“ชินวรณ์” เผยผลหารือวิปฝ่ายค้าน ถกอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ คาดใช้เวลาแค่ 2 วันน่าจะจบ ปัดไม่มีปัญหาขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ลั่นไม่มีต่อรอง “ภูมิใจไทย” รับกำชับส.ส.ห้ามลา ห้ามขาด หวั่นฝ่ายค้านเล่นเกม เชื่อ ปธ.สภาฯไม่ยอมให้อาศัยเป็นเวทีซักฟอกรัฐแน่
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 08.30 น. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุเข้าสู่วาระแล้ว เพื่อนำกลับมาหารือในวาระพิเศษ หลังจากนั้นก็ต้องมีการลงมติทั้งฉบับอีกครั้ง ซึ่งวันนี้มี ส.ส.ที่ขอสงวนคำแปรญัตติไว้ทั้งหมด 184 คน โดยจะมีการอภิปรายคนละ 10 นาที ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่สามารถอภิปรายในส่วนที่ตัวเองได้แปรญัตติไว้เป็นรายมาตรา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเคยมีการใช้เวลาอภิปรายในวาระ 2-3 ประมาณ 2 วัน ซึ่งตนจะนัดประชุมหารือกับวิปทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งในเวลา 10.00 น.วันนี้ (26 ส.ค.) เพื่อให้การอภิปรายมีประสิทธิภาพ และหากมีส่วนใดที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ต้องชี้แจงก็ขอให้กรรมาธิการฯชี้แจงให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้อภิปราย 184 คนใช้เวลา 2 วันเพียงพอหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า ต้องมีการหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้การอภิปรายครอบคลุมตามลำดับรายมาตราและเป็นประโยชน์ต่อการซักถามของกรรมาธิการฯ ที่ได้มอบหมายให้ไปพิจารณาในช่วงที่ผ่านมา ส่วนการประชุมในวันนี้มีการบรรจุไว้ในวาระเพิ่มเติมจะต้องมีการเลื่อนขึ้นมาใช่หรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ประธานฯต้องหยิบยกมาหารือในครั้งแรกว่าจะขอพิจารณาเป็นวาระพิเศษว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯได้กำหนดกรอบเวลาที่สภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน และต้องให้สมาชิกวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบภายใน 20 วัน ซึ่งตามปกติต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 ต.ค. สำหรับจำนวนผู้อภิปราย 184 คนนั้นหากมีการประท้วงเกิดขึ้นโอกาสที่จะขยายวันออกไปเป็นไปได้หรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า เข้าใจว่าน่าจะพูดคุยกันได้ เพราะการอภิปรายในชั้นของการพิจารณาเป็นรายมาตรานั้น ถึงแม้สมาชิกจะมีสิทธิ์ในการอภิปรายแต่ถ้าประธานฯเห็นว่าซ้ำกันก็สามารถยุติการอภิปรายได้ ซึ่งเบื้องต้นยังเป็นเวลา 2 วันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการพิจารณาอาจจะกระท่อนกระแท่นและอาจจะถูกตีตกไป เพราะปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย นายชินวรณ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้นมีตัวแทนทุกพรรคร่วมพิจารณา ซึ่งขณะนี้สาระของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้นมีความชัดเจนแล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องของเทคนิคที่จะนำเสนอการพิจารณาในสภาเท่านั้น
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าพรรคภูมิใจไทยอาจจะเอาคืนบ้าง เพราะเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ในที่ประชุม ครม.มีปัญหาเรื่องการแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายชินวรณ์กล่าวว่า ในเรื่องการโยกย้ายข้าราชการไม่ใช่เป็นเรื่องของความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องของกระบวนการการบริหาร และเวลาพิจารณาโยกย้ายข้าราชการประจำปีก็จะมีการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ทุกครั้ง แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็เข้าใจบทบาทของแต่ละพรรคที่รับผิดชอบ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะฉะนั้นยืนยันว่าจะไม่มีเรื่องของการมาต่อรองการลงมติการอภิปรายในสภาอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นห่วงเรื่องนี้มากจนต้องกำชับในที่ประชุมพรรคว่า ส.ส.ห้ามลาห้ามขาด นายชินวรณ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ตนได้แจ้งข้อประชุมของวิปรัฐบาลที่มีความเป็นห่วงเรื่องการลงมติในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ เพราะถ้าหากฝ่ายค้านยังติดใจอยู่ก็จำเป็นจะต้องลงมติเป็นรายมาตรา เพราะฉะนั้นองค์ประชุมก็ต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อมีการอภิปรายเป็นรายมาตราจบแล้วต้องลงมติให้ความเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯทั้งฉบับอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสภาต้องมีองค์ประชุมครบและต้องมีมติโดยเสียงข้างมาก
ต่อข้อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจย่อยๆ นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเพื่อนสมาชิกที่จะอภิปราย แต่ประธานฯต้องควบคุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ เพราะการอภิปรายในวาระ 2-3 นั้นอภิปรายได้เฉพาะที่แปรญัตติไว้เท่านั้น และต้องไม่อภิปรายเหมือนกับชั้นรับหลักการ ซึ่งหลังอภิปรายเป็นรายมาตราแล้วก็ถือว่าจบไป ไม่มีการติดใจ ตนเข้าใจว่าในส่วนของผู้แปรญัตตินั้นทั้งหมดจะมุ่งเน้นในเรื่องสาระของงบประมาณมากกว่า