ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ชำแหละข้อตกลง FTA ปี 2553 พบคู่ค้าเตรียมลดภาษีเหลือ 0% อีกเพียบ รวมแล้วเป็นหมื่นรายการ แนะผู้ประกอบการไทยวางแผนส่งสินค้าบุกเจาะตลาด
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมการลดภาษีที่ประเทศคู่เจรจาจะลดภาษีให้ไทยภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่างๆ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 ประเทศที่ไทยทำ FTA จะต้องลดภาษีสินค้าเป็น 0% อีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นกรอบไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรจะศึกษารายละเอียดของสินค้าที่ลดภาษีในแต่ละ FTA และวางแผนในการส่งสินค้าไทยออกไปขาย
ทั้งนี้ ในส่วนของ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ได้มีการลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 5,344 รายการ หรือคิดเป็น 87.4% ของรายการสินค้าที่จะลดภาษีทั้งหมด 6,112 รายการ และในปี 2553 จะมีสินค้าลดภาษีอีก 529 รายการ หรือคิดเป็น 8.7% โดยภาษีจะลดลงเหลือ 0% จากภาษีปัจจุบันที่ 4-5% เช่น ยางรถยนต์ ถุงมือยาง ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ วิทยุติดรถยนต์ และส่วนประกอบรถยนต์ เป็นต้น และคงเหลือสินค้าที่จะลดภาษีหลังปี 2553 เพียง 239 รายการ หรือ 3.9%
ไทย-นิวซีแลนด์ ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 6,058 รายการ คิดเป็น 83.7% ของรายการสินค้าที่จะลดภาษี 7,237 รายการ และในปี 2553 มีสินค้าที่จะลดภาษีเหลือ 0% จาก 3-5% อีก 518 รายการ คิดเป็น 7.2% เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางรถยนต์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ถังเหล็กกล้าสำหรับบรรจุก๊าซและของเหลว เป็นต้น และคงเหลือสินค้าอีก 661 รายการ คิดเป็น 9.1% ที่จะลดภาษีหลังปี 2553
อาเซียน-จีน ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 3,906 รายการ หรือคิดเป็น 51.4% จากจำนวนสินค้าที่ต้องลดภาษีทั้งหมด 7,605 รายการ และในปี 2553 จะลดเหลือ 0% จากภาษีปกติ 5% อีก 2,660 รายการ คิดเป็น 35% เช่น แป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์พลาสติก ด้ายใยยาวสังเคราะห์ เลนส์ แฟลซ ส่วนประกอบมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องเสียง เป็นต้น โดยคงเหลือสินค้าอีก 1,039 รายการ คิดเป็น 13.7% ที่จะลดภาษีหลังปี 2553
อาเซียน-เกาหลี ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 1,836 รายการ คิดเป็น 15.7% จากจำนวนสินค้าที่ต้องลดภาษีทั้งหมด 11,703 รายการ โดยในปี 2553 จะลดภาษีเหลือ 0% อีก 8,961 รายการ คิดเป็น 76.6% โดยมีภาษีปัจจุบันอยู่ที่ 1-50% เช่น น้ำมันดิบ น้ำตาลและกากน้ำตาล ยางรถยนต์ ดีบุกผง ทองแดงแผ่น มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องปรับกระแสไฟฟ้า เป็นต้น โดยคงเหลือสินค้าที่จะลดภาษีหลังปี 2553 อีก 906 รายการ คิดเป็น 7.7%
ไทย-ญี่ปุ่น ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 7,230 รายการ คิดเป็น 79.8% จากจำนวนสินค้าที่ต้องลดภาษีทั้งหมด 9,055 รายการ โดยจะเริ่มลดภาษีสินค้าในวันที่ 1 เมษายน 2553 จำนวน 4 รายการ หรือ 0.04% ที่จะลดภาษีเหลือ 0% จากภาษีปกติ 1.3-2.5% เช่น ปลารมควัน ปลาหมึกแช่แข็ง อาหารปรุงแต่ง และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกฮอล์ โดยคงเหลือสินค้าที่จะลดภาษีหลังปี 2553 อีก 1,821 รายการ คิดเป็น 20.1%
