ราชทัณฑ์ยกฎีกาเทียบคดี"แม้ว" หนีคุกไม่ได้อภัยโทษ

ASTVผู้จัดการรายวัน - อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ค้นฎีกาเทียบเคียงกรณี"นช.แม้ว" หนีคดีแล้วให้ผู้อื่นถวายฎีกาแทน สุดท้ายฎีกาตก ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ด้าน"ไอ้ตู่" บังอาจไล่ "อำพล" พ้นองคมนตรี อ้างพูดพาดพิงใส่ร้าย "พ่อแม้ว" ยังจะชุมนุม 5 ก.ย. หากรัฐบาลไม่ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง เย้ย "สุรชัย" ออกไปตั้งกลุ่มแดงสยาม หวังร่ำรวยจากการขายหมวกเขียว ดาวแดง ขณะที่รัฐบาลยังไม่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงล่วงหน้า หากมีการชุมนุมแล้วจะประกาศทันที

วานนี้ (3 ก.ย.) นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ยกตัวอย่างกรณีไม่อภัยโทษให้จำเลยต้องโทษจำคุกแล้วหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาว่า เรื่องฎีกาของกลุ่มเสื้อแดง อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม โดยกรณีตัวอย่างที่องคมนตรีหยิบยกขึ้นมา จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องรวบรวมนำเสนอให้รมว.ยุติธรรม นำไปประกอบการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ ยังมอบให้สำนักกฎหมาย และกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบฎีกาที่มีลักษณะใกล้เคียงกับฎีกาของกลุ่มเสื้อแดง เพื่อนำรายละเอียดมาเทียบเคียง ทั้งนี้ ยอมรับว่าคงหาฎีกาที่คล้ายคลึงกับฎีกาของเสื้อแดงได้ยาก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีปรากฏ ทั้งในเรื่องผู้ร้องไม่อยู่ในประเทศไทย และไม่ได้ยื่นถวายฎีกาด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม ฎีกาของเสื้อแดงจะเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้ต้องโทษในคดีอื่นหรือไม่นั้น ต้องดูเป็นขั้นตอน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นการพิจารณาว่า ฎีกาของเสื้อแดงเป็นกรณีที่จะขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่

**ผู้ต้องหาหนีไม่มีการอภัยโทษ

ด้านนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ กรณีตัวผู้ต้องโทษหลบหนีแล้วให้ญาติยื่นฎีกามีเพียง 1 ราย เป็นคดีฉ้อโกง ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี หลบหนีระหว่างอุทธรณ์คดีแล้วไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรมราชทัณฑ์ก็รวบรวมข้อมูลนำขึ้นทูลเกล้าฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องโทษคดีฉ้อโกงที่หลบหนีคดี แล้วให้ญาติยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ คือนายสุรินทร์ แสงขำ อดีตพระเอกดัง ช่อง 4 บางขุนพรหม ที่ต้องโทษคดีฉ้อโกง และความผิดตามพ.ร.บ.การใช้เช็ค ศาลอาญาสั่งลงโทษจำคุก 2 ปี แต่ขอประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ และหลบหนีไปต่างประเทศ ต่อมาญาติใกล้ชิดของผู้ต้องโทษยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่สุดท้ายฎีกาตก ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพราะผู้ต้องโทษหลบหนี

**"ไอ้ตู่"บังอาจไล่องคมนตรี

ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน ฐานะแกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า กรณีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ปาฐกถาหลายประเด็น มีการพูดจาเหมือนการใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายอำพลไม่ควรเป็นองคมนตรีอีกต่อไป เพราะพูดแบบอคติ และใส่ร้ายผู้อื่น

"องคมนตรีบางคนก็ชอบพูดว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง วันนี้นายอำพล ควรไปดูว่า ทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ถึงสามารถครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงได้ เพราะที่หลวงยังไงก็เป็นที่หลวงอยู่วันยังค่ำ ป่าสงวนก็เป็นป่าสงวนอยู่ดี ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่อยากรวยนั้น อยากถามว่าทำไม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จึงเป็นที่ปรึกษา บริษัทซีพี ธนาคารกรุงเทพ และบริษัทไทยเบฟฯได้ และตรงนี้มีการเสียภาษีด้วยหรือไม่" นายจตุพรกล่าว

นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังโยงมาถึงคดีกล้ายาง ที่มีข่าวหลุดออกมาว่า 8 ต่อ 1 ด้วย องคมนตรี สำเหนียกเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เรื่องการยื่นถวายฎีกานั้น ไม่เกี่ยวกับองคมนตรี เพราะคนเสื้อแดง ข้ามหัวองคมนตรีบางคนไปตั้งนานแล้ว ยิ่งองคมนตรี มาเล่นการเมือง ยิ่งมีแต่จะสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระราชดำรัส ขณะเสด็จพระราชดำเนินเปิดทำเนียบองคมนตรี มีใจความว่า "องคมนตรี เป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ จึงมีหน้าที่ให้คำปรึกษาในทุกด้านทุกอย่าง แต่ถ้าองคมนตรีแนะนำคนอื่น เป็นการแนะนำส่วนตัว ไม่ใช่ในฐานะองคมนตรี"

