ASTVผู้จัดการรายวัน-อินเด็กซ์เชื่อลูกค้าระมัดระวังการใช้เงินมากขึ้น การใช้สื่อมุ่งเรื่องกระตุ้นยอดขายมากกว่าสร้างแบรนด์ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ ออนไลน์-บลูทูธ-ครีเอทีฟ เครื่องมือสำคัญในการดันยอดขายให้ลูกค้า มั่นใจสิ้นปีโต 22% คิดเป็นมูลค่า 1,560 ล้านบาท หลังไตรมาสแรกโตเกือบเท่าตัวที่ 358.05 ล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ปีนี้เชื่อว่าจะมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น เพราะในแง่ของภาครัฐเองนั้น หลังจากนี้จะมีนโยบายออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ส่วนภาคเอกชนถึงแม้ว่าจะมีความระมัดระวังในการใช้เงิน แต่พฤติกรรมของการใช้เงินนั้นจะลดการใช้สื่อแมส และมาให้ความสำคัญกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น อีเว้นท์ เพื่อมุ่งในเรื่องของการผลักดันยอดขายมากกว่าเรื่องของการสร้างแบรนด์เป็นหลัก
ทั้งนี้ในส่วนของอินเด็กซ์ ได้มีการเพิ่มไลน์ธุรกิจในเครือเพิ่มอีก 3 บริษัท คือ 1.บริษัท ไอธิ้งแอ็ด จำกัด มีนายพิเศษ กาญจนะโภคิน มาดูแลในเรื่องของการคลีเอทีฟชิ้นงานโฆษณาให้กับลูกค้า เชื่อว่าจะช่วยลดขั้นตอนและงบประมาณของลูกค้าได้มากขึ้น โดยอินเด็กซ์ถือหุ้นอยู่ 50% เท่ากับผู้บริหารในไอธิ้งแอ็ด สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เข้ามากว่า 50 ล้านบาท
2.บริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ออนไลน์ จำกัด มีนายอดิลฟิตรี ประพฤติสุจริต ดูแลในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ในการที่จะช่วยลูกค้าวางแผนกลยุทธ์สื่อสารออนไลน์อย่างครบวงจร สิ้นปีนี้คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งทางอินเด็กซ์ถือหุ้นในบริษัทนี้กว่า 70% และนายอดิลฟิตรีถือหุ้น30%
3.บริษัท บลู มีเดีย จำกัด เป็นการร่วมทุนกับนักธุรกิจชื่อดัง อย่าง นายสันต์ ภิรมย์ภักดี และนายบูรพาภรณ์ มุสิกสินธร ในการดำเนินการช่วยลูกค้าวางแผนการใช้สื่อด้านบลูทูธ มุ่งเรื่องของการขายเป็นสำคัญ โดยอินเด็กซ์ถือหุ้นในบริษัทนี้กว่า 40% นายบูรพาภรณ์ 40% และนายสันต์อีก 20% ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 12 ล้านบาท
นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน เจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การแตกไลน์ธุรกิจใหม่นี้ ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 10 ล้านบาท โดยถือเป็นธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยง จากธุรกิจอีเว้นท์ซึ่งธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ให้ในปัจจุบัน ที่สร้างยอดขายให้ไม่ต่ำกว่า 50% โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าใน 2-3 ปีหลังจากนี้ ต้องการให้สัดส่วนของอีเว้นท์อยู่ที่ประมาณ 30% และที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆรวม 70%
อย่างไรก็ตามรายได้ในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา พบว่า มีอัตราการเติบโตกว่า 99% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 358.05 ล้านบาท จาก 177.89 ล้านบาทของไตรมาสหนึ่งในปีก่อน โดยกว่า 70% มาจากลูกค้าเอกชน และ30% มาจากภาครัฐ ทั้งนี้มองว่าในครึ่งปีหลังจากนี้ รายได้จากภาครัฐอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะอินเด็กซ์ได้งานภาครัฐเข้ามาเพิ่มขึ้น
หรือทั้งปียังมั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 225 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,560 ล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ปีนี้เชื่อว่าจะมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น เพราะในแง่ของภาครัฐเองนั้น หลังจากนี้จะมีนโยบายออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ส่วนภาคเอกชนถึงแม้ว่าจะมีความระมัดระวังในการใช้เงิน แต่พฤติกรรมของการใช้เงินนั้นจะลดการใช้สื่อแมส และมาให้ความสำคัญกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น อีเว้นท์ เพื่อมุ่งในเรื่องของการผลักดันยอดขายมากกว่าเรื่องของการสร้างแบรนด์เป็นหลัก
ทั้งนี้ในส่วนของอินเด็กซ์ ได้มีการเพิ่มไลน์ธุรกิจในเครือเพิ่มอีก 3 บริษัท คือ 1.บริษัท ไอธิ้งแอ็ด จำกัด มีนายพิเศษ กาญจนะโภคิน มาดูแลในเรื่องของการคลีเอทีฟชิ้นงานโฆษณาให้กับลูกค้า เชื่อว่าจะช่วยลดขั้นตอนและงบประมาณของลูกค้าได้มากขึ้น โดยอินเด็กซ์ถือหุ้นอยู่ 50% เท่ากับผู้บริหารในไอธิ้งแอ็ด สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เข้ามากว่า 50 ล้านบาท
2.บริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ออนไลน์ จำกัด มีนายอดิลฟิตรี ประพฤติสุจริต ดูแลในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ในการที่จะช่วยลูกค้าวางแผนกลยุทธ์สื่อสารออนไลน์อย่างครบวงจร สิ้นปีนี้คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งทางอินเด็กซ์ถือหุ้นในบริษัทนี้กว่า 70% และนายอดิลฟิตรีถือหุ้น30%
3.บริษัท บลู มีเดีย จำกัด เป็นการร่วมทุนกับนักธุรกิจชื่อดัง อย่าง นายสันต์ ภิรมย์ภักดี และนายบูรพาภรณ์ มุสิกสินธร ในการดำเนินการช่วยลูกค้าวางแผนการใช้สื่อด้านบลูทูธ มุ่งเรื่องของการขายเป็นสำคัญ โดยอินเด็กซ์ถือหุ้นในบริษัทนี้กว่า 40% นายบูรพาภรณ์ 40% และนายสันต์อีก 20% ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 12 ล้านบาท
นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน เจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การแตกไลน์ธุรกิจใหม่นี้ ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 10 ล้านบาท โดยถือเป็นธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยง จากธุรกิจอีเว้นท์ซึ่งธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ให้ในปัจจุบัน ที่สร้างยอดขายให้ไม่ต่ำกว่า 50% โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าใน 2-3 ปีหลังจากนี้ ต้องการให้สัดส่วนของอีเว้นท์อยู่ที่ประมาณ 30% และที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆรวม 70%
อย่างไรก็ตามรายได้ในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา พบว่า มีอัตราการเติบโตกว่า 99% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 358.05 ล้านบาท จาก 177.89 ล้านบาทของไตรมาสหนึ่งในปีก่อน โดยกว่า 70% มาจากลูกค้าเอกชน และ30% มาจากภาครัฐ ทั้งนี้มองว่าในครึ่งปีหลังจากนี้ รายได้จากภาครัฐอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะอินเด็กซ์ได้งานภาครัฐเข้ามาเพิ่มขึ้น
หรือทั้งปียังมั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 225 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,560 ล้านบาท