xs
xsm
sm
md
lg

"ประวิตร-ป๊อก"รอฎีกาแดง จับตามือที่3สร้างเงื่อนไขปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- จับตาฎีกาแดง สร้างเงื่อนไขปฏิวัติ งามหน้าทหารพระราชา-ผู้นำเหล่าทัพทำพิลึกไม่ลงชื่อคัดค้านการถวายฎีการ่วมกับ 29 บิ๊กข้าราชการ ทั้งๆ ที่มีหน้าที่พิทักษ์ราชบัลลังก์ ด้าน"ประวิตร-วิเชียร" ถกนายกฯ รับมือกลุ่ม"เสื้อแดง-น้ำเงิน" เผชิญหน้าท้องสนามหลวง "มาร์ค" ย้ำไม่ประมาท กำชับระวังมือที่สามป่วน รักษาการผบ.ตร.ชี้ฎีกาแดงกระทบสถาบันฯ เตรียมจัดที่ให้ยื่นฎีกาที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี "เนวิน" ปัดพบบิ๊กทหารปฏิวัติเงียบที่สิงคโปร์ ด้านแก๊งแดงถ่อย เปลี่ยนแผนไม่ใช้คนนอกนำยื่นถวายฎีกา อ้างควรเป็นเรื่องของประชาชนมากกว่าคนนอก เผย "แม้ว"โฟนอินเวทีชุมนุม 10 โมงเช้า

หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงแรกเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นช่วงของการออกอากาศสดทาง NBT เพราะหลังจากนั้นในช่วงที่ 2 เป็นการนำเทปบันทึกภาพมาออกอากาศ จนถึงเวลา 10.00 น. ปรากฏว่า ในช่วงนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าพบนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า คาดว่ามีการหารือถึงแผนการควบคุมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันนี้ ซึ่งจะมีกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินจำนวนหนึ่ง เดินทางมาให้กำลังใจ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่จะขึ้นศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตโครงการกล้ายาง 90 ล้านต้นด้วย
นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังการหารือว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร และพล.ต.อ.วิเชียร แล้วถึงการดูแลสถานการณ์ คิดว่าน่าจะบริหารจัดการกันได้ และมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อจัดให้ทุกอย่างมีระเบียบเรียบร้อย จุดสำคัญคือต้องไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน กับกลุ่มอื่นๆที่เข้ามาเคลื่อนไหวในบริเวณใกล้เคียงกัน อีกทั้งได้กำชับเป็นพิเศษให้ระวังมือที่สาม ที่จะมาก่อเหตุ ทำให้เหตุการณ์บานปลายออกไป แต่ก็ได้รับการยืนยันจากคนทำงานทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร ว่า มีความพร้อมที่จะดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างยังมีค้างอยู่ และเราต้องใช้เวลา ใช้บทเรียนต่างๆ ซึ่งตนได้ย้ำตลอดเวลาว่า ที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย เวลาที่เกิดความไม่สงบขึ้น ฉะนั้นคงอย่าให้เกิดขึ้นอีก หากเกิดขึ้นคนที่เดือดร้อนคือคนทั้งประเทศ และกลุ่มนั้นๆ เองจะถูกสังคมมองว่าเป็นตัวปัญหาในบ้านเมือง แต่ถ้าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ อยู่ในความสงบ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนที่นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่า อีก 3 เดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือน พ.ศ.2475 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดจาอะไรในลักษณะยั่วยุ ความจริงอยากจะบอกว่า หลายคนก็มีเรื่องในอดีต ซึ่งเป็นคดีที่ค้างอยู่ ตำรวจ ศาล เขาก็ต้องพิจารณาตรงนี้อยู่แล้ว อยากให้นักการเมืองระมัดระวัง บางทีตนเข้าใจ อาจต้องการที่จะทำให้เกิดความฮึกเหิม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ได้เป็นผลดี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงขั้นตอนต่างๆ หลังจากมีการยื่นฎีกาแล้วว่า ทางสำนักราชเลขาธิการ จะส่งเรื่องมาขอความเห็นจากรัฐบาล รัฐบาลก็จะส่งความเห็นไปให้ ซึ่งจะมีประเด็นทั้งข้อกฎหมาย ซึ่งในเบื้องต้นนี้ บอกได้ว่ากรณีนี้ไม่ใช่การขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนเป็นการฎีกา ความเดือดร้อนทั่วไป หรือเป็นเรื่องการเมือง รัฐบาลจะให้ความเห็นไป และที่บอกว่าจะมีการเสนอรายชื่ออะไร ที่บอกว่ามีกี่คน ก็แล้วแต่ อาจต้องมีการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยว่า ถูกต้องหรือไม่
เมื่อถามว่า ความเห็นที่รัฐบาลจะส่งให้ทางสำนักราชเลขาธิการ จะเป็นเรื่องการนำขึ้นทูลเกล้าฯได้หรือไม่ ใช่ไหม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องของทางสำนักราชเลขาธิการ ที่จะใช้ข้อมูลของรัฐบาลไปประกอบ

