ผ่านพ้นวิกฤตเรตติ้งรายการเด็กช่วงต้นปี “ซูเปอร์จิ๋ว” ไม่หวั่นผู้สนับสนุนรายการเข้าใจ รายได้ยังดีอยู่ เดินหน้าผุดรายการเพิ่ม 2 รายการ ทั้ง มอร์เกม และ ขบวนการไร้พุง ตบท้ายด้วยธุรกิจอีเวนต์ที่ไปได้สวย สิ้นปีฝันรายได้รวมทะลุ 200 ล้านบาท หรือโตอีกอย่างน้อย 10%
นายวิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด เปิดเผยว่า จากช่วงต้นปีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการถกเถียงให้มีการจัดเรตติ้งรายการสำหรับเด็กและเยาวชนเกิดขึ้น ช่วงแรกมีปัญหาบ้างแต่หลังจากที่ศึกษารายละเอียดต่างๆ พบว่า รายการ ซูเปอร์จิ๋ว อยู่ในกรอบและระเบียบของการจัดเรตติ้ง ซึ่งในแง่ของโฆษณาและผู้สนับสนุนรายการ ทางบริษัทได้มีการชี้แจงพูดคุย จนเป็นที่เข้าใจกัน ทำให้ปัญหานี้หมดไป ส่งผลให้รายได้ที่มาจากรายการซูเปอร์จิ๋วยังดีอยู่ ขณะเดียวกัน เรตติ้งรายการก็ยังดีอยู่เช่นกัน
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีรายการที่ผลิตเพิ่มอีก 2 รายการ คือ ม.เกมส์ ออกอากาศทางช่อง9โมเดิร์นไนน์ ทุกวันจันทร์ เวลา 17.35-18.00 น.ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดอีก 1 รายการ คือ ขบวนการไร้พุง ซึ่งได้ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. สนับสนุนเรื่องต้นทุนการผลิต ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ หรือไทยพีบีเอส เวลา 18.35-19.00 น.ทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เริ่มตอนแรกวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้เป็นรายการรับจ้างผลิต ภายใต้บริษัทลูก ชื่อ บริษัท แก็งค์ซูเปอร์ จำกัด
“รูปแบบรายการในฟรีทีวี เช่น ซูเปอร์จิ๋ว จะมีต้นทุนการผลิตสูงไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท ต่อการออกอากาศในแต่ละสัปดาห์ เนื่องจากมีความหลากหลายในรายการค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกภาคสนามและการทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ส่วนรายการรับจ้างผลิต เช่น ขบวนการไร้พุง จะเป็นรายการที่มีความหลากหลายน้อยกว่า อีกทั้งอิงเรื่องสาระสร้างสรรค์ ไม่มุ่งหากำไร ทำเพื่อสังคม ต้นทุนการผลิตจึงน้อยกว่าซูเปอร์จิ๋วค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ตาม จากการที่มีรายการเพิ่มอีก 2 รายการเข้ามา ส่งผลให้รายได้ที่มีจากรายการโทรทัศน์ จะเพิ่มสูงขึ้น 20% จากปีก่อนที่รายการโทรทัศน์ สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 50 ล้านบาท จากรายได้รวม 180 ล้านบาท โดยอีก 130 ล้านบาท ที่เหลือมาจากธุรกิจอีเวนต์
นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจอีเวนต์ ที่ทำมากว่า 8 ปี ภายใต้บริษัท ซูเปอร์จิ๋วอีเว้นท์ จำกัด 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตขึ้นถึง 10% ขณะที่ครึ่งปีหลังนี้มองว่า จะมีการเติบโตได้เพียง 5% หรือทั้งปีบริษัทฯจะพยายามรักษาการเติบโตไว้ที่ 5% ไว้ให้ได้ หรือทั้งปีคาดว่ารายได้จากธุรกิจอีเว้นท์จะได้ไม่ต่ำกว่า 145-150 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้มองว่าการเติบโตของธุรกิจอีเวนต์ไว้เพียง 5% เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ถึงแม้แนวโน้มครึ่งปีหลังจะคาดการณ์กันว่า จะมีการจัดอีเวนต์มากกว่าครึ่งปีแรก แต่ลูกค้าที่จัดกิจกรรมอีเวนต์ ส่วนใหญ่จะจำกัดงบมากขึ้น มีการพิจารณาการใช้งบประมาณมากกว่าปีก่อนค่อนข้างสูง ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ จึงไม่ค่อยโตมากนัก
นายวิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด เปิดเผยว่า จากช่วงต้นปีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการถกเถียงให้มีการจัดเรตติ้งรายการสำหรับเด็กและเยาวชนเกิดขึ้น ช่วงแรกมีปัญหาบ้างแต่หลังจากที่ศึกษารายละเอียดต่างๆ พบว่า รายการ ซูเปอร์จิ๋ว อยู่ในกรอบและระเบียบของการจัดเรตติ้ง ซึ่งในแง่ของโฆษณาและผู้สนับสนุนรายการ ทางบริษัทได้มีการชี้แจงพูดคุย จนเป็นที่เข้าใจกัน ทำให้ปัญหานี้หมดไป ส่งผลให้รายได้ที่มาจากรายการซูเปอร์จิ๋วยังดีอยู่ ขณะเดียวกัน เรตติ้งรายการก็ยังดีอยู่เช่นกัน
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีรายการที่ผลิตเพิ่มอีก 2 รายการ คือ ม.เกมส์ ออกอากาศทางช่อง9โมเดิร์นไนน์ ทุกวันจันทร์ เวลา 17.35-18.00 น.ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดอีก 1 รายการ คือ ขบวนการไร้พุง ซึ่งได้ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. สนับสนุนเรื่องต้นทุนการผลิต ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ หรือไทยพีบีเอส เวลา 18.35-19.00 น.ทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เริ่มตอนแรกวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้เป็นรายการรับจ้างผลิต ภายใต้บริษัทลูก ชื่อ บริษัท แก็งค์ซูเปอร์ จำกัด
“รูปแบบรายการในฟรีทีวี เช่น ซูเปอร์จิ๋ว จะมีต้นทุนการผลิตสูงไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท ต่อการออกอากาศในแต่ละสัปดาห์ เนื่องจากมีความหลากหลายในรายการค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกภาคสนามและการทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ส่วนรายการรับจ้างผลิต เช่น ขบวนการไร้พุง จะเป็นรายการที่มีความหลากหลายน้อยกว่า อีกทั้งอิงเรื่องสาระสร้างสรรค์ ไม่มุ่งหากำไร ทำเพื่อสังคม ต้นทุนการผลิตจึงน้อยกว่าซูเปอร์จิ๋วค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ตาม จากการที่มีรายการเพิ่มอีก 2 รายการเข้ามา ส่งผลให้รายได้ที่มีจากรายการโทรทัศน์ จะเพิ่มสูงขึ้น 20% จากปีก่อนที่รายการโทรทัศน์ สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 50 ล้านบาท จากรายได้รวม 180 ล้านบาท โดยอีก 130 ล้านบาท ที่เหลือมาจากธุรกิจอีเวนต์
นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจอีเวนต์ ที่ทำมากว่า 8 ปี ภายใต้บริษัท ซูเปอร์จิ๋วอีเว้นท์ จำกัด 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตขึ้นถึง 10% ขณะที่ครึ่งปีหลังนี้มองว่า จะมีการเติบโตได้เพียง 5% หรือทั้งปีบริษัทฯจะพยายามรักษาการเติบโตไว้ที่ 5% ไว้ให้ได้ หรือทั้งปีคาดว่ารายได้จากธุรกิจอีเว้นท์จะได้ไม่ต่ำกว่า 145-150 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้มองว่าการเติบโตของธุรกิจอีเวนต์ไว้เพียง 5% เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ถึงแม้แนวโน้มครึ่งปีหลังจะคาดการณ์กันว่า จะมีการจัดอีเวนต์มากกว่าครึ่งปีแรก แต่ลูกค้าที่จัดกิจกรรมอีเวนต์ ส่วนใหญ่จะจำกัดงบมากขึ้น มีการพิจารณาการใช้งบประมาณมากกว่าปีก่อนค่อนข้างสูง ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ จึงไม่ค่อยโตมากนัก