ASTVผู้จัดการรายวัน -‘สองโพล’ ห่วงเสื้อแดงบ้าอีกรอบ แนะรัฐรอดูท่าที ก่อนประกาศยกเลิกพ.ร.บ.ความมั่นคง “เอแบคโพลล์” ชี้เดือนส.ค. คนไทยมีความสุขเพิ่ม มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเกือบเต็มสิบ เผยสุขสุดๆ หลัง “หางแดง” เลื่อนไปบ้า 5 ก.ย. พร้อมเผยสังคมไทยจะสงบสุขได้ถ้า “ทักษิณ” หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง
วานนี้ (30 ส.ค.52) สำนักสวนดุสิตโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจ ในหัวข้อ “ประชาชนคิดอย่างไร ? กับการเลื่อนชุมนุมของคนเสื้อแดง” จากความคิดเห็นของประชาชนกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,137 คน
ในประเด็นที่กลุ่มเสื้อแดง เลื่อนการชุมนุม พบว่า ร้อยละ 27.59 ยังรู้สึกกังวลเหมือนเดิม เพราะเป็นเพียงการเลื่อนชุมนุมออกไปเท่านั้น ร้อยละ 23.28 รู้สึกโล่งใจ จะได้ไม่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม ร้อยละ 21.55% ไม่อยากเห็นบ้านเมืองต้องวุ่นวายอีก ถ้าจะชุมนุมก็ควรอยู่ในขอบเขต ร้อยละ 14.65% เห็นว่าทางแกนนำเสื้อแดงอาจเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้มาชุมนุม ขณะที่ร้อยละ 12.93% เห็นว่า เป็นเกมการเมือง มีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า
ขณะที่ประชาชนร้อยละ 52.48 มองว่าการเลื่อนชุมนุมครั้งนี้เป็นการแก้เกมการเมืองแน่นอน เพราะเป็นการชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบ การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นตัวแปรสำคัญของการเลื่อนการชุมนุมครั้งนี้ โดยทางกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการปั่นหัวรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 31.40 มองว่าไม่แน่ใจว่าเป็นการแก้เกมการเมือง เพระเป็นการตัดสินใจของแกนนำเสื้อแดงอย่างกะทันหัน อาจเกรงว่าผู้ชุมนุมจะไม่ได้รับความปลอดภัยโดยร้อยละ 16.12% เห็นว่าไม่เป็นการแก้เกมการเมือง เพราะ ทางแกนนำเสื้อแดงอาจยังไม่พร้อมที่จะชุมนุมในครั้งนี้ ,เป็นเพียงการเลื่อนชุมนุมออกไปก่อนเท่านั้น
สวนดุสิตโพลล์ ยังพบว่า ร้อยละ 26.79 พบว่า ถ้าประชาชนเป็นรัฐบาล “อภิสิทธิ์” จะรอดูท่าทีของกลุ่มเสื้อแดงไปก่อน และไม่ให้ข่าวที่เป็นการยั่วยุ ขณะที่เห็นว่า จะอนุญาตให้มีการชุมนุมได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ถึงร้อยละ 23.21% ขณะที่ร้อยละ 19.64% จะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อไปอีก ส่วนร้อยละ 17.86% จะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด มีเพียงร้อยละ 12.50% ที่ยังเชื่อว่า จะมีวิธีเจรจากับแกนนำเสื้อแดงอย่างสันติวิธี
อย่างไรก็ทางสวนดุสิต ได้สอบถามถึงประเด็น “ถ้าประชาชน “เป็นแกนนำเสื้อแดง” จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร โดยร้อยละ 30.27 ถ้าประชาชนเป็นแกนนำเสื้อแดง จะชุมนุมอย่างสงบโดยไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปต้องเดือดร้อน ขณะที่ร้อยละ 20.18% จะควบคุมดูแลผู้มาชุมนุมอย่างใกล้ชิด พึงระวังมือที่สามมาป่วน ให้ทำการเจรจากับรัฐบาลอย่างสันติวิธี ร้อยละ 19.27% รวมทั้งให้มีการทบทวนผลดี ผลเสียจากการชุมนุมอย่างรอบคอบ และ เรียกร้องอย่างมีเหตุผล ไม่เอาอารมณ์มาตัดสินใจ ตามลำดับ
ร้อยละ 34.95 อยากฝากถึงรัฐบาลและเสื้อแดง ให้นึกถึงความสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ นอกจากนั้นยังอยากให้หันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันอย่างสันติวิธีจะดีกว่า ไม่ควรใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องตัดสิน อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความจริงใจในการแก้ปัญหา /ไม่เล่นเกมการเมือง และ อยากเห็นความสมานฉันท์เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา
ด้านนายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือศูนย์วิจัยความสุขชุมชนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ เอแบคโพลล์ เปิดเผยผลวิจัยสำรวจเรื่อง ความสุขมวลรวมวันนี้ ของประชาชนภายในประเทศ (GDH Index) ประจำเดือนสิงหาคม 2552 จากตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัดของประเทศ อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี หนองบัวลำภู เป็นต้น จำนวนทั้งสิ้น 1,292 ครัวเรือน ดำเนินการสำรวจในวันที่ 29 สิงหาคม 2552 พบว่า ส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 80 ติดตามข่าวสถานการณ์การเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
