ส.ว.ไหวตัวหลังถูกหลอกให้ร่วมลงชื่อ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เริ่มทยอยถอน เกริก อ้างตอนแรกไม่เห็นร่างแก้ไขทั้งหมด แต่พอพบมีประเด็นแอบแฝงขยายอายุ ส.ว.สรรหา และเปิดทางให้ลงส.ส.และเป็น รมต.ได้เลยไม่เอาด้วย เช่นเดียวกับ ประเสริฐ บอกรับไม่ได้ที่แก้ไขเพื่อประโยชน์ตัวเอง สุเทพ ย้ำพรรคร่วมฯเห็นพ้องแก้ 2 ประเด็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน และนายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ร่วมกัน ล่ารายชื่อ เพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใน 7 ประเด็น โดยมี ส.ส.และ ส.ว. ร่วมลงชื่อจำนวนมาก แต่ล่าสุดได้มี ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อประมาณ 80 คน บางส่วนได้ทยอยถอนชื่อแล้ว เช่น นาย ประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา พล.ต.ต. เกริก กัลยาณมิตร นาง กีระณา สุมาวงศ์ นางสุกัญญา สุดบรรทัด ส.ว.สรรหา
พล.ต.ต.เกริก กล่าวว่า ตอนแรกที่ลงชื่อสนับสนุน เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดต้นฉบับทั้งหมด แต่เมื่อเห็นแล้วจึงได้ถอนชื่อ เพราะเห็นว่า เวลานี้ยังไม่ใช่เรื่อง เร่งด่วนที่จะแก้ ส.ส. และ ส.ว. ควรไปทุ่มเทกับการควบคุมดูแล ติดตามตรวจสอบกับการทำงานของรัฐบาลมากกว่า โดยเฉพาะโครงการเงินกู้ต่างๆ 8 แสนล้านบาท ที่จะสามารถลงไปถึงคนจนได้จริงหรือไม่ การมุ่งแต่แก้ไขรัฐธรรมนูยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ที่สำคัญ เมื่อมีประเด็นการขยายอายุส.ว.สรรหา จาก 3 ปี เป็น 6 ปี จุดนี้ชัดเจนว่า ถ้าสนับสนุนจะเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
แม้ผมจะเห็นด้วยว่า บางมาตราควรแก้ เพื่อความเป็นธรรม เช่น มาตรา 237 ที่ให้เอาผิดเฉพาะบุคคลที่ทำผิด แต่เมื่อมีเรื่องขยายวาระส.ว.สรรหา มันเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน และเห็นว่า รัฐธรรมนูญเป็นวินัยทางโลกของการเมือง การปกครอง เมื่อทุกคนรู้ตั้งแต่แรกก็ต้องทำตาม ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็จะมาแก้ เพราะถ้าไม่ชอบกฎเกณฑ์นี้ก็ไม่ควรมาลงตั้งแต่แรก จึงได้ตัดสินใจถอนชื่อการสนับสนุนร่าง และคิดว่า ควรให้บ้านเมืองเป็นปกติก่อนแล้วค่อยแก้ ถ้าแก้ช่วงนี้ เสื้อสีต่างๆก็จะออกมาอีก เป็นวังวน และถ้ามีเหตุรุนแรง ก็กลัวว่า สีเขียวจะออกมา ประเทศก็จะยิ่งพัง
ด้านนายประเสริฐ กล่าวเช่นกันว่า ที่ลงชื่อตอนแรก เพราะยังไม่ได้เห็นร่างละเอียดทั้งหมด ทราบแต่ว่า ประเด็นที่เสนอแก้ พ้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ซึ่งเมื่อตนเป็นกรรมการสมานฉันท์ฯ แม้ไม่เห็นด้วยทั้งหมดกับข้อเสนอ แต่ก็ต้องเคารพมติ จึงลงชื่อ อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบร่างโดยละเอียดพบว่า มีอะไรแฝงอยู่ นั่นคือ การขยายอายุส.ว.สรรหา ให้อยู่ครบ 6 ปี และการเปิดให้ส.ว. เมื่อหมดวาระแล้ว สามารถไปลงส.ส.หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินไปกว่าที่คณะกรรมารสมานฉันท์ฯเสนอ จึงตัดสินใจถอนชื่อออก
นายประเสริฐ กล่าวว่าการขยายอายุ ส.ว.สรรหา และเปิดให้ลง ส.ส.และเป็นรัฐมนตรีได้ทันทีหลังหมดวาระ คงทำเพื่อชักชวนให้ ส.ว.ลงชื่อ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของตนการแก้ไขใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ ควรทำประชามติก่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้คุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้วในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยแนวทางปฏิบัติเมื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ทำงานเสร็จ แล้วส่งเรื่องมาให้พรรคร่วมฯ พิจารณาจากนั้นก็จะนัดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณารายงานดังกล่าว ซึ่งในส่วนวิปรัฐบาลได้หารือกันแล้วจะแก้ไขใน 2 ประเด็นคือ ม. 190 เรื่องการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ และเรื่องเขตเบลือกตั้ง ที่ควรจะเปลี่ยนเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน และนายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ร่วมกัน ล่ารายชื่อ เพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใน 7 ประเด็น โดยมี ส.