**"มาร์ค"มั่นใจคุมสถานการณ์ได้
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่า ช่วงนี้อาจจะเกิดเหตุอะไร เพราะมีการออกมาพูดถึงเรื่องปฏิวัติเงียบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่มาจากคนที่เคลื่อนไหวในลักษณะที่ต้องการให้คนมองว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องให้ข่าวในทำนองนั้น แต่ตนยังมองไม่เห็นว่า ถ้าเกิดสิ่งเหล่านั้นแล้วบ้านเมืองจะเดินอย่างไร มีแต่จะเกิดความวุ่นวาย ความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราไม่ประมาท แต่เรามั่นใจว่าระบบการทำงานและสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการเห็นคือ ความสงบเรียบร้อยและให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า
เมื่อถามว่า สนใจในข่าวที่ระบุว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บินด่วนไปสิงคโปร์ พบกับ ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ค่อยได้ไปติดตามละเอียด ใครจะไปไหน แต่รัฐมนตรี หากไปปฏิบัติภารกิจอะไร ท่านก็ลาตนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการจับมือกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างที่มีข่าวออกมา คิดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลง หากเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ ในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีปัญหาอะไรเลย เราเป็นประเทศประชาธิปไตย เราต้องยอมรับได้อยู่แล้ว แต่ในชั้นนี้ ตนยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองมองว่า มันมีความจำเป็นที่จะต้องให้ประเทศมีเสถียรภาพ และงานต่างๆ ต้องการที่จะผลักดัน ขณะที่หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาอีก
"อยู่ที่คนไทยด้วยกันเอง อยากจะเห็นเศรษฐกิจฟื้นเร็ว อยากเห็นประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งหลาย ก็ต้องช่วยกันทำให้ทุกอย่างนิ่ง อะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือคิดว่าไม่เป็นธรรม ก็สามารถบอกได้ บอกแล้วผมรับฟังตลอด"
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจว่าฝ่ายความมั่นคงจะควบ คุมสถานการณ์ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำให้ได้ เพราะเป็นความรับผิดชอบ

**เนวินปัดพบบิ๊กทหารปฏิวัติเงียบ

ภายหลังเปิดศูนย์ประสานงานพรรค ภท.ที่จ.นนทบุรี นายเนวิน ชิดชอบ ปฏิเสธว่า ไม่ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อพบปะกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และวางแผนปฏิวัติเงียบตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และหากจะเดินทางออกนอกประเทศ จะต้องขออนุญาตศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เหมือนผู้ต้องหาคดีกล้ายาง และหวยบนดิน คนอื่น ๆ
ด้านพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คงไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือเกิดการปฏิวัติ เพราะเชื่อว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะทำอะไรต้องคิดหนักเหมือนกัน ไม่ใช่เหมือนในอดีต เพราะต่อไปทำอะไรก็จะถูกต่อต้าน จึงเชื่อว่าการปฏิวัติไม่น่าจะเกิดขึ้น
นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนคัดค้านการถวายฎีกาได้แล้วเกือบ 10 ล้านรายชื่อ

