บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ คาดปีหน้า เศรษฐกิจซบฉุดปริมาณเติมน้ำมันโตเพียง 1% แม้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่งผลรายได้ทรงตัวจากปีนี้ที่คาดว่าจะมี 1.49 พันล้านบาท ย้ำจ่ายปันผลงวดปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ แม้รายได้หด
นายภักดี มานะเวศ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)BAFS เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการเติมน้ำมันปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเพียง1%จากปีนี้ที่4,600 ล้านลิตร เนื่องจาก ธุรกิจสายการบินได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว แต่จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนั้นส่งผลดีทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันยังคงเติบโตมากขึ้น และคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มตามทิศทางการเติบโตของการเติมน้ำมัน
ทั้งนี้บริษัทบริษัทอยู่ระหว่างหารายได้เสริมโดยได้ศึกษาธุรกิจเกี่ยวธุรกิจการบิน เช่น การรับช่วงงาน(out source)จากพันธมิตรที่เป็นสายการบิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในไตรมาส1/52 ซึ่งในไตรมาส 4 /51บริษัทประเมินว่าปริมาณการเติมน้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8% จากไตรมาส 3/51 ที่มีปริมาณการเติมน้ำมันที่ 1,042 ล้านลิตร เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้รายได้เฉพาะบริษัทปี 2551 จะอยู่ที่ 1,490 ล้านบาท ลดลง 2% จากปีก่อน 1,695 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปีหน้า อีกทั้งมาตรการการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงินของทั่วโลกที่จะช่วยฟื้นให้การบริโภคเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศมองว่าน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วและไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงไปมากกว่านี้ จึงน่าส่งผลดีต่อบริษัทฯ
นายภักดี กล่าวว่า บริษัคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 50% หรือในอัตราใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าแนวโน้มของรายได้และกำไรของบริษัทจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ส่งทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันลดลง ขณะที่การใช้คืนเงินกู้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอีกด้วย
รวมถึงบริษัทยังมีเม็ดเงินอีกประมาณ 123 ล้านบาท โดยมาจากการบริหารงานภายในกลุ่มธุรกิจ จากเดิมที่ใช้บริษัทอื่นๆจัดการให้ เช่น ให้บริษัทในกลุ่มเช่าพื้นที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ สนับสนุน หรือให้บริการบริษัทในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฏหมาย ด้านไอทีเป็นต้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ช่วงเพิ่มรายได้ แต่ช่วยลดรายได้ของบริษัทได้ส่วนหนึ่ง
สำหรับงานต่อขยายของสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 นั้นยังคงต้องรอนโยบายของทางบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT โดยบริษัทเองพร้อมที่จะลงทุนอยู่ตลอด ซึ่งหาก AOT มีแผนที่ชัดเจนบริษัทยังมีเวลาที่จะตัดสินใจ เนื่องจากโครงการนี้ต้องใช้ระยะเวลา 4-7 ปี รวมทั้งบริษัทยังมีกระแสเงินสด และสภาพคล่องที่พร้อมลงทุน
นายภักดี มานะเวศ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)BAFS เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการเติมน้ำมันปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเพียง1%จากปีนี้ที่4,600 ล้านลิตร เนื่องจาก ธุรกิจสายการบินได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว แต่จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนั้นส่งผลดีทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันยังคงเติบโตมากขึ้น และคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มตามทิศทางการเติบโตของการเติมน้ำมัน
ทั้งนี้บริษัทบริษัทอยู่ระหว่างหารายได้เสริมโดยได้ศึกษาธุรกิจเกี่ยวธุรกิจการบิน เช่น การรับช่วงงาน(out source)จากพันธมิตรที่เป็นสายการบิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในไตรมาส1/52 ซึ่งในไตรมาส 4 /51บริษัทประเมินว่าปริมาณการเติมน้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8% จากไตรมาส 3/51 ที่มีปริมาณการเติมน้ำมันที่ 1,042 ล้านลิตร เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้รายได้เฉพาะบริษัทปี 2551 จะอยู่ที่ 1,490 ล้านบาท ลดลง 2% จากปีก่อน 1,695 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปีหน้า อีกทั้งมาตรการการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงินของทั่วโลกที่จะช่วยฟื้นให้การบริโภคเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศมองว่าน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วและไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงไปมากกว่านี้ จึงน่าส่งผลดีต่อบริษัทฯ
นายภักดี กล่าวว่า บริษัคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 50% หรือในอัตราใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าแนวโน้มของรายได้และกำไรของบริษัทจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ส่งทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันลดลง ขณะที่การใช้คืนเงินกู้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอีกด้วย
รวมถึงบริษัทยังมีเม็ดเงินอีกประมาณ 123 ล้านบาท โดยมาจากการบริหารงานภายในกลุ่มธุรกิจ จากเดิมที่ใช้บริษัทอื่นๆจัดการให้ เช่น ให้บริษัทในกลุ่มเช่าพื้นที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ สนับสนุน หรือให้บริการบริษัทในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฏหมาย ด้านไอทีเป็นต้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ช่วงเพิ่มรายได้ แต่ช่วยลดรายได้ของบริษัทได้ส่วนหนึ่ง
สำหรับงานต่อขยายของสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 นั้นยังคงต้องรอนโยบายของทางบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT โดยบริษัทเองพร้อมที่จะลงทุนอยู่ตลอด ซึ่งหาก AOT มีแผนที่ชัดเจนบริษัทยังมีเวลาที่จะตัดสินใจ เนื่องจากโครงการนี้ต้องใช้ระยะเวลา 4-7 ปี รวมทั้งบริษัทยังมีกระแสเงินสด และสภาพคล่องที่พร้อมลงทุน