ส.และ ส.ว. ร่วมลงชื่อจำนวนมาก แต่ล่าสุดได้มี ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อประมาณ 80 คน บางส่วนได้ทยอยถอนชื่อแล้ว เช่น นาย ประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา พล.ต.ต. เกริก กัลยาณมิตร นาง กีระณา สุมาวงศ์ นางสุกัญญา สุดบรรทัด ส.ว.สรรหา
พล.ต.ต.เกริก กล่าวว่า ตอนแรกที่ลงชื่อสนับสนุน เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดต้นฉบับทั้งหมด แต่เมื่อเห็นแล้วจึงได้ถอนชื่อ เพราะเห็นว่า เวลานี้ยังไม่ใช่เรื่อง เร่งด่วนที่จะแก้ ส.ส. และ ส.ว. ควรไปทุ่มเทกับการควบคุมดูแล ติดตามตรวจสอบกับการทำงานของรัฐบาลมากกว่า โดยเฉพาะโครงการเงินกู้ต่างๆ 8 แสนล้านบาท ที่จะสามารถลงไปถึงคนจนได้จริงหรือไม่ การมุ่งแต่แก้ไขรัฐธรรมนูยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ที่สำคัญ เมื่อมีประเด็นการขยายอายุส.ว.สรรหา จาก 3 ปี เป็น 6 ปี จุดนี้ชัดเจนว่า ถ้าสนับสนุนจะเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
แม้ผมจะเห็นด้วยว่า บางมาตราควรแก้ เพื่อความเป็นธรรม เช่น มาตรา 237 ที่ให้เอาผิดเฉพาะบุคคลที่ทำผิด แต่เมื่อมีเรื่องขยายวาระส.ว.สรรหา มันเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน และเห็นว่า รัฐธรรมนูญเป็นวินัยทางโลกของการเมือง การปกครอง เมื่อทุกคนรู้ตั้งแต่แรกก็ต้องทำตาม ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็จะมาแก้ เพราะถ้าไม่ชอบกฎเกณฑ์นี้ก็ไม่ควรมาลงตั้งแต่แรก จึงได้ตัดสินใจถอนชื่อการสนับสนุนร่าง และคิดว่า ควรให้บ้านเมืองเป็นปกติก่อนแล้วค่อยแก้ ถ้าแก้ช่วงนี้ เสื้อสีต่างๆก็จะออกมาอีก เป็นวังวน และถ้ามีเหตุรุนแรง ก็กลัวว่า สีเขียวจะออกมา ประเทศก็จะยิ่งพัง
ด้านนายประเสริฐ กล่าวเช่นกันว่า ที่ลงชื่อตอนแรก เพราะยังไม่ได้เห็นร่างละเอียดทั้งหมด ทราบแต่ว่า ประเด็นที่เสนอแก้ พ้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ซึ่งเมื่อตนเป็นกรรมการสมานฉันท์ฯ แม้ไม่เห็นด้วยทั้งหมดกับข้อเสนอ แต่ก็ต้องเคารพมติ จึงลงชื่อ อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบร่างโดยละเอียดพบว่า มีอะไรแฝงอยู่ นั่นคือ การขยายอายุส.ว.สรรหา ให้อยู่ครบ 6 ปี และการเปิดให้ส.ว. เมื่อหมดวาระแล้ว สามารถไปลงส.ส.หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินไปกว่าที่คณะกรรมารสมานฉันท์ฯเสนอ จึงตัดสินใจถอนชื่อออก
นายประเสริฐ กล่าวว่าการขยายอายุ ส.ว.สรรหา และเปิดให้ลง ส.ส.และเป็นรัฐมนตรีได้ทันทีหลังหมดวาระ คงทำเพื่อชักชวนให้ ส.ว.ลงชื่อ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของตนการแก้ไขใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ ควรทำประชามติก่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้คุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้วในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยแนวทางปฏิบัติเมื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ทำงานเสร็จ แล้วส่งเรื่องมาให้พรรคร่วมฯ พิจารณาจากนั้นก็จะนัดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณารายงานดังกล่าว ซึ่งในส่วนวิปรัฐบาลได้หารือกันแล้วจะแก้ไขใน 2 ประเด็นคือ ม. 190 เรื่องการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ และเรื่องเขตเบลือกตั้ง ที่ควรจะเปลี่ยนเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว
