นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย กดดันให้พิจารณาปลดนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุไปก้าวก่ายโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล และปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียงว่า เรื่องชุมชนพอเพียงอยู่ที่ข้อเท็จจริง และหลักฐาน ขณะนี้กำลังให้รวบรวมตัวเลข และขั้นตอนที่เป็นปัญหา โดยแบ่งออกเป็น
ส่วนแรกคือ ในพื้นที่ ที่มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งไปใช้วิธีการเพื่อให้ชุมชนเสนอโครงการอย่างที่ตนเอง ต้องการ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า คนเหล่านี้ไปสมคบกับบริษัทเอกชนที่ต้องการขาย สินค้าของตนเอง ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบว่า ราคาแพงหรือไม่ ขัดกับความต้องการชุมชนหรือไม่ มีการผ่านกระบวนการประชาคมอย่างที่กำหนดหรือไม่
ส่วนที่ 2 คือในสำนักงาน ที่ต้องไปตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องระดับไหน ก็ต้องว่าไปตามนั้น
ส่วนที่ 3 ไปเชื่อมกับส่วนพื้นที่ทำให้เกิดน้ำหนักของพื้นที่เวลาที่ไปอ้างว่า ถ้าไม่เสนอโครงการอย่างนี้ จะไม่ได้รับการอนุมัติ ถ้าเสนอโครงการนี้ถึงจะได้รับอนุมัติ เลยไปเข้าทางคนที่ต้องการขายสินค้าที่ล็อกไว้อยู่ แต่ยืนยันว่าโครงการส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา เพราะจะมีคนมาบอกว่าให้ล้มโครงการนี้ ซึ่งไม่ควรจะล้มโครงการนี้
ส่วนกรณีนายกอร์ปศักดิ์ นั้น กำลังดูข้อมูลทั้งหมดอยู่ แต่เท่าที่ตนติดตามการทำงานของนายกอร์ปศักดิ์ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ถ้ามีหลักฐานว่านายกอร์ปศักดิ์ ไปทำอะไร ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ส่วนในนโยบายอื่นๆ เมื่อนายกอร์ปศักดิ์ เป็นผู้กำกับดูแลงานของกระทรวง ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ทั้งหมดมีปัญหาอะไร ก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งครม.เป็นผู้ตัดสิน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว
"เสียใจ แน่นอนที่ทำให้มีปัญหากับโครงการอย่างนี้ และไม่พอใจอย่างมากที่มีคนหากินกับเรื่องแบบนี้ และจะเดินหน้าตรวจสอบในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์ที่มี ข่าวออกมาว่ายังไม่มีหลักฐาน ผมก็ได้ส่งหลักฐานให้เพิ่มแล้ว เพราะมีคนร้องมา ไม่มีการที่จะไปฟอกใครทั้งสิ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การที่พรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุเช่นนี้จะเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งในรัฐบาล หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ทุกคนก็มีความเห็นได้ในเรื่องการทำงานของรัฐมนตรี แต่เราก็อยากให้มาคุยกันเป็นเรื่องภายใน เพราะเวลาออกไปข้างนอก มันจะเป็นสิ่งที่กระทบความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล เพราะประชาชนไม่ชอบเวลาที่คนในรัฐบาลมาขัดแย้งกันเอง เพราะเรามีหน้าที่ทำงาน เห็นอะไรที่ต่างกัน ก็ควรจะคุยกันข้างในให้มากที่สุด ซึ่งได้ย้ำไปแล้ว แต่เรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองห้ามกันยาก ตนก็เข้าใจ บางครั้ง ส.ส. นักการเมือง แกนนำพรรคต่างๆ ต้องแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่ในขอบเขต เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้ปลดนายกอร์ปศักดิ์นั้น เป็นการเรียกร้องทางการเมืองที่มากเกินไป ตนเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวผู้ดูแลโครงการ เพราะถือเป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น และเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ โดยหลังจากมีข่าวว่า มี ส.ข.ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเกี่ยวข้อง พรรคก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ จึงต้องรอผลการตรวจสอบก่อน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ต้องยอมรับว่าโครงการมีจำนวนมาก ก็ต้องมีข้อบกพร้องบ้าง แต่ก็ต้องดูว่ารัฐบาลใส่ใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ มีการปล่อยปละหรือส่งเสริมให้มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ถ้ามี ฝ่ายค้านก็สามารถตรวจสอบได้
