นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียง ว่า จะรอรายงานตัวเลขรายละเอียดทั้งหมดเข้ามาก่อน เท่าที่ทราบโครงการฯมีการอนุมัติแล้ว 5,300 ล้านบาท ส่วนโครงการฯที่ถูกวิจารณ์วงเงินประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็น 1 % เป็นปัญหาจากการซื้อของใหม่ และพบว่ามีคนเข้าไปเกี่ยวข้องในการจัดซื้อของเหล่านี้ ส่วนจะแพงมากน้อยแค่ไหนกำลังตรวจสอบอยู่ แต่ถ้าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ไม่เป็นไปตามความต้องการของชุมชน หรือมีความไม่โปร่งใสรัฐบาลก็ไม่ยอม ดังนั้นโครงการประเภทเดียวกันที่รออนุมัติจึงมีการระงับไปหมดแล้ว
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง และมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ป.ป.ช.แล้ว ส่วนที่มีข่าวว่า มีคนไปตรวจสอบและถูกพักงานถ้าระบุชื่อมาได้ก็จะดี แต่มันไม่มี มีแต่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเคยเข้ามาช่วยงาน ในโครงการและเป็นผู้ถูกร้องเรียน จึงถูกให้หยุดปฏิบัติงานไป ผมยินดีรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ถ้านำรายละเอียดมาจะดูแลให้โปร่งใส
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การทุจริตแยกเป็นสองส่วน แต่ถ้าสรุปเดี๋ยวจะหาว่า ตนอย่างนั้นอย่างนี้ คือในฝ่ายการเมือง มีกระบวนการของนักการเมืองท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับการส่งโครงการขึ้นมาอนุมัติ บวกกับคนในสำนักงานฯที่ถูกแจ้งความไป ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจว่ามีปัญหามาตั้งแต่โครงการเอสเอ็มแอล เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ ทำงานชุดเดียวมาต่อเนื่อง ส่วนระดับการเมืองนั้นถ้ามีอะไรที่บ่งบอก ก็ต้องดำเนินการ เพราะกติกาที่เรียกว่ากฎเหล็ก 9 ข้อนั้นยังอยู่ทุกประการ เพราะฉะนั้นตนจะติดตาม และให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ที่ดูแลเรื่องนี้สรุปรายงานมาให้ก่อน และพร้อมจะนำข้อมูลที่ฝ่ายค้าน ยื่นมาแล้วแต่ตนยังไม่ได้เห็นนั้นมาดูพร้อมๆ กันไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์เหมือนปกป้องนายกอร์ปศักดิ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการพบอะไรผิดปกติ ตนรับฟังรองนายกฯ มาโดยตลอด ซึ่งเห็นชัดเจนว่านายกอร์ปศักดิ์มีความระมัดระวัง จนถูกต่อว่ามาตลอด ว่าอนุมัติช้า ท่านก็บอกว่าระมัดระวังและเป็นห่วง แต่หากมีข้อมูลอะไรส่งมาตนก็จะดู ซึ่งท่านเข้าใจดี ซึ่งตนจะดูข้อเท็จจริงและความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวแย้งว่าแต่การจัดซื้อนั้นต้องผ่านนายประโภชฌ์ สภาวสุ น้องชาย นายกอร์ปศักดิ์ ที่ต้องเป็นคนอนุมัติโครงการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนให้ส่ง โครงสร้างมาให้ดู เพราะเท่าที่ตรวจสอบกับนายกอร์ปศักดิ์และท่านอื่นๆ พบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นปัญหาอย่างนั้นจริงก็ต้องว่ากันอย่างตรงไปตรงมา
อนึ่ง โครงการเอสเอ็มแอล เกิดขึ้นในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีการร้องเรียนขึ้นมายังส่วนกลางอย่างมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่ให้เงินไปทำ โดยไม่มีการตรวจสอบ ถูกเปลี่ยนชื่อในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธิ์ จุลานนท์ ก่อนที่จะกลับมาเป็นเอสเอ็มแอลในสมัยนายสมัคร สุนทรเวชและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายฯ แต่ไม่มีการตรวจสอบ จนสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการ ตรวจสอบข้อมูลการทุจริตในขณะนี้ ยังไม่พบว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีส่วนเกี่ยวข้อง ตามที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา ขณะเดียวกันคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งสำนักงานชุมชนพอเพียงได้ดำเนินคดีกับพนักงานในสำนักงานที่พบหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต หากองค์กรอิสระที่ดำเนินการตรวจสอบพบข้อมูล การทุจริตนั้น พรรคจะดำเนินการตามข้อมูลดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายประโภชฌ์ ในฐานะผู้ขับเคลื่อนและอนุมัติงานตามนโยบายฯ ที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ นายกรัฐมนตรี ปลดออก พร้อมนายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานโครงการฯ และนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.