** รับฎีกาที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในวันนี้ (17 ส.ค.) ว่า มั่นใจว่าจะสามารถดูแลให้เกิดความเรียบร้อยได้ ทั้งนี้ ตำรวจไม่เห็นด้วยกับการถวายฎีกา โดยเฉพาะการมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมาก เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลการชุมนุมได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีตัวแทนจากสำนักราชเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้รับมอบการยื่นถวายฎีกาดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดความเรียบร้อย เช่น การตรวจสอบเรื่องเอกสารว่าถูกต้องหรือไม่ การจัดเตรียมโต๊ะ ภาชนะที่ใส่บรรจุ รวมถึงพาหนะสำหรับการขนย้ายเอกสารทั้งหมดด้วย
สำหรับขั้นตอนนั้น คาดว่าจะมีการส่งมอบกันที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี เนื่องจากทางสำนักพระราชวัง ได้ห้ามเข้าเขตพระราชวัง และหากแกนนำกลุ่มเสื้อแดงต้องการให้ปรากฏเป็นข่าว ก็อาจจะยืนที่บริเวณดังกล่าว เพื่อให้สื่อมวลชนถ่ายรูป

**ชี้"ฎีกาแดง"กระทบถึงสถาบันฯ
ส่วนกรณีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง บอกว่าจะให้ผู้ชุมนุมจำนวนประมาณ 1,000 คน ขนรายชื่อเข้าไปภายในสำนักพระราชวังนั้น เกรงว่าจะทำให้เกิดความไม่สะดวก ประกอบกับช่วงเวลานั้นจะต้องมีการเปิดเส้นทางการจราจรบริเวณถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน และบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อย ระหว่างนี้ก็หารือกันอยู่ระหว่างแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่า ควรให้มีการยื่นที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี ซึ่งจะไม่เหมาะสม ถ้าเข้าไปข้างในพระราชวัง เพราะพื้นที่ภายในมีจำกัด โดยสื่อมวลชน ก็ไม่สามารถเข้าไปทำข่าวได้ด้วย เพราะปกติทางสำนักพระราชวัง ไม่อนุญาต รวมทั้งการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม เพราะฉะนั้น เมื่อทางสำนักพระราชวังได้กรุณาจัดให้มีผู้รับมอบการถวายฎีกา ที่หน้าประตูวิเศษไชยศรีแล้วก็น่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว โดยทางตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปภายในพระราชวัง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการชุมนุมครั้งนี้กระทบไปถึงสถาบันฯ
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อน้ำเงิน ที่จะมาให้กำลังใจนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิพากษาคดีทุจริตกล้ายางในวันนี้ (17 ส.ค.) พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ทางตำรวจไม่รู้สึกกังวล เพราะไม่พบว่ามีการเพิ่มความเข้มข้นในการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด และทางกลุ่มผู้ชุมนุมค่อนข้างเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประสานงานไป
"กลุ่มที่จะมาให้กำลังใจนายเนวิน ก็ให้อยู่เฉพาะทางฝั่งศาลฎีกา อย่าข้ามไปยังถนนราชดำเนินใน ที่กั้นระหว่างสนามหลวงและศาลฏีกา ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ให้อยู่เฉพาะฝั่งสนามหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะวางกำลังอยู่ตรงนั้น" พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว และว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย ทางตำรวจก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวด้วยว่า ได้ประสานความร่วมมือกับ กองทัพภาคที่ 1 โดยจะมีการเตรียมกำลัง 4-5 กองร้อย และพร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทางตำรวจร้องขอ ซึ่งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้จำนวน 10 กองร้อย จากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 ตชด.และตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมในวันนี้

