ASTV ผู้จัดการรายวัน – “ภัทรียา”ชี้แจง ดึงแกรมมี่ ถือหุ้นแฟมิลี่ โนฮาว 50% หวังช่วยขยายฐานผู้ดู และหารายได้จากรายการเข้าบริษัท หลังตั้งแต่ทำมาตัวเลขกำไรไม่เคยเห็น อีกทั้งขายรายการได้ยาก ล่าสุดเตรียมลดทุนเพื่อล้างขาดทุนเดิม ก่อนใส่เงินก้อนใหม่เข้าเสริม ด้าน GRAMMY โชว์กึ๋น!ตั้งแต่ยังไม่ควักจ่าย เพิ่มเวลาออนแอร์อีก10ชม.พร้อมส่ง “สุเมธ ดำรงชัยธรรม”นั่งเก้าอีเอ็มดี ส่วนปีนี้หวังรายได้-กำไรแค่ทรงตัว
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า บริษัท แฟมิลี่ โนฮาว จะใช้เวลาในการเพิ่มทุนประมาณ 2 เดือน เพื่อให้ทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เข้มมาถือหุ้นในสัดส่วน 50% ซึ่งจะใช้เงินในการเข้ามาซื้อหุ้นของ แฟมิลี่ฯ 25 ล้านบาท แต่ในสัปดาห์หน้าทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็จะเข้ามาดูรายการว่าจะมีการปรับเปลี่ยนผังอย่างไรบ้าง ซึ่งจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เข้ามาถือหุ้น แฟมิลี่ฯ นั้น จะช่วยขยายฐานผู้ดูรายการของแฟมิลี่ ฯเพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯยอมรับว่าทาง แฟมิลี่ โนฮาว ยังไม่มีกำไร จากที่ปัจจุบันมีแต่รายจ่ายในเรื่องการจัดทำรายการ และการขายรายการออกเป็นก็เป็นเรื่องลำบาก แต่จากการที่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะเข้ามาถือหุ้นเชื่อว่าจะทำให้มีการขายรายการได้มากขึ้น
ด้านแหล่งข่าวจาก แฟมิลี่ โนฮาว กล่าวว่า ทาง แฟมิลี่ โนฮาว จะต้องมีการลดทุนจดทะเบียน จากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมก่อน และทางตลาดหลักทรัพย์ฯกับทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะใส่เงินเพิ่มทุนรายละสัดส่วน 50% ส่วนเงินที่เหลือจะใช้ในการผลิตรายการต่อไป
GRAMMYส่ง“สุเมธ”นั่งเอ็มดีแฟมิลี่ฯ
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าบริหารช่อง"Money Channel" โดยการเข้าลงทุนถือหุ้น 50% บริษัท แฟมิลี่ โนฮาว จำกัด คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 25 ล้านบาทโดยมีแผนจะเพิ่มระยะเวลาการออกอากาศอีก 10 ชั่วโมง จากเดิมที่มีการออกอากาศประมาณ 8 ชั่วโมง โดยเน้นรูปแบบของรายการเศรษฐกิจ ตลาดเงินตลาดทุน ซึ่งคาดหวังว่าในอนาคตธุรกิจดังกล่าวจะสามารถสร้างกำไรให้แก่บริษัท
"เราคาดหวังที่จะทำกำไรจากการผลิตรายการในช่วง 10 ชั่วโมงที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งตอนนี้ได้จัดเตรียมรูปแบบรายการครบทั้ง 365 วันแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 เดือนกระบวนการทางการทำงานจะเสร็จสมบูรณ์"นายสุเมธ กล่าว
ขณะเดียวกัน นอกจาก GRAMMY จะเข้าถือหุ้น 50% แล้ว ทางบริษัทจะส่งนายสุเมธเข้ามาร่วมบริหารด้วยในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ นายสุเมธ กล่าวว่า รายได้และกำไรของบริษัทน่าจะทรงตัวจากปีที่ผ่านมา แม้หากเทียบผลการดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จะดีกว่างวดเดียวกันของปี 2551 ก็ตาม
"เราคาดว่าผลประกอบการธุรกิจปีนี้น่าจะทรงตัวจากปีก่อนทั้งรายได้และกำไร แม้ว่าจะทำผลงานในช่วงครึ่งปีแรกดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากในครึ่งปีหลังของปีนี้ไม่มั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า แต่ทางบริษัทก็จะพยายามทำให้ได้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังออกมาใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว"
