กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 เรียกร้องให้ทบทวนงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่ได้รับเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล หลังถูกปรับลดลงจากปี 52 และยังมีการแปรญัตติตัดลงอีก 8,000 ล้านบาท
วันนี้ (11 ส.ค.) นายกเทศมนตรีทั่วประเทศกว่า 300 คน ในนามสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) นำโดย นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน ในฐานะ นายก ส.ท.ท. รวมตัวกัน ที่บริเวณถนนด้านใน หน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีการแปรญัตติตัดลดลง 8,000 ล้านบาท ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
ส.ท.ท.ได้ส่งตัวแทน 8 คน เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือ พร้อมชี้แจงเหตุผลกับนายกรัฐมนตรี ประมาณ 15 นาที โดย นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า ได้พุดคุยกันแล้ว ส่วนใหญ่เข้าใจ แต่จะมอบหมายให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาเรื่องตัวเลขอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ นายประภัสร์ ระบุว่า เงินงบประมาณที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจ ได้ปรับลดสัดส่วนรายได้ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปีงบประมาณ 2553 ลงต่ำกว่า ปีงบประมาณ 2552 ร้อยละ 25.25 และยังจะมีการแปรญัตติลดเงินอุดหนุนทั่วไป ที่ท้องถิ่นควรจะได้รับตามภารกิจ และอำนาจหน้าที่ อีก 8,000 ล้านบาท
“คนที่เดือดร้อนคือประชาชนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในโครงการสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ โครงการเรียนฟรี โครงการ อสม. ซึ่งล้วนแต่เป็นส่วนการพัฒนาคุณภาพชีวิต เบี้ยยังชีพของคนพิการ คนชรา อาหารเสริมของเด็ก ซึ่ง ส.ท.ท. และสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างเห็นตรงกันว่า รัฐบาลควรทบทวน และขอให้กรรมาธิการฯ ทบทวนการแปรญัตติ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลด้วย ไม่ใช่ตัดงบของท้องถิ่นลงจำนวนมาก” นายประภัสร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตัวแทนได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว บรรดาสมาชิก ส.ท.ท. ก็ยังคงปกหลักรอฟังคำตอบอยู่จนถึงเวลา 09.45 น. และบอกทิ้งท้ายว่า ถ้าไม่ได้ตามข้อเรียกร้องก็จะเดินทางกลับมาอีกครั้ง จากนั้น เดินทางไปยังรัฐสภา และส่งตัวแทนเข้าพบนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อยื่นเรื่องให้ทบทวนการแปรญัตติเงินอุดหนุนทั่วไปของท้องถิ่น ที่กรรมาธิการฯ ได้ตัดลด
ทั้งนี้ ส.ท.ท.ให้เหตุผลว่า เนื่องจากรัฐบาลผลักดันนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ เช่น โครงการสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ กว่า 18,000 ล้านบาท และโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก กว่า 7,000 ล้านบาท รวมกว่า 25,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้เพิ่มงบประมาณในการดำเนินการให้กับท้องถิ่น ที่มีภารกิจที่ต้องทำเพิ่มมากขึ้น จึงเรียกร้องให้ใช้งบส่วนอื่น ที่ไม่ใช่สัดส่วนของท้องถิ่น เพราะหากมีแต่ภารกิจ แต่ไม่มีงบประมาณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคงไม่สามารถบริหารงานให้ดีตามเจตนารมณ์ได้ และยากที่จะก้าวสู่นโยบายเมืองไทยแข็งแรง
