นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงวานนี้ (28 ส.ค.) ว่า ได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส. 1 ใน 10 หรือ 50 คน เพื่อยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยว่ากรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ในวาระที่ 2 เนื่องจากไม่มีรายละเอียดปรับเพิ่มของโครงการต่างๆ ที่เป็นเงินกว่า 22,507,383,100 บาท ซึ่งถือว่าขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 167 โดยจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.นี้ทันทีที่มีการ พิจารณางบประมาณเสร็จ ซึ่งสาเหตุที่ไม่ยื่นในทันทีเนื่องจากเกรงว่ารัฐบาลจะตลบหลังและนำเอกสารระเบียบต่างๆ มาให้ก่อน จึงอยากให้มีความผิดเกิดขึ้นสมบูรณ์แล้วจึงยื่นเรื่อง
เรื่องนี้เคยมีการยุบสภาเกิดขึ้นในรัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา เนื่องจากไม่นำเสนอรายละเอียดดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่นาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าจะมีการยุบสภาเร็วๆ นี้
ส่วนการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมรณรายจ่ายประจำปี 2553 วาระ 2 วันที่ 2 เริ่มเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน โดยมี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ได้ดำเนินการประชุมต่อหลังจาก นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล เสนอปิดอภิปราย ในมาตรา 5 งบประมาณในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี ไว้ก่อนที่จะมีการขอมติจากสภา แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้รีบวิ่งเข้าห้องประชุมเพื่อประท้วงที่รัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากปิดอภิปราย มาตรา 5 หลังจากถกเพียงกันพักหนึ่งนายชินวรณ์ จึงยอมถอนการเสนอปิดอภิปราย เพราะต้องการให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการอภิปรายพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ตำหนินายกรัฐมนตีที่กล่าวหาตนเป็นคนตัดคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตนไม่เชื่อเลยว่าคนเป็นผู้นำจะกลับพูดโดยไม่มีเหตุผลรองรับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า เมื่อเช้า พ.ต.ท.สมชายเข้าพบตนเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน และตนก็ได้ถามว่า คุณสมชาย มาก็ดีแล้ว เรื่องคลิปเสียงของผม ท่านมีอยู่ใช่ไหม ซึ่งที่ใช้คำว่า มีอยู่ เพราะตนเห็นเอาคลิปไปบอกนักข่าว ไม่ได้บอกว่า พ.ต.ท.สมชาย เป็นคนตัดต่อคลิป ดังนั้น กรุณาอย่าบิดเบือนคำพูดของตน
พ.ต.ท.สมชาย ลึกขึ้นแก้เกี่ยวว่า ท่านไม่ได้พูดก็แล้วไป แต่สื่อมวลชนได้ยิน วันนี้ท่านมีอำนาจ แล้วไม่ใช้ น่อมแน้ม ไปหรือเปล่า ถ้าผิดจริง ผมพร้อมถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะผมลูกผู้ชายพอ
อย่างไรก็ตามหลังจากอภิปรายกันอย่างกว้างขวางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เสียงส่วนใหญ่มีมติเห็นด้วย ตามร่างที่กรรมาธิการเสียงข้างมาแก้ไข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปราย มาตรา 7 ของกระทรวงการคลัง 2.1 แสนล้านบาทฝ่ายค้าน ได้อภิปรายตำหนิว่า สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบประมาณของประเทศ เพราะมีการตั้งงบประมาณที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างนี้หลายโครงการ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ประมาณการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจในปี2553 เอาไว้ว่า 2 ส่วน คือ 1.อยู่บนสมมุติฐานว่าถ้ารัฐบาลไม่ได้มีการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็งเชื่อว่า อัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2-2.5 แล ะ2.ถ้ามีการทำโครงการไทยเข้มแข็งมั่นใจว่า จะทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวดีขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 แน่นอนแต่จะดีเท่าไหร่ อยู่ที่ความสามารถในการเบิกจ่าย ซึ่งถ้าทำได้ดีจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ในมาตรา 8 ฝ่ายค้านมีการอภิปรายถึงปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทเขาพระวิหาร โดยตำหนิว่ารัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาในเรื่องนี้ และถือโอกาสโจมตีของการทำงานนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ว่าไม่มีประสิทธิภาพ และ นโยบายกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาล้มเหลว แม้จะมีการนำวัตถุโบราณไปกลับคืนให้กัมพูชาแล้วก็ตาม โดยไม่สามารถข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาได้