**จับตาทหารวางเฉยผิดสังเกตุ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวว่า สังคมต้องจับตาการยื่อถวายฎีกาในวันนี้ เพราะอาจจะถูกขยายผลไปเป็นเงื่อนไขของการพลิกผันทางการเมือง เพราะเป็นไปได้ที่กองกำลังไม่ทราบฝ่าย อาจฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง
โดยเฉพาะท่าทีที่นิ่งเฉยของผู้นำเหล่าทัพ อาจจะกลายเป็นตัวแปรของสถานการณ์ได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องผิดสังเกตุมาก ที่ผู้นำเหล่าทัพส่งสัญญาณนิ่งเฉย ไม่มีความเห็น ทั้งที่การเข้าชื่อคัดค้านการถวายฎีกาของข้าราชการประจำระดับปลัดกระทรวง และเทียบเท่าจำนวน 29 คนนั้น มี 3 หน่วยงาน ที่เคยวางตัวเป็นกลาง แต่ครั้งนี้กลับตัดสินใจร่วมลงชื่อคัดค้าน คือ คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอดุล กอวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ทั้ง 3 องค์กร รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและความมั่นคงของประเทศโดยตรง ได้ออกมาแสดงท่าทีที่สวนทางกับท่าทีของ ผบ.ทบ. และผู้นำเหล่าทัพ ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ มีความเป็นไปได้ว่าฝ่ายความมั่นคงของประเทศขาดเอกภาพ และแบ่งขั้วแบ่งข้างจนไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและหน้าที่ของกองทัพในการพิทักษ์สถาบันพระมหหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ
ที่สำคัญข้าราชการระดับปลัดกระทรวงใน 29 คน ที่ลงนามครั้งนี้ ก็ไม่มีชื่อปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ร่วมลงนามด้วย นี่เป็นสัญญาณบอกเหตุว่า สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเข้าสู่วิกฤตการณ์ที่ซับซ้อนกว่าเหตุการณ์ก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 เป็นสิงหาอันตรายที่ประชาชนและสื่อมวลชนต้องจับตา

**ระวัง"ปฏิวัติเงียบ"
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายอาจจะอ้างเรื่องความมั่นคงเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ หรือบีบให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง แต่ลึกๆ แล้ว ก็เพื่อความอยู่รอดของตัวเองเท่านั้น
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้นั้น หากมีจริงก็ต้องคาดโทษไปที่แกนนำ นปช. คนเหล่านี้มีคดีความร้ายแรงติดตัวอยู่ทั้งนั้น หากยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนด้วยกัน เจ้าหน้าที่ก็ต้องถอนการประกันตัว
สำหรับการเตรียมประกาศหยุดเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. หลังยื่นถวายฎีกานั้น เป็นเพียงการลับลวงพราง หวังลวงโลกเท่านั้น เพราะนี่เป็นยุทธวิธีนับหนึ่งในการกดดันในหลวงโดยตรง เพื่อให้มีพระราชวินิจฉัยต่อฎีกาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งแกนนำนปช. รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่จะได้พระราชทานอภัยโทษ แต่ต้องการใช้เป็นข้ออ้างปลุกระดมมวลชนเสื้อแดง ว่าในหลวงหรือสถาบันฯ ไม่โปรดปราน พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นก็จะขยายผลทำสงครามกับอำมาตย์รอบใหม่ ซึ่งน่าเป็นห่วงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าฝ่ายปัญญาชนนักวิชาการเสื้อแดงจะไม่มีบทบาทในเกมล่าชื่อถวายฎีกา เพราะถูกวางตัวให้เล่นบทวิพากษ์ และโจมตีสถาบันฯซึ่งเป็นขั้นตอนหลังจากนี้

**"บิ๊กจิ๋ว"เตือนสติ ขัดแย้งมีแต่เสียหาย
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีความพยายามจากกลุ่มเสื้อแดง ที่จะให้ตนเข้าร่วมยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็ได้ให้ข้อคิดเห็นไป และเชื่อว่าน่าจะมีการแก้ไขเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ส่วนตัวไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การยื่นถวายฎีกา และไม่ต่อว่ากลุ่มคนที่ต่อต้าน เนื่องจากทุกคนห่วงใยสถาบันอันเป็นที่เคารพ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงน่าจะคิดถึงตรงนี้ด้วย
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายนำบทเรียนการแตกความสามัคคีของคนในชาติในอดีตมาเตือนสติว่าผลของความขัดแย้งมีแต่ความเสียหาย ไม่มีใครชนะ แพ้ทั้งคู่ ประเทศชาติและประชาชนที่แพ้และเดือดร้อน

