xs
xsm
sm
md
lg

ชวรัตน์อ้างอาการร้อนทำลูกพรรคแจกกล้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าววานนี้ (27 ส.ค.) ถึงกรณีที่ส.ส.ใช้คำไม่เหมาะสมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่26 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการดูแลที่ชัดเจน มีเพียงมาตรการประณามเท่านั้น แต่ได้มอบให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการจริยธรรมส.ส พิจารณา เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ก็จะดำเนินการโดยไม่มีการละเว้นเช่นกัน
ทั้งนี้ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวทำให้สภาเกิดความเสื่อมในด้านจริยธรรมและอยากให้มีข้อบังคับดูแลที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้(27 ส.ค.) เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา เนื่องจากวิปของทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันแล้ว
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่าเคยได้เตือนไปแล้วว่า ส.ส.เป็นอย่างไรประชาชนก็จะเป็นเช่นนั้น ทำให้ประชาชนเสียหายได้ ดังนั้น การใช้วาจาและกิริยาที่ไม่สุภาพก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งการพิจารณาญัติต่างๆ ในสภาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่หารือและพูดกันได้มีสาระ แต่พอมีประเด็นเรื่องการทะเลาะวิวาทก็เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน ทำให้ภาพพจน์ของสภาฯเสียหาย ดังนั้น ส.ส.ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิต้องตระหนักต่อตนเอง ไม่เช่นนั้นจะทำให้คนที่เลือกตัวเองเข้ามาเสียหายไปด้วย
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วที่ผ่านมาเคยมีการเสนอให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ วิธีการและบทลงโทษว่าเราจะร่วมมืออย่างไรที่จะนำประมวลจริยธรรมมาใช้พิจารณาในสภา เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ถูกวิจารณ์เสมอมา และทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เวลามีการอภิปรายในสภาฯจะมีการปะทะคารมกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ ได้ออกมาตราการ ให้ประธานรัฐสภาตักเตือน ส.ส.ก็จะเป็นประโยชน์เพราะนับวันจะยิ่งแรงขึ้น
นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ตนได้ประท้วงประธานฯเรื่องการถ่ายทอดสดการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งตนได้กล่าวคำเปรียบเปรย ที่ไม่ใช่คำหยาบคาย แต่ได้มีการปะทะคารมกันขึ้น และปรากฎว่ามีส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวคำหยาบคาย 2 ครั้ง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชอบธรรมและทำให้สภาผู้แทนราษฎรมีเกียรติมากยิ่งขึ้น ตนจึงทำหนังสือเพื่อยื่นต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการสอบสวนและเอาผิดกับผู้ที่พูดคำหยาบคายดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังว่าส.ส.จะได้รับบทเรียนหรือไม่ นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นไล่ออกจากการเป็นส.ส. แต่ตนอยากรู้ว่าคนที่ด่าตนนั้นคือใคร เชื่อว่า เจ้าตัวเองก็คงรู้ดี รวมทั้งสื่อมวลชนเองก็น่าจะได้ยินชัดเจนกว่าตน เพราะในวันนั้นตนหันหน้าพูดกับประธานอยู่ แต่คนที่พูดคำหยาบคายพูดมาจากด้านหลังตนจึงทำให้ตน ได้ยินเป็นเหมือนเสียงแว่วๆ เท่านั้น
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ( ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ใช้คำหยายคายในสภาฯเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ตนเห็นว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อน ไว้ฤดูหนาวคงจะดีขึ้น ทั้งนี้ ตนจะตักเตือนลูกพรรคให้รักษามารยาทในสภา เพราะสภาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทย โจมตีกลางสภาว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ทรยศต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ตนไม่มีความเห็นเรื่องดังกล่าว
ส่วนที่มีการโยงเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) กับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรบ้าง ตนไม่รู้ว่าใครโยง สื่อโยงเอง หรือเปล่า ยืนยังในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร
นางศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าว นายชวรัตน์ ไม่ได้อยู่ในสภาฯ และไม่ทราบว่าเสียงที่สบถออกไปมาจาก ส.ส.ภูมิใจไทย จริงหรือไม่ หาก ส.ส.เพื่อไทย จะเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการสอบ ส.ส.ภูมิใจไทย เพื่อให้นำตัวมาลงโทษ ก็เป็นเรื่องของกระบวนการรัฐสภา เพราะเป็นความขัดแย้งของ ส.ส.ในสภา ซึ่งสภามีคณะกรรมการจริยธรรม ต้องไปดูรายละเอียดเหตุการณ์ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนกรณีนายการุณ โหสกุล ส.ส.เพื่อไทยที่มีเรื่องกับส.ส. ในสภาเช่นกัน สภาฯก็มีกระบวนการตรวจสอบ
เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยคงต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการของสภาฯ เราก็เพียง ดูท่าที เรื่องนี้ในพรรคไม่ได้มีการพูดคุยกัน โดยหลักการเรื่องนี้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ ของสภา นายศุภมาส กล่าวและว่า ขณะที่ผู้ใหญ่ในพรรคที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ส่วนใหญ่ ไปร่วมงานสวดศพนายวีระ รักความสุข ที่ จ.สกลนคร ซึ่งจะมีการเผาในวันเสาร์ที่ 29 ส.ค.นี้ ส่วนนายชวรัตน์ หัวหน้าพรรคก็มีภารกิจ ที่ จ.สุรินทร์
ที่วัดสามพระยา วันเดียวกัน พระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าคณะภาค 14 และเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กล่าวสัมโมทนียกถาในพิธีเปิดโครงการประชุมรวมพลังพุทธศาสน์ส่งเสริมคุณธรรม ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันบ่งชี้ถึงความ เสื่อมถอยของศีลธรรมและจริยธรรม ซึ่งสาเหตุหลักมาจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ซึ่งมีการเอ่ยถึง ของลับที่พ่อแม่ให้มาแจกกับผู้เข้าร่วมประชุม ถือเป็นการกระทำไม่เหมาะสม เนื่องจากรัฐสภาควรเป็นสถานที่รวมของบัณฑิตที่มากด้วยความรู้ ความสามารถ และเปี่ยมด้วยคุณธรรม แต่ทุกวันนี้รัฐสภาเปลี่ยนไปกลายเป็นสถานที่รวมของหลายๆ สิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการชี้ให้เห็นว่า การมีความรู้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่จำเป็นต้องมีคุณธรรมประกอบด้วย ที่สำคัญการบริหารบ้านเมืองจะต้องมีหลักธรรมอย่างน้อย 2 ข้อ ได้แก่ หิริ ความละอายต่อบาป และ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป
ดังนั้นอยากฝากเด็กและเยาวชนตะหนักว่า เมื่อจะทำอะไร พูดอะไร ขอให้คิดก่อนว่ามันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือส่วนตัว และถ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแล้วไปกระทบต่อคนอื่นเขา มันก็ขัดกับหลักรัฐศาสตร์ที่ว่านักปกครองทั้งหลายจะต้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชน
น.ส.เสาวลักษณ์ ม่วงทอง นักศึกษาชั้น ปวช. 1 โรงเรียนสยามบริหารธุรกิจ กล่าวว่า การที่ ส.ส. แจกของลับในการประชุมรัฐสภาเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของเยาวชน ส่วนการที่จะมีการชุมชนของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 30 ส.ค.นั้น ขอให้ใช้หลักเหตุผล ใช้คำพูดที่สุภาพและต้องไม่ใช้ความรุนแรง ในการต่อสู้ ทางการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น