เรื่องนี้เคยมีการยุบสภาเกิดขึ้นในรัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา เนื่องจากไม่นำเสนอรายละเอียดดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่นาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าจะมีการยุบสภาเร็วๆ นี้
ส่วนการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมรณรายจ่ายประจำปี 2553 วาระ 2 วันที่ 2 เริ่มเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน โดยมี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ได้ดำเนินการประชุมต่อหลังจาก นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล เสนอปิดอภิปราย ในมาตรา 5 งบประมาณในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี ไว้ก่อนที่จะมีการขอมติจากสภา แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้รีบวิ่งเข้าห้องประชุมเพื่อประท้วงที่รัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากปิดอภิปราย มาตรา 5 หลังจากถกเพียงกันพักหนึ่งนายชินวรณ์ จึงยอมถอนการเสนอปิดอภิปราย เพราะต้องการให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการอภิปรายพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ตำหนินายกรัฐมนตีที่กล่าวหาตนเป็นคนตัดคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตนไม่เชื่อเลยว่าคนเป็นผู้นำจะกลับพูดโดยไม่มีเหตุผลรองรับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า เมื่อเช้า พ.ต.ท.สมชายเข้าพบตนเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน และตนก็ได้ถามว่า คุณสมชาย มาก็ดีแล้ว เรื่องคลิปเสียงของผม ท่านมีอยู่ใช่ไหม ซึ่งที่ใช้คำว่า มีอยู่ เพราะตนเห็นเอาคลิปไปบอกนักข่าว ไม่ได้บอกว่า พ.ต.ท.สมชาย เป็นคนตัดต่อคลิป ดังนั้น กรุณาอย่าบิดเบือนคำพูดของตน
พ.ต.ท.สมชาย ลึกขึ้นแก้เกี่ยวว่า ท่านไม่ได้พูดก็แล้วไป แต่สื่อมวลชนได้ยิน วันนี้ท่านมีอำนาจ แล้วไม่ใช้ น่อมแน้ม ไปหรือเปล่า ถ้าผิดจริง ผมพร้อมถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะผมลูกผู้ชายพอ
อย่างไรก็ตามหลังจากอภิปรายกันอย่างกว้างขวางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เสียงส่วนใหญ่มีมติเห็นด้วย ตามร่างที่กรรมาธิการเสียงข้างมาแก้ไข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปราย มาตรา 7 ของกระทรวงการคลัง 2.1 แสนล้านบาทฝ่ายค้าน ได้อภิปรายตำหนิว่า สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบประมาณของประเทศ เพราะมีการตั้งงบประมาณที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างนี้หลายโครงการ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ประมาณการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจในปี2553 เอาไว้ว่า 2 ส่วน คือ 1.อยู่บนสมมุติฐานว่าถ้ารัฐบาลไม่ได้มีการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็งเชื่อว่า อัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2-2.5 แล ะ2.ถ้ามีการทำโครงการไทยเข้มแข็งมั่นใจว่า จะทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวดีขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 แน่นอนแต่จะดีเท่าไหร่ อยู่ที่ความสามารถในการเบิกจ่าย ซึ่งถ้าทำได้ดีจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ในมาตรา 8 ฝ่ายค้านมีการอภิปรายถึงปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทเขาพระวิหาร โดยตำหนิว่ารัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาในเรื่องนี้ และถือโอกาสโจมตีของการทำงานนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ว่าไม่มีประสิทธิภาพ และ นโยบายกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาล้มเหลว แม้จะมีการนำวัตถุโบราณไปกลับคืนให้กัมพูชาแล้วก็ตาม โดยไม่สามารถข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาได้
