xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.แฉเด็กคนพท.เอี่ยวทุจริต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตฯ ร่วมกันแถลงข่าวผลสรุปของการตรวจสอบ
นายเจริญ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องจำนวน 6 คนได้ผลสรุปว่า น่าจะมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในโครงการนี้ดังต่อไปนี้ 1. สินค้าของโครงการนี้ไม่มีคู่แข่งขัน 2. การเบิกเงินค่าสินค้าทำได้รวดเร็วมาก เพราะรู้ว่าเงินอนุมัติเมื่อไหร่ 3. สินค้าที่อนุมัติบางอย่างเกินกว่าราคาจริง แต่มีการแถมสินค้าอื่นที่ไม่เหมาะกับเศรษฐกิจพอเพียง พฤติกรรมอย่างนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อยกระดับเพื่อยกระดับชุมชน(สพช.)ทราบ แต่กลับไม่หาทางยับยั้งแก้ไขให้ถูกต้อง
นายเจริญ กล่าวว่า สำหรับสมาชิกพรรคที่เข้าไปเกี่ยวข้องปรากฏตามหลักฐานมีอยู่ 4 คน โดยร่วมมือกับบริษัท และกรรมการชุมชนเพื่อขายสินค้า แต่ไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุนว่าได้รับประโยชน์ในการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งกรรมการสอบสวนเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากสมาชิกพรรคกลุ่มดังกล่าวรู้จักกับกรรมการชุมชนเป็นอย่างดี จึงมีการโน้มน้าวให้ชุมชนตัดสินใจเสนอโครงการลักษณะดังกล่าว ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายแก่พรรคได้
ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตฯ กล่าวว่าตนไม่สามารถระบุชื่อได้ เพราะจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นระบบ ส.ข.และสมาชิกพรรคระดับธรรมดา แต่ระดับใหญ่กว่านั้นยังไม่พบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พบคนตระกูล สภาวสุ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตฯ กล่าวว่า ยังไม่พบ เมื่อถามต่อว่า ไม่มีการโยงไปถึงคนตระกูลนี้หรือไม่ นายเจริญ กล่าวว่า ไม่พบ
ด้านนายอรรถวิชญ์ กล่าวว่า เป็นการอ้างชื่อนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ไปหากิน ซึ่งได้เปิดเผยมาแล้วว่าคนที่อ้างชื่อมีความเกี่ยวพันกับส.ส. ของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ว่าเป็นใคร แต่ได้แจ้งความ ดำเนินคดีแล้ว ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์และนายประโภชน์ สภาวสุ รอง ผอ.สพช. น้องชายนายกอร์ปศักดิ์ ก็ได้ลาออกไปแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คงเป็นที่ประจักษ์ในอนาคตต่อไปว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ภาคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง และยืนยันว่าจะไม่หยุดยั้งโครงการชุมชนพอเพียง และจะไม่หยุดยั้งในการที่จะให้ประชาชนเข้าถึงโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนของตัวเอง
ส่วนนายนิพิฎฐ์ กล่าวเสริมว่า ที่เราสอบสวนมาทั้งหมดความไม่โปร่งใส เกิดมาจากการบรรจุสินค้าเหล่านี้เข้าโครงการ ซึ่งมีสินค้าประมาณ 6 - 7 ชนิด เมื่อตัวสินค้าถูกบรรจุในตัวโครงการเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นกระบวนการขายสินค้า เมื่อรู้จักคนในชุมชนมากก็ขายสินค้าได้มากกำไรก็มาก กระบวนการทุจริตได้เริ่มตั้งแต่การบรรจุสินค้าเข้าสู่โครงการ
ทั้งนี้สมาชิกพรรคได้ร่วมกับพนักงานบริษัท เพื่อเข้าไปติดต่อเพื่อขายสินค้า เท่านั้นเอง ซึ่งต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุดเพื่อดูว่า ความผิดที่ระบุถึงร้ายแรงขนาดไหน ตั้งแต่ตักเตือน ลบชื่อขับออกจากพรรค ส่วนหากจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนทุจริตก็ต้องเป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการไม่ได้สรุปว่า 4 คนดังกล่าวทุจริต แต่มีพฤติกรรมบางส่วนที่นำสินค้าไปขายกับชุมชนไม่ได้บอกว่ามาจากโครงการไหน การปกปิดข้อความอย่างนี้ทำให้ชุมชนหลงเชื่อแล้วเสนอโครงการเหล่านี้เข้าไป
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ถ้าหากมีการทุจริตก็อยู่ขั้นตอนบรรจุสินค้านี้เข้าสู่โครงการ เมื่อบรรจุสินค้าแล้วในกระบวนการขายไม่น่าจะทุจริต เราไม่มีอำนาจสอบสวนลึกไป มากกว่านี้ เพราะอำนาจตามที่ได้รับคำสั่งมาให้สอบสวนเฉพาะสมาชิกพรรคเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วจะเอาตัวคนก่อการมาได้อย่างไร นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ต้องตั้งกรรมการของรัฐบาลขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพราะเราไม่มีอำนาจไปสอบสวนบุคคลอื่น ซึ่งเราได้พิมพ์เอกสารสรุปผลการสอบสวน เพื่อส่งให้กับนายกรัฐมนตรีแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น