อย่างไรก็ตาม นายอำพล ต้องระมัดระวังคำพูด วันนี้ สิ่งที่นายอำพลทำควรเป็นหน้าที่ของพรรคที่เป็นคู่แข่งกัน ถ้าพูดแรงๆ ก็คือนายอำพล มีอะไรแตกต่างจากนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บ้าง วันนี้นายอำพล ก็ยอมรับว่าเป็นอำมาตย์ และการยื่นถวายฎีกาของคนเสื้อแดง นายอำพล ก็ออกมาให้ความเห็นแย้ง ทำไมไม่รอพระบรมราชวินิจฉัย

**อ้างหลัง 19 ก.ย."ป๋า"ไม่เคยเข้าเฝ้าฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่านายอำพล มีความใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน ดังนั้นการออกมาพูดเรื่องนี้เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเรื่องการถวายฎีกาด้วยหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า องคมนตรีที่มาคลุกคลีกับการเมือง รวมทั้งทำเนียบองคมนตรี ที่แตกแยกเป็นหลายฝ่ายนั้น ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ ถ้าหากบอกว่าได้รับสั่งมา ก็ขอให้พูดมา และตนรู้มาว่า หลัง19 ก.ย. เป็นต้นมา พล.อ.เปรม ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์เลย ในวันเกิดทำความดีอย่างเดียวคือ เปลี่ยนชื่อบ้านไร้กังวล เป็นบ้านแม่ทัพ เพราะเป็นการล้อตำหนักไกลกังวล

**ยันนาทีนี้ยังชุมนุม 5 ก.ย.

นายจตุพร ยังกล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 5 ก.ย. ด้วยว่า ขณะนี้ มติของที่ประชุมยังคงให้มีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 5 ก.ย. โดยในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 13.00 น.จะแถลงข่าวเรื่องความพร้อม เมื่อรัฐบาลพยายามจะเล่นเกมชิงไหวชิงพริบ เราก็จะรอดูอาการของรัฐบาลก่อน ส่วนคนที่จะมาร่วมชุมนุมด้วยนั้น ยืนยันว่า มีวิธีการติดต่อแบบฉับพลันได้แน่นอน

หากรัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในวันที่ 4 ก.ย. จะทำอย่างไร นายจตุพรกล่าวว่า ถ้าประกาศวันที่ 4 ก.ย. เราก็จะเลื่อนไปอีก ยกเว้นว่ารัฐบาลประกาศวันที่ 5 ก.ย. ก็ต้องดูอีกที จะทำอย่างไร เพราะว่าเรามากันแล้ว

**ไม่จำเป็นต้องคุยกับ"อีเพ็ญ"

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ระบุว่า ต้องการคุยเพื่อทำความเข้าใจกับ 3 เกลอ เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ตนไม่รู้ว่าเป้าหมายเดียวกันของนายจักรภพ คืออะไร แต่การวิพากษ์วิจารณ์ผ่านบทความ 8 ครั้งนั้น มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหรือ ง่ายไปหรือเปล่า ไม่ใช่ใส่ร้ายเสร็จก็เคลียร์กันทีเดียว ตราบใดที่คุณก็ยังไม่หยุด แล้วจะมาคุยอะไร ตนเล่นลิเกเหมือนใครเขาไม่ได้ ตนไม่ใช่นักแสดง การต่อสู้นั้น ถ้าประชาชนไม่เอาด้วยก็กลับบ้าน ก็จบ มาอภิปรายดัดจริตในที่สาธารณะ แล้วจะมาบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามว่าแล้ว 8 ครั้งนั้น คืออะไร บอกว่าการถวายฎีกาเหมือนเล่นละครลิง หลอก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมาตาย ตรงนี้คุณต้องหยุดให้เห็นก่อน ตนเป็นคนที่ไม่ใช่อะไรก็ได้ จริงอยู่วันนี้นายจักรภพ เป็นน้อง แต่ตนก็เป็นคนเหมือนกัน วันหนึ่งตบหัว พรุ่งนี้จะมาบอกไม่มีอะไรมาดีกัน ซึ่งเท่าที่คุยกับนายวีระ และนายณัฐวุฒิ นั้นต่างเห็นว่า ขณะนี้ไม่มีความจำเป็น