ในส่วนของไทย มีสินค้ารายการสำคัญๆ ที่ต้องลดภาษีเป็น 0% ให้ประเทศคู่เจรจาดังกล่าวข้างต้น ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติกและผลิตภัณฑ์ กระดาษ ยา ฝ้าย ผ้าผืน อลูมิเนียม ทองแดง ผลิตภัณฑ์เหล็ก ไม้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เซรามิก แก้วและกระจก ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ซึ่งจะมีความแตกต่างในแต่ละความตกลงฯ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมการลดภาษีที่ประเทศคู่เจรจาจะลดภาษีให้ไทยภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่างๆ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 ประเทศที่ไทยทำ FTA จะต้องลดภาษีสินค้าเป็น 0% อีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นกรอบไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรจะศึกษารายละเอียดของสินค้าที่ลดภาษีในแต่ละ FTA และวางแผนในการส่งสินค้าไทยออกไปขาย
ทั้งนี้ ในส่วนของ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ได้มีการลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 5,344 รายการ หรือคิดเป็น 87.4% ของรายการสินค้าที่จะลดภาษีทั้งหมด 6,112 รายการ และในปี 2553 จะมีสินค้าลดภาษีอีก 529 รายการ หรือคิดเป็น 8.7% โดยภาษีจะลดลงเหลือ 0% จากภาษีปัจจุบันที่ 4-5% เช่น ยางรถยนต์ ถุงมือยาง ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ วิทยุติดรถยนต์ และส่วนประกอบรถยนต์ เป็นต้น และคงเหลือสินค้าที่จะลดภาษีหลังปี 2553 เพียง 239 รายการ หรือ 3.9%
ไทย-นิวซีแลนด์ ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 6,058 รายการ คิดเป็น 83.7% ของรายการสินค้าที่จะลดภาษี 7,237 รายการ และในปี 2553 มีสินค้าที่จะลดภาษีเหลือ 0% จาก 3-5% อีก 518 รายการ คิดเป็น 7.2% เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางรถยนต์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ถังเหล็กกล้าสำหรับบรรจุก๊าซและของเหลว เป็นต้น และคงเหลือสินค้าอีก 661 รายการ คิดเป็น 9.1% ที่จะลดภาษีหลังปี 2553
อาเซียน-จีน ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 3,906 รายการ หรือคิดเป็น 51.4% จากจำนวนสินค้าที่ต้องลดภาษีทั้งหมด 7,605 รายการ และในปี 2553 จะลดเหลือ 0% จากภาษีปกติ 5% อีก 2,660 รายการ คิดเป็น 35% เช่น แป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์พลาสติก ด้ายใยยาวสังเคราะห์ เลนส์ แฟลซ ส่วนประกอบมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องเสียง เป็นต้น โดยคงเหลือสินค้าอีก 1,039 รายการ คิดเป็น 13.7% ที่จะลดภาษีหลังปี 2553
อาเซียน-เกาหลี ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 1,836 รายการ คิดเป็น 15.7% จากจำนวนสินค้าที่ต้องลดภาษีทั้งหมด 11,703 รายการ โดยในปี 2553 จะลดภาษีเหลือ 0% อีก 8,961 รายการ คิดเป็น 76.6% โดยมีภาษีปัจจุบันอยู่ที่ 1-50% เช่น น้ำมันดิบ น้ำตาลและกากน้ำตาล ยางรถยนต์ ดีบุกผง ทองแดงแผ่น มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องปรับกระแสไฟฟ้า เป็นต้น โดยคงเหลือสินค้าที่จะลดภาษีหลังปี 2553 อีก 906 รายการ คิดเป็น 7.7%
ไทย-ญี่ปุ่น ได้ลดภาษีเหลือ 0% ไปแล้ว 7,230 รายการ คิดเป็น 79.8% จากจำนวนสินค้าที่ต้องลดภาษีทั้งหมด 9,055 รายการ โดยจะเริ่มลดภาษีสินค้าในวันที่ 1 เมษายน 2553 จำนวน 4 รายการ หรือ 0.04% ที่จะลดภาษีเหลือ 0% จากภาษีปกติ 1.3-2.5% เช่น ปลารมควัน ปลาหมึกแช่แข็ง อาหารปรุงแต่ง และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกฮอล์ โดยคงเหลือสินค้าที่จะลดภาษีหลังปี 2553 อีก 1,821 รายการ คิดเป็น 20.1%
ในส่วนของไทย มีสินค้ารายการสำคัญๆ ที่ต้องลดภาษีเป็น 0% ให้ประเทศคู่เจรจาดังกล่าวข้างต้น ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติกและผลิตภัณฑ์ กระดาษ ยา ฝ้าย ผ้าผืน อลูมิเนียม ทองแดง ผลิตภัณฑ์เหล็ก ไม้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เซรามิก แก้วและกระจก ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ซึ่งจะมีความแตกต่างในแต่ละความตกลงฯ