**จี้ถอดประกันแกนนำเสื้อแดง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการให้ประกันตัว 27 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อเหตุจลาจล ด้วยเงื่อนไขว่า จะไม่มีการปลุกปั่น ยั่วยุ หรือหลบหนีจากราชอาณาจักร แต่ปรากฎว่า 4 เดือนที่ผ่านมา 27 คน ที่ถูกออกหมายจับ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายอดิศร เพียงเกษ นพ.เหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแข ที่หลบหนีออกนอกประเทศ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายชินวัตร หาบุญพาด แต่ยังมีการเคลื่อนไหวในการปลุกปั่นประชาชน ให้มาร่วมลงชื่อถวายฎีกา จึงตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมตำรวจไม่ดำเนินการ หรือรอให้กลุ่มคนเหล่านี้มาเผาบ้านเผาเมืองก่อนจะป้องกัน และขอเรียกร้องให้ตำรวจเร่งดำเนินการ โดยการถอนการประกันตัว ก่อนที่กลุ่มคนเหล่านี้จะทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าถึงกรณีมีกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติเกิดขึ้นในช่วงนี้ ว่า เป็นการต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นทางการเมือง และต้องการทำลายเครดิตของรัฐบาลจากผู้ไม่หวังดี และจะนำความเสียหายมาให้กับประเทศชาติ ขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในต่างประเทศได้ เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ ตนยืนยันได้ว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติเงียบ หรือการใช้กำลังก็ตาม เพราะบทเรียนที่ผ่านมาจะเห็นว่าการปฏิวัติโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) 19 ก.ย. ได้เป็นบทเรียนคุ้มค่าสำหรับการเมืองไทยว่า หนทางของการปฏิวัติ ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรของประเทศชาติได้ และทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ จะมีเหตุผลเกิดจากการบริหารงานของรัฐบาล ที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่ในรัฐบาลนี้ บริหารประเทศมาเป็นเวลา 6 เดือน ย่อมพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่คนที่จะคิดปฏิวัติมากล่าวอ้างได้

**จับตาเสื้อแดงเปิดเกมใหม่หลังฎีกา
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา คาดว่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมประมาณ 30,000 คน และจะมีการโฟนอินขอบคุณของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากดูไบ มีตัวแทนยื่นฎีกาต่อ สำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ซึ่งทางสำนักราชเลขาธิการฯ อาจะส่งเจ้าหน้าที่มารับเรื่อง ตนคาดว่าเสร็จแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงน่าแยกย้ายกันกลับบ้าน คิดว่าคงไม่มีเหตุรุนแรงอะไร แกนนำเสื้อแดงถูกสังคมกดดันให้เป็นเด็กดี ทำได้มากสุดเพียงเท่านี้ จากนั้นจะพักรบชั่วคราว เพราะเสียงคัดค้านฎีกาเกิดขึ้นทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจากนี้ไป กลุ่มเสื้อแดง อาจจะหยุดพักชั่วคราว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดไปเลย แต่จะเปิดเกมรุกใหม่ในเรื่องอื่นๆ
นายประสาร กล่าวอีกว่า เมื่อสำนักราชเลขาธิการฯ รับไว้แล้ว ก็คงส่งเรื่องไปยัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ก็ต้องส่งเรื่องไปให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าหลังจากกลุ่มคนเสื้อแดง ยื่นฎีกาเสร็จจะมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง นายประสาร กล่าวว่าเท่าที่วิเคราะห์ดู ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพราะไม่มีเหตุผลใดก่อให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ เพราะในวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะเป็นวันตัดสิน นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ในคดีกล้ายางพารา นายประสาร กล่าวว่า ไม่น่าจะมีการประทะกัน เพราะเชื่อว่าต่างฝ่ายต่างระวังกันอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง เกรงว่าจะมีมือที่สามจะเข้ามาป่วน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