ผลวิจัยแนวโน้มค่าความสุขมวลรวมของประชาชนทั้งประเทศเดือนสิงหาคม เปรียบเทียบกับความสุขของประชาชนคนไทยเดือนกรกฎาคม พบว่า ค่าความสุขมวลรวมเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.92 ในเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 7.18ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยประชาชนคนไทยมีความสุขสูงสุดอยู่ที่ 9.20 เมื่อเห็นคนไทยแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ และงานวันเฉลิมพระชนมพรรษามหาราชินี รองลงมาคือความสุขต่อบรรยากาศของคนในครอบครัว อยู่ที่ 8.44 ความสุขต่อวัฒนธรรมประเพณีไทย อยู่ที่ 8.19 การนอนหลับได้สนิทอยู่ที่ 7.75 สุขภาพใจอยู่ที่ 7.73 ความสุขทางกาย อยู่ที่ 7.69 ความสุขต่อหน้าที่การงานอยู่ที่ 7.63 รองๆ ลงไปคือ บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชน การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดี ระบบการศึกษาของประเทศ สภาวะเศรษฐกิจของตนเองและครอบครัว และความเป็นธรรมทางสังคมที่ได้รับ ที่น่าพิจารณาคือ ความสุขของคนไทยต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในการสำรวจครั้งนี้พบว่ามีความสุขเกินกว่าครึ่งคือ 5.15 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10
แต่ความสุขที่ต่ำกว่าครึ่งมีอยู่สองปัจจัยคือ บรรยากาศทางการเมืองของประเทศในปัจจุบันได้ 4.63 และที่ต่ำสุดคือสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เพียง 1.82 คะแนนเท่านั้น ส่วนปัจจัยการเมืองเป็นเรื่องสำคัญและอาจทำให้ความสุขของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นได้เช่นกัน คือ การประกาศเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง (นปช.) เพราะคนไทยร้อยละ 53.1 เห็นด้วย ร้อยละ 36.8 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 10.1 ไม่มีความเห็น นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.4 คิดว่าสังคมไทยจะสงบสุขได้ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 38.6 ไม่คิดเช่นนั้น
สำหรับทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลชุดปัจจุบันในเวลานี้ คือ ร้อยละ 47.4 ระบุว่าทำงานต่อไป ร้อยละ 34.5 ระบุการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 11.0 เปลี่ยนขั้วรัฐบาล โดยไม่ต้องยุบสภา ร้อยละ 6.8 ระบุนายกรัฐมนตรีลาออก และเพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้นที่ระบุให้มีการยึดอำนาจ ปฏิวัติเป็นทางออก
วานนี้ (30 ส.ค.52) สำนักสวนดุสิตโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจ ในหัวข้อ “ประชาชนคิดอย่างไร ? กับการเลื่อนชุมนุมของคนเสื้อแดง” จากความคิดเห็นของประชาชนกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,137 คน
ในประเด็นที่กลุ่มเสื้อแดง เลื่อนการชุมนุม พบว่า ร้อยละ 27.59 ยังรู้สึกกังวลเหมือนเดิม เพราะเป็นเพียงการเลื่อนชุมนุมออกไปเท่านั้น ร้อยละ 23.28 รู้สึกโล่งใจ จะได้ไม่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม ร้อยละ 21.55% ไม่อยากเห็นบ้านเมืองต้องวุ่นวายอีก ถ้าจะชุมนุมก็ควรอยู่ในขอบเขต ร้อยละ 14.65% เห็นว่าทางแกนนำเสื้อแดงอาจเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้มาชุมนุม ขณะที่ร้อยละ 12.93% เห็นว่า เป็นเกมการเมือง มีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า
ขณะที่ประชาชนร้อยละ 52.48 มองว่าการเลื่อนชุมนุมครั้งนี้เป็นการแก้เกมการเมืองแน่นอน เพราะเป็นการชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบ การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นตัวแปรสำคัญของการเลื่อนการชุมนุมครั้งนี้ โดยทางกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการปั่นหัวรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 31.40 มองว่าไม่แน่ใจว่าเป็นการแก้เกมการเมือง เพระเป็นการตัดสินใจของแกนนำเสื้อแดงอย่างกะทันหัน อาจเกรงว่าผู้ชุมนุมจะไม่ได้รับความปลอดภัยโดยร้อยละ 16.12% เห็นว่าไม่เป็นการแก้เกมการเมือง เพราะ ทางแกนนำเสื้อแดงอาจยังไม่พร้อมที่จะชุมนุมในครั้งนี้ ,เป็นเพียงการเลื่อนชุมนุมออกไปก่อนเท่านั้น
สวนดุสิตโพลล์ ยังพบว่า ร้อยละ 26.79 พบว่า ถ้าประชาชนเป็นรัฐบาล “อภิสิทธิ์” จะรอดูท่าทีของกลุ่มเสื้อแดงไปก่อน และไม่ให้ข่าวที่เป็นการยั่วยุ ขณะที่เห็นว่า จะอนุญาตให้มีการชุมนุมได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ถึงร้อยละ 23.21% ขณะที่ร้อยละ 19.64% จะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อไปอีก ส่วนร้อยละ 17.86% จะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด มีเพียงร้อยละ 12.50% ที่ยังเชื่อว่า จะมีวิธีเจรจากับแกนนำเสื้อแดงอย่างสันติวิธี
