นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเยนซี่ จำกัด หรืออินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์ในปีนี้บริษัทเชื่อว่ายังจะสามารถเติบโตได้ที่ 10% ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของธุรกิจโฆษณา แม้ว่าขะมีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการสินค้าชะลอการจัดงานไปบ้าง แต่การชะลอดังกล่าวเป็นเพียงเลื่อนการจัดงาน เช่น จากวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเลือกเป็นวันเคลื่อนการชุมนุมเปลี่ยนเป็นวันธรรมดา หรือเลื่อนการจัดงานออกไปเป็นสัปดาห์ เพื่อรอดูสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้กระทบกับการจัดงาน ซึ่งในส่วนของบริษัทยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้ลูกค้าเลื่อนการจัดงานออกไป 1 สัปดาห์เพียงรายเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าจากสื่อที่มีการเผยแพร่ออกไปเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง ส่งผลให้ขณะนี้กลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศที่ต้องการจะเข้ามาจัดงานในประเทศไทยเริ่มมีการสอบถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เนื่องจากภาพการชุมนุมประท้วงปิดสนามบินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยพอสมควร ซึ่งหากสถานการณ์ชุมนุมมีความยืดเยื้อและเกิดเหตุการร้ายแรง บริษัทคาดว่าอาจจะส่งผลกับภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์ได้ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ
“ภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์โดยส่วนตัวมองว่าอย่างไรก็ดี เพราะรัฐบาลมีงบเพิ่มขึ้นถึง 40,000 ล้านบาทที่จะนำเข้ามาอัดฉีด นอกจากนี้ยังมีงบประมาณของโครงการไทยเข้มแข็งที่จะนำเข้ามาช่วยเหลือคนไทย จากปัจจัยดังกล่าวคงต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะออกมาใช้งบอย่างไร และขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะยื้ออยู่บริหารประเทศไทยนานเท่าไร เพราะถ้ายิ่งอยู่นานก็จะมีผลงานให้คนไทยได้เห็น หากมีการเปลี่ยนแปลงเลือกตั้งใหม่อย่างไรก็แพ้ เพราะวันนี้ยังไม่มีผลงาน แต่ถ้าอยู่ได้นานตะแนนเสียงก็จะเริ่มมา เนื่องจากโครงการที่ประกาศออกไปคนเริ่มรับรู้ไม่ว่าจะเป็นงบไทยเข้มแข็ง หรือโครงการเรียนฟรี”นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับภาพรวมของธุรกิจอีเวนท์ในช่วงไตรมาสแรกนี้ยอมรับว่ายังไม่ค่อยมีผู้ประกอบการสินค้าออกมาใช้เงินมากนัก ซึ่งก็ถือเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัท โดยเฉพาะการออกมาใช้เงินในการจัดงานอีเว้นท์ของหน่วยงานภาครัฐ แต่ถ้านำมาเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากมี.ค.ของปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น และเป็นช่วงที่เพิ่งมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล จึงทำให้การบริหารงานยังไม่ลงตัวมากนัก
“ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะวางเกมทางการเมืองอย่างไร และจะมีการใช้เงินที่ได้มาอย่างไร ซึ่งสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในขณะนี้คืออยากให้รัฐบาลอยู่นานๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป เพราะถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทุกอย่างก็จะหยุดชะงักและเริ่มต้นใหม่ เนื่องจากต้องมีการเปลี่ยนรัฐมนตรี ทุกอย่างต้องรอนายใหม่ทั้หมด ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้ครบเทอม”นายเกรียงไกรกล่าว
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าที่ออกมาใช้งบมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมายังคงเป็นกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์ (อุปโภคบริโภค) สังเกตุได้จากซันซิลที่ออกมาใช้งบจัดกิจกรรมหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์หลังจากชะลอการจัดแคมเปญใหญ่ไปนาน นอกจากนี้ในส่วนของกลุ่มสินค้ารถยนต์ก็เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการออกมาใช้งบจัดงานอีเว้นท์มากขึ้นภายหลังงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปจบลง ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยังคงใช้งบในการจัดงานอีเว้นท์ลดลงยังคงเป็นมือถือ และอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าจากสื่อที่มีการเผยแพร่ออกไปเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง ส่งผลให้ขณะนี้กลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศที่ต้องการจะเข้ามาจัดงานในประเทศไทยเริ่มมีการสอบถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เนื่องจากภาพการชุมนุมประท้วงปิดสนามบินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยพอสมควร ซึ่งหากสถานการณ์ชุมนุมมีความยืดเยื้อและเกิดเหตุการร้ายแรง บริษัทคาดว่าอาจจะส่งผลกับภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์ได้ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ
“ภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์โดยส่วนตัวมองว่าอย่างไรก็ดี เพราะรัฐบาลมีงบเพิ่มขึ้นถึง 40,000 ล้านบาทที่จะนำเข้ามาอัดฉีด นอกจากนี้ยังมีงบประมาณของโครงการไทยเข้มแข็งที่จะนำเข้ามาช่วยเหลือคนไทย จากปัจจัยดังกล่าวคงต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะออกมาใช้งบอย่างไร และขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะยื้ออยู่บริหารประเทศไทยนานเท่าไร เพราะถ้ายิ่งอยู่นานก็จะมีผลงานให้คนไทยได้เห็น หากมีการเปลี่ยนแปลงเลือกตั้งใหม่อย่างไรก็แพ้ เพราะวันนี้ยังไม่มีผลงาน แต่ถ้าอยู่ได้นานตะแนนเสียงก็จะเริ่มมา เนื่องจากโครงการที่ประกาศออกไปคนเริ่มรับรู้ไม่ว่าจะเป็นงบไทยเข้มแข็ง หรือโครงการเรียนฟรี”นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับภาพรวมของธุรกิจอีเวนท์ในช่วงไตรมาสแรกนี้ยอมรับว่ายังไม่ค่อยมีผู้ประกอบการสินค้าออกมาใช้เงินมากนัก ซึ่งก็ถือเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัท โดยเฉพาะการออกมาใช้เงินในการจัดงานอีเว้นท์ของหน่วยงานภาครัฐ แต่ถ้านำมาเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากมี.ค.ของปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น และเป็นช่วงที่เพิ่งมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล จึงทำให้การบริหารงานยังไม่ลงตัวมากนัก
“ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะวางเกมทางการเมืองอย่างไร และจะมีการใช้เงินที่ได้มาอย่างไร ซึ่งสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในขณะนี้คืออยากให้รัฐบาลอยู่นานๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป เพราะถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทุกอย่างก็จะหยุดชะงักและเริ่มต้นใหม่ เนื่องจากต้องมีการเปลี่ยนรัฐมนตรี ทุกอย่างต้องรอนายใหม่ทั้หมด ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้ครบเทอม”นายเกรียงไกรกล่าว
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าที่ออกมาใช้งบมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมายังคงเป็นกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์ (อุปโภคบริโภค) สังเกตุได้จากซันซิลที่ออกมาใช้งบจัดกิจกรรมหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์หลังจากชะลอการจัดแคมเปญใหญ่ไปนาน นอกจากนี้ในส่วนของกลุ่มสินค้ารถยนต์ก็เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการออกมาใช้งบจัดงานอีเว้นท์มากขึ้นภายหลังงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปจบลง ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยังคงใช้งบในการจัดงานอีเว้นท์ลดลงยังคงเป็นมือถือ และอสังหาริมทรัพย์