**เย้ยสุรชัยแยกตัวไปขายหมวก

สำหรับกรณีที่ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ระบุว่า ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มานำคนเสื้อแดงเองนั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายสุรชัย เคยพูดว่า เอาพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นแกนนำโค่นล้มอำมาตย์ เสร็จแล้วก็โค่น พ.ต.ท.ทักษิณ อีกที ยังจำได้หรือไม่ นายสุรชัย ต้องทบทวนตัวเองก่อน และไม่มีใครจะไปหลอกใคร พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ใหญ่พอ รู้ว่าอะไรควร หรือไม่ควร วันนี้ขอให้นายสุรชัยหาความสำราญ กับการขายหมวกต่อไปเถอะ ขอให้ตั้งกลุ่มแดงสยามให้เสร็จก่อน

ส่วนกรณีที่ระบุว่า กลุ่ม 3 เกลอนั้นไม่เคยฟังใคร ตรงนั้นเป็นส่วนเฉพาะรายการความจริงวันนี้ แต่ในส่วนของกลุ่ม นปช. มีการสัมมนาพูดคุยกัน เพียงแต่นายสุรชัยไม่อยู่ด้วย จึงไม่รู้ว่าเราคิดอะไรกัน ส่วนที่ท้าให้ฟ้อง ก็จะสนองให้ ไม่มีปัญหา

**"เทือก"ประเมินสถานการณ์วันนี้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีการเรียกประชุมครม. เพื่อเตรียมความพร้อมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ได้ติดตามประเมินสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ วันนี้ (4 ก.ย.) จะประเมินสถานการณ์สุดท้าย และจะเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบ หากเห็นว่ามีความจำเป็นก็จะขอให้นายกฯ นัดประชุมครม.นัดพิเศษ ส่วนจะเรียกประชุมเมื่อไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทั้งนี้ยืนยันว่า การจะดำเนินการอะไร ก็เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง

เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่า สถานการณ์การชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อตามที่แกนนำเสื้อแดงระบุว่าจะยุติในคืนวันที่ 5 ก.ย. นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ตอบว่าเชื่อหรือไม่เชื่อดีกว่า เดี๋ยวจะคิดมาก แต่ตนจะประเมินว่า เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร

"ไม่เป็นไร เขาจะเล่น ไม่เล่น ก็เรื่องของเขา เราบังคับไม่ได้ แต่เราต้องทำตามหน้าที่รับผิดชอบ เราต้องทำจริง เราไม่เล่น เราประเมินสถานการณ์ให้ดีและดำเนินการ" นายสุเทพกล่าว

**รอเสื้อแดงชุมนุมค่อยใช้กม.มั่นคงก็ได้

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 5 ก.ย. แล้ว โดยวันนี้ ( 4 ก.ย.) ไม่มีการประชุมครม. เพื่อเตรียมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงแต่อย่างใด

ทั้งนี้เนื่องจากที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ได้อนุมัติในหลักการให้ นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตาม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุม ครม. 2548 โดยสามารถเรียกประชุม ครม.ฉุกเฉินได้ทันที ซึ่งตาม พ.ร.ฎ. มาตรา 8 วรรคสอง ในกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับ นายกฯ อาจพิจารณาเรื่องใดกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่นายกฯ เห็นสมควร เพื่อมีมติของ ครม.ในเรื่องนั้นได้ และเมื่อมีการประชุมเป็นกรณีปกติ ให้นายกฯ แจ้งให้ที่ประชุม ครม. ทราบมติของ ครม.ต่อไป จึงไม่จำเป็นต้องเรียกประชุม ครม.ให้ครบทั้งคณะก็ได้

" การประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร สามารถประกาศได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องประกาศเขตพื้นที่ควบคุม ก่อนการชุมนุม แต่สามารถออกประกาศใดๆ หลังมีการชุมนุมก็ได้"

นายปณิธาน ยืนยันว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในช่วงเวลาใด ไม่ได้เป็นอุปสรรคว่า จะรับมือไม่ทันกลุ่มคนเสื้อแดง ความจริงน่าจะมีความพร้อมมากกว่ากลุ่มคนเสื้อแดงด้วยซ้ำ เนื่องจากได้เซ็ตโครงสร้างการทำงานตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงไว้เรียบร้อยแล้ว และกองกำลังที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นกองกำลังที่อยู่ในเขตกทม. ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจ ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และเทศกิจ สามารถระดมพลได้ทันท่วงทีอยู่แล้ว

**เสื้อแดงแตกคอสุดท้ายสลายไปเอง

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงยังประกาศจะชุมนุมในวันที่ 5 ก.ย. ว่า ก็ถือสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การเคลื่อนไหวที่ว่านี้ต้องการทำเพื่อคนๆ เดียว

ส่วนการแตกคอกันเองระหว่างแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์และนายจักรภพ เพ็ญแข กับพกลุ่ม 3 เกลอนั้น ท้ายที่สุดแล้วเชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดง ก็คงจะหดหายและสลายไปเอง.