ASTVผู้จัดการรายวัน – บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายปีนี้ 100 ล้านบาท หวังผยุงกำไรจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นแม้ผลงานตก " ศุภดิศ " คาดปริมาณขายน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น พ.ย. เป็นเดือนแรก เชื่อบวกต่อถึงปีหน้า หรือเติบโต 4% จากปีนี้ที่ขายได้เพียง 4.04 ล้านลิตร เหตุการเมืองวุ่นเที่ยวบินลด
ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BAFS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายปีนี้ลดลง 10% หรือ 100 ล้านบาท ในส่วนค่าใช้จ่ายพนักงาน เช่น สวัสดิการพนักงาน ยกเลิกงบประชุมสัมมน จากปีก่อนที่มีประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อทำให้บริษัทมีผลกำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากปีนี้ยอดปริมาณการการเติมน้ำมันให้กับสายการบินลดลงเหลือ 4,048 ล้านลิตร หรือลดลง 7% จากปีก่อนที่มี 4,300 ล้านลิตรเพราะ บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ไข้หวัดใหญ่ 2009 และปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศทำให้เที่ยวบินลดลง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังปริมาณการเติมน้ำมันให้กับสายการบินจะเพิ่มขึ้น 2% จากครึ่งปีแรกที่ลดลง 13.5% โดยคาดว่าทั้งปี 52 จะมีการยอดปริมาณการเติมน้ำมันลดลง 7% หลังจากที่สายการบินต่าง ๆ ได้มีการส่งกำหนดการเที่ยวบินมาให้ยังบริษัท โดยคาดว่าเดือนสิงหาคมจะมีปริมาณการเติมน้ำมันลดลง 7% แต่ในเดือนกันยายนจะปรับตัวดีขึ้น ลดลงเพียง 2% เดือนตุลาคมลดลง 6% แต่เดือนพฤศจิกายนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15% และเดือนธันวาคมจะปรับเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
" ไตรมาส 3 BAFS จะรับรู้รายได้จากบริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน หรือ TARCO ที่มีการจ่ายเงินปันผลให้กับ BAFS จำนวน 58 ล้านบาท แต่จากการที่ปริมาณการเติมน้ำมันลดลงนั้น ส่งผลให้รายได้ของBAFS ยังลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน "ม.ร.ว. ศุภดิศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จากปริมาณการเติมน้ำมันของบริษัทปีนี้ลดลงเหลือ 1,316 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามปริมาณการเติมน้ำมันแต่บริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทปีนี้ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ จากที่บริษัทจะมีการลดค่าใช้จ่ายต่างๆลง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 33.1% ของกำไรสุทธิ
ม.ร.ว. ศุภดิศกล่าวว่า ปีหน้าบริษัทคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันให้กับสายการบินต่างๆจะมีการเพิ่มขึ้น 4% จากปีนี้ที่มี 4,048 ล้านลิตร หลังจากที่บริษัทได้รับแจ้งกับสายการบินต่าง ๆ ได้มีการส่งกำหนดการบินมาให้ทางบริษัท และบริษัทจึงมีการประเมิน และคาดว่าผลกระทบของไข้หวัดใหญ่ 2009 และเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการเมืองไม่น่าได้รับผลกระทบมาก
ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BAFS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายปีนี้ลดลง 10% หรือ 100 ล้านบาท ในส่วนค่าใช้จ่ายพนักงาน เช่น สวัสดิการพนักงาน ยกเลิกงบประชุมสัมมน จากปีก่อนที่มีประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อทำให้บริษัทมีผลกำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากปีนี้ยอดปริมาณการการเติมน้ำมันให้กับสายการบินลดลงเหลือ 4,048 ล้านลิตร หรือลดลง 7% จากปีก่อนที่มี 4,300 ล้านลิตรเพราะ บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ไข้หวัดใหญ่ 2009 และปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศทำให้เที่ยวบินลดลง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังปริมาณการเติมน้ำมันให้กับสายการบินจะเพิ่มขึ้น 2% จากครึ่งปีแรกที่ลดลง 13.5% โดยคาดว่าทั้งปี 52 จะมีการยอดปริมาณการเติมน้ำมันลดลง 7% หลังจากที่สายการบินต่าง ๆ ได้มีการส่งกำหนดการเที่ยวบินมาให้ยังบริษัท โดยคาดว่าเดือนสิงหาคมจะมีปริมาณการเติมน้ำมันลดลง 7% แต่ในเดือนกันยายนจะปรับตัวดีขึ้น ลดลงเพียง 2% เดือนตุลาคมลดลง 6% แต่เดือนพฤศจิกายนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15% และเดือนธันวาคมจะปรับเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
" ไตรมาส 3 BAFS จะรับรู้รายได้จากบริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน หรือ TARCO ที่มีการจ่ายเงินปันผลให้กับ BAFS จำนวน 58 ล้านบาท แต่จากการที่ปริมาณการเติมน้ำมันลดลงนั้น ส่งผลให้รายได้ของBAFS ยังลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน "ม.ร.ว. ศุภดิศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จากปริมาณการเติมน้ำมันของบริษัทปีนี้ลดลงเหลือ 1,316 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามปริมาณการเติมน้ำมันแต่บริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทปีนี้ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ จากที่บริษัทจะมีการลดค่าใช้จ่ายต่างๆลง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 33.1% ของกำไรสุทธิ
ม.ร.ว. ศุภดิศกล่าวว่า ปีหน้าบริษัทคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันให้กับสายการบินต่างๆจะมีการเพิ่มขึ้น 4% จากปีนี้ที่มี 4,048 ล้านลิตร หลังจากที่บริษัทได้รับแจ้งกับสายการบินต่าง ๆ ได้มีการส่งกำหนดการบินมาให้ทางบริษัท และบริษัทจึงมีการประเมิน และคาดว่าผลกระทบของไข้หวัดใหญ่ 2009 และเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการเมืองไม่น่าได้รับผลกระทบมาก
