ASTVผู้จัดการรายวัน-รัฐสภาผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบความตกลงว่าด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลีแล้ว “พาณิชย์”เตรียมลงนามความตกลงว่าด้วยการลงทุนฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ วันที่ 1-2 มิ.ย.นี้ ณ เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค รักษาการอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ความตกลงว่าด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจซึ่งครอบคลุมด้านต่างๆ ระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลีได้ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2552 ส่งผลให้การเจรจาเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้บรรลุเป้าหมายการเจรจาความตกลงครบ 5 ฉบับแล้ว
โดยความตกลงทั้ง 5 ฉบับ ได้แก่ 1.กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมด้านต่างๆ ระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี 2.ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาท 3.ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า 4.ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ และ 5.ความตกลงว่าด้วยการลงทุน ซึ่งส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนทั้งอาเซียนและเกาหลี
นางนันทวัลย์กล่าวว่า ไทยในฐานะสมาชิกอาเซียนสามารถร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยการลงทุนฯ ได้ตามกำหนดการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.นี้ ณ เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเฉลิมฉลองและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นเวลา 20 ปี
สำหรับความตกลงว่าด้วยการลงทุนฯ ฉบับนี้ มีสาระครอบคลุมการเปิดเสรีการลงทุนและการให้ความคุ้มครองการลงทุนระหว่างกัน การเปิดเสรีจะครอบคลุม 5 สาขา ได้แก่ เกษตร ประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ และภาคการผลิต ในส่วนการคุ้มครองการลงทุน ความตกลงนี้จะให้การปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อนักลงทุนที่เป็นภาคี เช่น การชดเชยค่าเสียหายแก่นักลงทุนในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่สงบหรือกรณีรัฐบาลเวนคืนที่ดินของนักลงทุนนั้น การจัดตั้งกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับนักลงทุน เป็นต้น
“ความตกลงนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน อันจะนำมาซึ่งการดึงดูดการลงทุนระหว่างกัน สำหรับประเทศไทยนอกจากจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแล้ว ในทางกลับกันคนไทยที่ไปลงทุนในเกาหลีใต้จะได้รับความเชื่อมั่นในการคุ้มครองการลงทุนของคนไทยมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันการลงทุนจากเกาหลีใต้ในประเทศไทย มูลค่ามากกว่า 4.62พันล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 8 ของการลงทุนจากต่างชาติในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นการลงทุนจำนวนมากในสาขาเหมืองแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน สาขาอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสาขาเคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก”นางนันทวัลย์กล่าว
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค รักษาการอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ความตกลงว่าด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจซึ่งครอบคลุมด้านต่างๆ ระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลีได้ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2552 ส่งผลให้การเจรจาเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้บรรลุเป้าหมายการเจรจาความตกลงครบ 5 ฉบับแล้ว
โดยความตกลงทั้ง 5 ฉบับ ได้แก่ 1.กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมด้านต่างๆ ระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี 2.ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาท 3.ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า 4.ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ และ 5.ความตกลงว่าด้วยการลงทุน ซึ่งส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนทั้งอาเซียนและเกาหลี
นางนันทวัลย์กล่าวว่า ไทยในฐานะสมาชิกอาเซียนสามารถร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยการลงทุนฯ ได้ตามกำหนดการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.นี้ ณ เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเฉลิมฉลองและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นเวลา 20 ปี
สำหรับความตกลงว่าด้วยการลงทุนฯ ฉบับนี้ มีสาระครอบคลุมการเปิดเสรีการลงทุนและการให้ความคุ้มครองการลงทุนระหว่างกัน การเปิดเสรีจะครอบคลุม 5 สาขา ได้แก่ เกษตร ประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ และภาคการผลิต ในส่วนการคุ้มครองการลงทุน ความตกลงนี้จะให้การปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อนักลงทุนที่เป็นภาคี เช่น การชดเชยค่าเสียหายแก่นักลงทุนในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่สงบหรือกรณีรัฐบาลเวนคืนที่ดินของนักลงทุนนั้น การจัดตั้งกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับนักลงทุน เป็นต้น
“ความตกลงนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน อันจะนำมาซึ่งการดึงดูดการลงทุนระหว่างกัน สำหรับประเทศไทยนอกจากจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแล้ว ในทางกลับกันคนไทยที่ไปลงทุนในเกาหลีใต้จะได้รับความเชื่อมั่นในการคุ้มครองการลงทุนของคนไทยมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันการลงทุนจากเกาหลีใต้ในประเทศไทย มูลค่ามากกว่า 4.62พันล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 8 ของการลงทุนจากต่างชาติในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นการลงทุนจำนวนมากในสาขาเหมืองแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน สาขาอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสาขาเคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก”นางนันทวัลย์กล่าว
