อต้องจ่ายเพิ่มอีก

การหาผลประโยชน์ของตำรวจเกิดขึ้นพร้อมๆ ไปกับการขยายตัวของอาชญากรรมและอบายมุข รวมถึงการค้ายาเสพติดด้วย การเรียกเก็บผลประโยชน์โดยนายตำรวจระดับสารวัตร ผู้กำกับ และส่งต่อให้นายนั้น บางท้องที่มีมูลค่าเดือนละหลายสิบล้าน

การเป็นหลานตำรวจใหญ่ช่วยให้ผมได้ประโยชน์อยู่อย่างหนึ่งคือ ได้อ่านพล นิกร กิมหงวนก่อน พอโรงพิมพ์ๆ เสร็จ ปู่ผมจะแวะไปที่เวิ้งนาครเขษมแล้วก็จะได้พล นิกร กิมหงวน และหนังสือเสือใบ-เสือดำมาอ่านก่อน เป็นความประทับใจที่ผมมีในวัยเด็ก
กำลังโหลดความคิดเห็น