โดยในปี2551 GRAMMY มีรายได้ 7,834 ล้านบาท และสามารถทำกำไรด้ 705 ล้านบาท ส่วน Net Margin ทางบริษัทฯตั้งเป้าจะพยายามรักษาตัวเลข 2 หลัก โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมี Net Margin 10%
ส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจเพลงดิจิตอล ซึ่งคาดว่าจำนวนสมาชิกน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านคน จาก 2.2 ล้านคนในปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจโชว์บิซและอีเว้นท์ซึ่งปีนี้ค่อนข้างโดดเด่นเพราะมีการจัดโชว์มากขึ้น แต่เมื่อเทียบกันในเรื่องของสถานที่จัดการแสดงซึ่งปีนี้หลายๆโชว์หลายๆการแสดงจัดขึ้นในสถานที่ที่เล็กลง เช่น เซ็นเตอร์พอยท์ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน จากก่อนหน้านี้ที่ส่วนใหญ่มักจะจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีความจุที่นั่งแตกต่างกัน
ทำให้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในส่วนของธุรกิจอีเว้นท์ปีนี้ไว้ที่ 1,788 ล้านบาท เติบโตประมาณ 45% จาก 1,226 ล้านบาทในปีก่อน โดยธุรกิจอีเว้นท์มี Backlog ทั้งงานภาครัฐและเอกชน ที่เป็นไฮไลท์ นั้นจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ คือ Thailand Pavilion Wold Expo 2010 ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มูลค่างานประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งแกรมมี่จะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 180 ล้านบาท และที่เหลือจะไปรับรู้ในปี 2553
ขณะที่ ธุรกิจทีวีดาวเทียมที่แกรมมี่เปิดบริการไปแล้ว 4 ช่อง ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีรายได้จากการโฆษณาประมาณ 100 ล้านบาท และปี 2553 ก็จะเปิดบริการอีก 1 ช่อง คือ BIRD Channel ตามแผน
นอกจากนี้ ภายในวันเดียวกัน การซื้อุ้น GRAMMY ในแบบบิ๊กล็อตเกิดขึ้นถึง 7 แสน มูลค่า 9.8 ล้านบาท ในราคา 14.00 บาท พาร์ 1บาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า บริษัท แฟมิลี่ โนฮาว จะใช้เวลาในการเพิ่มทุนประมาณ 2 เดือน เพื่อให้ทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เข้มมาถือหุ้นในสัดส่วน 50% ซึ่งจะใช้เงินในการเข้ามาซื้อหุ้นของ แฟมิลี่ฯ 25 ล้านบาท แต่ในสัปดาห์หน้าทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็จะเข้ามาดูรายการว่าจะมีการปรับเปลี่ยนผังอย่างไรบ้าง ซึ่งจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เข้ามาถือหุ้น แฟมิลี่ฯ นั้น จะช่วยขยายฐานผู้ดูรายการของแฟมิลี่ ฯเพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯยอมรับว่าทาง แฟมิลี่ โนฮาว ยังไม่มีกำไร จากที่ปัจจุบันมีแต่รายจ่ายในเรื่องการจัดทำรายการ และการขายรายการออกเป็นก็เป็นเรื่องลำบาก แต่จากการที่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะเข้ามาถือหุ้นเชื่อว่าจะทำให้มีการขายรายการได้มากขึ้น
ด้านแหล่งข่าวจาก แฟมิลี่ โนฮาว กล่าวว่า ทาง แฟมิลี่ โนฮาว จะต้องมีการลดทุนจดทะเบียน จากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมก่อน และทางตลาดหลักทรัพย์ฯกับทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะใส่เงินเพิ่มทุนรายละสัดส่วน 50% ส่วนเงินที่เหลือจะใช้ในการผลิตรายการต่อไป
GRAMMYส่ง“สุเมธ”นั่งเอ็มดีแฟมิลี่ฯ
