ASTVผู้จัดการรายวัน – บางจากปิโตรเลียม ปรับเป้า EBITDA เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท เดิมคาดการณ์ที่ 8 พันล้านบาท หากราคาน้ำมันคงที่ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เตรียมดันกำลังการผลิตสิ้นปีแตะ1 แสนบาร์เรลต่อวัน พร้อมเดินหน้าโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันต่อหลังจากที่ชะลอ มองช่องทางลงทุนธุรกิจใหม่ ด้าน Natural Resource และธุรกิจโลจิสติกส์ คาดใช้เงินลงทุน 3-4 พันล้าน สรุปความชัดเจนปลายปีนี้หรือต้นปี53
นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าประมาณการ EBITDA เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 8 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขของราคาน้ำมันที่ยังคงระดับที่ 70เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และไม่มีเหตุผันผวนรุนแรงเหมือนช่วงครึ่งปี 51
สำหรับกำลังการกลั่นปีนี้เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 8.9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.2-9.3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากบริษัทมีปัญหาการหยุดเดินเครื่องโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน PQI ที่ระบบมีปัญหาและได้ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.52 แม้ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและทดลองเดินครื่อง โดยคาดว่าจะรับมอบงานจากผู้รับเหมาในเดือน ก.ย.52 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตช่วงที่เหลือของปีนี้นับจากเดือน ก.ย.เพิ่มเป็น 1 แสนบาร์เรลต่อวัน
โดยช่วงครึ่งปีหหลังบริษัทมีแผนจะลงทุนในโครงการพัฒนาคุณภาพน้ำมันเบนซินให้ได้ตามมาตฐาน EURO-4 ที่จะมีผลบังคับในปี 2555 หลังจากที่สามารถพัฒนาน้ำมันดีเซลครบแล้ว โดยใช้งบลงทุนราว 40 ล้านดอลลาร์ และยังอยู่ในช่วงการประมูลหาผู้รับเหมา คาดเริ่มเห็นการลงทุนได้ต้นปี 2553
นายปฏิภาณ กล่าวว่าบริษัทได้มองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ ในส่วนของ Natural Resource และธุรกิจโลจิสติกส์ คาดใช้เงิน3-4 พันล้านบาท เป็นเม็ดเงินทยอยลงทุนระยะเวลา 5 ปี (ตั้งแต่ 2552-2556) คาดเห็นความชัดเจนช่วงไตรมาส 4/52 ถึงไตรมาส 1/53 และหวังว่าภายใน 5 ธุรกิจใหม่จะมีสัดส่วนรายได้ก่อนหักภาษีก่อนหักค่าเสื่อมไม่น้อยกว่า 30%
ส่วนการลงทุนอื่นๆ ได้แก่ การปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน ตามมาตรฐานยูโร 4 ซึ่งขณะนี้บางจาก มีการปรับปรุงไปแล้วบางส่วนเหลือเพียงเบนซินที่รอการปรับปรุงคาดว่าจะเริ่มในปี 53 โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับครึ่งปีหลังคาดว่า ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 60-70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวบริษัทมีโอกาสจะได้ค่าการกลั่นในส่วนของน้ำมันเตาราคาดีขึ้น อีกทั้งได้ผลบวกจากสัญญาส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันเตา (Hedging) ไว้ 40% ของกำลังการผลิต ส่วนค่าการกลั่น (GRM) คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 9.9 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้ระดับ 7-8 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าการกลั่นในส่วนของน้ำมันเตาได้ราคาดี และบริษัทประกันความเสี่ยงล่วงหน้าค่าการกลั่นไว้ด้วย
ส่วนค่าการตลาดปี 52 หวังว่าจะอยู่ที่ 0.50-0.60 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับที่พอใจ แต่คาดเฉลี่ยทั้งปีจะสูงขึ้นถึงระดับ 0.7-0.8 บาทต่อลิตร แม้ครึ่งปีแรกค่าการตลาดจะเป็นบวกที่ 0.72 บาทต่อลิตร แต่บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าค่าการตลาดไว้ในระดับสูง เนื่องจากกังวลเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกหากมีการปรับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ราคาขายหน้าสถานีบริการจะไม่สามารถปรับได้ทัน
นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าประมาณการ EBITDA เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 8 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขของราคาน้ำมันที่ยังคงระดับที่ 70เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และไม่มีเหตุผันผวนรุนแรงเหมือนช่วงครึ่งปี 51
สำหรับกำลังการกลั่นปีนี้เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 8.9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.2-9.3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากบริษัทมีปัญหาการหยุดเดินเครื่องโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน PQI ที่ระบบมีปัญหาและได้ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.52 แม้ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและทดลองเดินครื่อง โดยคาดว่าจะรับมอบงานจากผู้รับเหมาในเดือน ก.ย.52 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตช่วงที่เหลือของปีนี้นับจากเดือน ก.ย.เพิ่มเป็น 1 แสนบาร์เรลต่อวัน
โดยช่วงครึ่งปีหหลังบริษัทมีแผนจะลงทุนในโครงการพัฒนาคุณภาพน้ำมันเบนซินให้ได้ตามมาตฐาน EURO-4 ที่จะมีผลบังคับในปี 2555 หลังจากที่สามารถพัฒนาน้ำมันดีเซลครบแล้ว โดยใช้งบลงทุนราว 40 ล้านดอลลาร์ และยังอยู่ในช่วงการประมูลหาผู้รับเหมา คาดเริ่มเห็นการลงทุนได้ต้นปี 2553
นายปฏิภาณ กล่าวว่าบริษัทได้มองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ ในส่วนของ Natural Resource และธุรกิจโลจิสติกส์ คาดใช้เงิน3-4 พันล้านบาท เป็นเม็ดเงินทยอยลงทุนระยะเวลา 5 ปี (ตั้งแต่ 2552-2556) คาดเห็นความชัดเจนช่วงไตรมาส 4/52 ถึงไตรมาส 1/53 และหวังว่าภายใน 5 ธุรกิจใหม่จะมีสัดส่วนรายได้ก่อนหักภาษีก่อนหักค่าเสื่อมไม่น้อยกว่า 30%
ส่วนการลงทุนอื่นๆ ได้แก่ การปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน ตามมาตรฐานยูโร 4 ซึ่งขณะนี้บางจาก มีการปรับปรุงไปแล้วบางส่วนเหลือเพียงเบนซินที่รอการปรับปรุงคาดว่าจะเริ่มในปี 53 โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับครึ่งปีหลังคาดว่า ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 60-70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวบริษัทมีโอกาสจะได้ค่าการกลั่นในส่วนของน้ำมันเตาราคาดีขึ้น อีกทั้งได้ผลบวกจากสัญญาส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันเตา (Hedging) ไว้ 40% ของกำลังการผลิต ส่วนค่าการกลั่น (GRM) คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 9.9 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้ระดับ 7-8 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าการกลั่นในส่วนของน้ำมันเตาได้ราคาดี และบริษัทประกันความเสี่ยงล่วงหน้าค่าการกลั่นไว้ด้วย
ส่วนค่าการตลาดปี 52 หวังว่าจะอยู่ที่ 0.50-0.60 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับที่พอใจ แต่คาดเฉลี่ยทั้งปีจะสูงขึ้นถึงระดับ 0.7-0.8 บาทต่อลิตร แม้ครึ่งปีแรกค่าการตลาดจะเป็นบวกที่ 0.72 บาทต่อลิตร แต่บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าค่าการตลาดไว้ในระดับสูง เนื่องจากกังวลเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกหากมีการปรับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ราคาขายหน้าสถานีบริการจะไม่สามารถปรับได้ทัน