ส่วนแรกคือ ในพื้นที่ ที่มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งไปใช้วิธีการเพื่อให้ชุมชนเสนอโครงการอย่างที่ตนเอง ต้องการ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า คนเหล่านี้ไปสมคบกับบริษัทเอกชนที่ต้องการขาย สินค้าของตนเอง ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบว่า ราคาแพงหรือไม่ ขัดกับความต้องการชุมชนหรือไม่ มีการผ่านกระบวนการประชาคมอย่างที่กำหนดหรือไม่
ส่วนที่ 2 คือในสำนักงาน ที่ต้องไปตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องระดับไหน ก็ต้องว่าไปตามนั้น
ส่วนที่ 3 ไปเชื่อมกับส่วนพื้นที่ทำให้เกิดน้ำหนักของพื้นที่เวลาที่ไปอ้างว่า ถ้าไม่เสนอโครงการอย่างนี้ จะไม่ได้รับการอนุมัติ ถ้าเสนอโครงการนี้ถึงจะได้รับอนุมัติ เลยไปเข้าทางคนที่ต้องการขายสินค้าที่ล็อกไว้อยู่ แต่ยืนยันว่าโครงการส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา เพราะจะมีคนมาบอกว่าให้ล้มโครงการนี้ ซึ่งไม่ควรจะล้มโครงการนี้
ส่วนกรณีนายกอร์ปศักดิ์ นั้น กำลังดูข้อมูลทั้งหมดอยู่ แต่เท่าที่ตนติดตามการทำงานของนายกอร์ปศักดิ์ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ถ้ามีหลักฐานว่านายกอร์ปศักดิ์ ไปทำอะไร ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ส่วนในนโยบายอื่นๆ เมื่อนายกอร์ปศักดิ์ เป็นผู้กำกับดูแลงานของกระทรวง ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ทั้งหมดมีปัญหาอะไร ก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งครม.เป็นผู้ตัดสิน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว
"เสียใจ แน่นอนที่ทำให้มีปัญหากับโครงการอย่างนี้ และไม่พอใจอย่างมากที่มีคนหากินกับเรื่องแบบนี้ และจะเดินหน้าตรวจสอบในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์ที่มี ข่าวออกมาว่ายังไม่มีหลักฐาน ผมก็ได้ส่งหลักฐานให้เพิ่มแล้ว เพราะมีคนร้องมา ไม่มีการที่จะไปฟอกใครทั้งสิ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การที่พรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุเช่นนี้จะเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งในรัฐบาล หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ทุกคนก็มีความเห็นได้ในเรื่องการทำงานของรัฐมนตรี แต่เราก็อยากให้มาคุยกันเป็นเรื่องภายใน เพราะเวลาออกไปข้างนอก มันจะเป็นสิ่งที่กระทบความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล เพราะประชาชนไม่ชอบเวลาที่คนในรัฐบาลมาขัดแย้งกันเอง เพราะเรามีหน้าที่ทำงาน เห็นอะไรที่ต่างกัน ก็ควรจะคุยกันข้างในให้มากที่สุด ซึ่งได้ย้ำไปแล้ว แต่เรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองห้ามกันยาก ตนก็เข้าใจ บางครั้ง ส.ส. นักการเมือง แกนนำพรรคต่างๆ ต้องแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่ในขอบเขต เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้ปลดนายกอร์ปศักดิ์นั้น เป็นการเรียกร้องทางการเมืองที่มากเกินไป ตนเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวผู้ดูแลโครงการ เพราะถือเป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น และเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ โดยหลังจากมีข่าวว่า มี ส.ข.ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเกี่ยวข้อง พรรคก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ จึงต้องรอผลการตรวจสอบก่อน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ต้องยอมรับว่าโครงการมีจำนวนมาก ก็ต้องมีข้อบกพร้องบ้าง แต่ก็ต้องดูว่ารัฐบาลใส่ใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ มีการปล่อยปละหรือส่งเสริมให้มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ถ้ามี ฝ่ายค้านก็สามารถตรวจสอบได้