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าบริหารช่อง"Money Channel" โดยการเข้าลงทุนถือหุ้น 50% บริษัท แฟมิลี่ โนฮาว จำกัด คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 25 ล้านบาทโดยมีแผนจะเพิ่มระยะเวลาการออกอากาศอีก 10 ชั่วโมง จากเดิมที่มีการออกอากาศประมาณ 8 ชั่วโมง โดยเน้นรูปแบบของรายการเศรษฐกิจ ตลาดเงินตลาดทุน ซึ่งคาดหวังว่าในอนาคตธุรกิจดังกล่าวจะสามารถสร้างกำไรให้แก่บริษัท
"เราคาดหวังที่จะทำกำไรจากการผลิตรายการในช่วง 10 ชั่วโมงที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งตอนนี้ได้จัดเตรียมรูปแบบรายการครบทั้ง 365 วันแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 เดือนกระบวนการทางการทำงานจะเสร็จสมบูรณ์"นายสุเมธ กล่าว
ขณะเดียวกัน นอกจาก GRAMMY จะเข้าถือหุ้น 50% แล้ว ทางบริษัทจะส่งนายสุเมธเข้ามาร่วมบริหารด้วยในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ นายสุเมธ กล่าวว่า รายได้และกำไรของบริษัทน่าจะทรงตัวจากปีที่ผ่านมา แม้หากเทียบผลการดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จะดีกว่างวดเดียวกันของปี 2551 ก็ตาม
"เราคาดว่าผลประกอบการธุรกิจปีนี้น่าจะทรงตัวจากปีก่อนทั้งรายได้และกำไร แม้ว่าจะทำผลงานในช่วงครึ่งปีแรกดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากในครึ่งปีหลังของปีนี้ไม่มั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า แต่ทางบริษัทก็จะพยายามทำให้ได้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังออกมาใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว"
โดยในปี2551 GRAMMY มีรายได้ 7,834 ล้านบาท และสามารถทำกำไรด้ 705 ล้านบาท ส่วน Net Margin ทางบริษัทฯตั้งเป้าจะพยายามรักษาตัวเลข 2 หลัก โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมี Net Margin 10%
ส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจเพลงดิจิตอล ซึ่งคาดว่าจำนวนสมาชิกน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านคน จาก 2.2 ล้านคนในปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจโชว์บิซและอีเว้นท์ซึ่งปีนี้ค่อนข้างโดดเด่นเพราะมีการจัดโชว์มากขึ้น แต่เมื่อเทียบกันในเรื่องของสถานที่จัดการแสดงซึ่งปีนี้หลายๆโชว์หลายๆการแสดงจัดขึ้นในสถานที่ที่เล็กลง เช่น เซ็นเตอร์พอยท์ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน จากก่อนหน้านี้ที่ส่วนใหญ่มักจะจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีความจุที่นั่งแตกต่างกัน
ทำให้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในส่วนของธุรกิจอีเว้นท์ปีนี้ไว้ที่ 1,788 ล้านบาท เติบโตประมาณ 45% จาก 1,226 ล้านบาทในปีก่อน โดยธุรกิจอีเว้นท์มี Backlog ทั้งงานภาครัฐและเอกชน ที่เป็นไฮไลท์ นั้นจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ คือ Thailand Pavilion Wold Expo 2010 ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มูลค่างานประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งแกรมมี่จะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 180 ล้านบาท และที่เหลือจะไปรับรู้ในปี 2553
ขณะที่ ธุรกิจทีวีดาวเทียมที่แกรมมี่เปิดบริการไปแล้ว 4 ช่อง ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีรายได้จากการโฆษณาประมาณ 100 ล้านบาท และปี 2553 ก็จะเปิดบริการอีก 1 ช่อง คือ BIRD Channel ตามแผน
นอกจากนี้ ภายในวันเดียวกัน การซื้อุ้น GRAMMY ในแบบบิ๊กล็อตเกิดขึ้นถึง 7 แสน มูลค่า 9.8 ล้านบาท ในราคา 14.00 บาท พาร์ 1บาท