***อธิการนิด้า เชื่อ 17 ส.ค. ทางลงเสื้อแดง

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) กล่าวว่า วันที่ 17 ส.ค.นี้ที่กลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุม จะเป็นทางลงของกลุ่มเสื้อแดง เนื่องจากการประทำที่ผ่านมา เป็นการขัดต่อความรู้สึกของคนจำนวนมากที่เคารพ ในสถาบันพระมหากษัตริย์ จะทำให้เสื้อแดงขาดแนวร่วม โดยเฉพาะคนชั้นกลางในสังคมที่เคยสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ก็จะถอยห่าง ยิ่งเคลื่อนไหวในลักษณะกดดันสถาบันเบื้องสูงมากขึ้น พลังของกลุ่มตัวเองก็จะอ่อนแรงลง อย่างไรก็ตามเขาต้องยื่นให้สำเร็จแต่ก็ไม่ได้หวังผลตามที่ถวายฎีกาไป

**เปลี่ยนแผนไม่ใช้คนนอกยื่นฎีกา
นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงการเตรียมการยื่นถวายฎีกาในวันนี้ว่า แกนนำกลุ่มนปช.และประชาชน จะไปรวมกันที่ท้องสนามหลวง ก่อน 06.00 น. เพื่อเตรียมพร้อมในส่วนของขั้นตอนต่างๆจะไม่มีการปราศรัยทางการเมือง และยืนยันว่า ทุกอย่างจะจบก่อนเวลา 14.00 น.ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะโฟนอินเข้ามาในที่ชุมนุมในเวลา 10.00 น. จากนั้นอาจจะมีการโฟนอินเข้ามาอีกครั้ง ภายหลังจากที่ยื่นถวายฎีกาเสร็จสิ้นแล้วเพื่อขอบคุณ
ส่วนบุคคลที่จะเป็นผู้นำในการถวายฎีกานั้น เท่าที่ได้มีการหารือกัน เห็นว่า ควรจะเป็นเรื่องของประชาชนมากกว่าที่จะไปให้บุคคลอื่นมาเป็นผู้นำขบวน ดังนั้นนายวีระ จะเป็นหนึ่งในแกนนำ ส่วนตน และนายณัฐวุฒินั้น กำลังหารือกันอยู่ว่าใครที่จะเป็นผู้เข้าร่วมในขบวนถวายฎีกา เนื่องจากในพื้นที่ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงนั้น จะต้องมีแกนนำคอยดูแลด้วย

**ปูดจ้างหัวละพันป่วนเสื้อแดง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนได้รับข้อมูลว่า มีการจ้างคนมาถึงหัวละพันบาท เพื่อหวังมาป่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดง ดังนั้นตนขอเตือนไปยังหัวหน้าของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน และรัฐบาลว่า หากยังกระทำกับคนเสื้อแดงเช่นนี้อีกเราก็จะไม่เลิกราเหมือนกัน เพราะถึงขั้นมีการจ้างคนมาป่วนกับประชาชนที่มาร้องทุกข์ถวายฎีกาต่อพระเจ้าแผ่นดินนั้น ถือว่าเลวร้ายมาก ดังนั้นเราจะจับตาดูและสืบสวนหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังของคนที่เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้ได้ ซึ่งขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้เตรียมการเอาไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่ไปเคลื่อนไหวที่บริเวณศาลฎีกา ที่จะมีการพิจารณาคดีกล้ายางอย่างแน่นอน แต่ขอฝากไปถึงนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคพวกที่ไปฟังคำตัดสินของศาลว่า ขอให้ไปกันให้ครบทุกคน เพราะตนได้ข่าวมาว่า กำลังมีการเตรียมการที่จะให้บางบุคคลไม่ไปตามที่ศาลนัด ซึ่งจะทำให้มีการเลื่อนการตัดสินออกไปอีก 1 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น