อย่างไรก็ทางสวนดุสิต ได้สอบถามถึงประเด็น “ถ้าประชาชน “เป็นแกนนำเสื้อแดง” จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร โดยร้อยละ 30.27 ถ้าประชาชนเป็นแกนนำเสื้อแดง จะชุมนุมอย่างสงบโดยไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปต้องเดือดร้อน ขณะที่ร้อยละ 20.18% จะควบคุมดูแลผู้มาชุมนุมอย่างใกล้ชิด พึงระวังมือที่สามมาป่วน ให้ทำการเจรจากับรัฐบาลอย่างสันติวิธี ร้อยละ 19.27% รวมทั้งให้มีการทบทวนผลดี ผลเสียจากการชุมนุมอย่างรอบคอบ และ เรียกร้องอย่างมีเหตุผล ไม่เอาอารมณ์มาตัดสินใจ ตามลำดับ
ร้อยละ 34.95 อยากฝากถึงรัฐบาลและเสื้อแดง ให้นึกถึงความสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ นอกจากนั้นยังอยากให้หันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันอย่างสันติวิธีจะดีกว่า ไม่ควรใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องตัดสิน อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความจริงใจในการแก้ปัญหา /ไม่เล่นเกมการเมือง และ อยากเห็นความสมานฉันท์เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา
ด้านนายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือศูนย์วิจัยความสุขชุมชนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ เอแบคโพลล์ เปิดเผยผลวิจัยสำรวจเรื่อง ความสุขมวลรวมวันนี้ ของประชาชนภายในประเทศ (GDH Index) ประจำเดือนสิงหาคม 2552 จากตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัดของประเทศ อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี หนองบัวลำภู เป็นต้น จำนวนทั้งสิ้น 1,292 ครัวเรือน ดำเนินการสำรวจในวันที่ 29 สิงหาคม 2552 พบว่า ส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 80 ติดตามข่าวสถานการณ์การเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
ผลวิจัยแนวโน้มค่าความสุขมวลรวมของประชาชนทั้งประเทศเดือนสิงหาคม เปรียบเทียบกับความสุขของประชาชนคนไทยเดือนกรกฎาคม พบว่า ค่าความสุขมวลรวมเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.92 ในเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 7.18ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยประชาชนคนไทยมีความสุขสูงสุดอยู่ที่ 9.20 เมื่อเห็นคนไทยแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ และงานวันเฉลิมพระชนมพรรษามหาราชินี รองลงมาคือความสุขต่อบรรยากาศของคนในครอบครัว อยู่ที่ 8.44 ความสุขต่อวัฒนธรรมประเพณีไทย อยู่ที่ 8.19 การนอนหลับได้สนิทอยู่ที่ 7.75 สุขภาพใจอยู่ที่ 7.73 ความสุขทางกาย อยู่ที่ 7.69 ความสุขต่อหน้าที่การงานอยู่ที่ 7.63 รองๆ ลงไปคือ บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชน การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดี ระบบการศึกษาของประเทศ สภาวะเศรษฐกิจของตนเองและครอบครัว และความเป็นธรรมทางสังคมที่ได้รับ ที่น่าพิจารณาคือ ความสุขของคนไทยต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในการสำรวจครั้งนี้พบว่ามีความสุขเกินกว่าครึ่งคือ 5.15 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10
แต่ความสุขที่ต่ำกว่าครึ่งมีอยู่สองปัจจัยคือ บรรยากาศทางการเมืองของประเทศในปัจจุบันได้ 4.63 และที่ต่ำสุดคือสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เพียง 1.82 คะแนนเท่านั้น ส่วนปัจจัยการเมืองเป็นเรื่องสำคัญและอาจทำให้ความสุขของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นได้เช่นกัน คือ การประกาศเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง (นปช.) เพราะคนไทยร้อยละ 53.1 เห็นด้วย ร้อยละ 36.8 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 10.1 ไม่มีความเห็น นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.4 คิดว่าสังคมไทยจะสงบสุขได้ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 38.6 ไม่คิดเช่นนั้น
สำหรับทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลชุดปัจจุบันในเวลานี้ คือ ร้อยละ 47.4 ระบุว่าทำงานต่อไป ร้อยละ 34.5 ระบุการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 11.0 เปลี่ยนขั้วรัฐบาล โดยไม่ต้องยุบสภา ร้อยละ 6.8 ระบุนายกรัฐมนตรีลาออก และเพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้นที่ระบุให้มีการยึดอำนาจ ปฏิวัติเป็นทางออก