โครงการฯ โดยประวัติของนายประโภชฌ์ เป็นน้องคนสุดท้องของนายกอร์ปศักดิ์ เคยเป็นส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเอกภาพ ปี 2531 ควบผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในปี 2533 สอบตกเลือกตั้ง ส.ส.พระนครศรีอยุธยาปี 2540 ในปี 2544 ได้รับเลือกเป็น ส.ว.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ปี 2550 ลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน หมายเลข 15 พรรคมัชฌิมาธิปไตยแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง มาในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นายกรอ์ปศักดิ์ดึงตัวให้มาช่วยดูแลงาน โครงการชุมชนพอเพียงจน
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่คณะกรรมการตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เป็นความผิดชุมชนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และผู้บริหารในพรรคฯ เชื่อว่า เป็นการพยายามปกป้องความผิดให้กับพรรคพวกเดียวกัน ดูเหมือนจะเป็นการตัดตอนเพื่อไม่ให้กระทบ ชี้ให้เห็นว่า การกระทำความผิดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับพรรค แต่เป็นความผิดของชุมชน ดังนั้นจึงจะเรียกประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อวางแนวทางการลงพื้นที่หาข้อมูล มาตรวจสอบในเชิงลึกเพิ่มเติม เพื่อจะได้เอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างแท้จริงให้ได้
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง และมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ป.ป.ช.แล้ว ส่วนที่มีข่าวว่า มีคนไปตรวจสอบและถูกพักงานถ้าระบุชื่อมาได้ก็จะดี แต่มันไม่มี มีแต่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเคยเข้ามาช่วยงาน ในโครงการและเป็นผู้ถูกร้องเรียน จึงถูกให้หยุดปฏิบัติงานไป ผมยินดีรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ถ้านำรายละเอียดมาจะดูแลให้โปร่งใส
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การทุจริตแยกเป็นสองส่วน แต่ถ้าสรุปเดี๋ยวจะหาว่า ตนอย่างนั้นอย่างนี้ คือในฝ่ายการเมือง มีกระบวนการของนักการเมืองท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับการส่งโครงการขึ้นมาอนุมัติ บวกกับคนในสำนักงานฯที่ถูกแจ้งความไป ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจว่ามีปัญหามาตั้งแต่โครงการเอสเอ็มแอล เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ ทำงานชุดเดียวมาต่อเนื่อง ส่วนระดับการเมืองนั้นถ้ามีอะไรที่บ่งบอก ก็ต้องดำเนินการ เพราะกติกาที่เรียกว่ากฎเหล็ก 9 ข้อนั้นยังอยู่ทุกประการ เพราะฉะนั้นตนจะติดตาม และให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ที่ดูแลเรื่องนี้สรุปรายงานมาให้ก่อน และพร้อมจะนำข้อมูลที่ฝ่ายค้าน ยื่นมาแล้วแต่ตนยังไม่ได้เห็นนั้นมาดูพร้อมๆ กันไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์เหมือนปกป้องนายกอร์ปศักดิ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการพบอะไรผิดปกติ ตนรับฟังรองนายกฯ มาโดยตลอด ซึ่งเห็นชัดเจนว่านายกอร์ปศักดิ์มีความระมัดระวัง จนถูกต่อว่ามาตลอด ว่าอนุมัติช้า ท่านก็บอกว่าระมัดระวังและเป็นห่วง แต่หากมีข้อมูลอะไรส่งมาตนก็จะดู ซึ่งท่านเข้าใจดี ซึ่งตนจะดูข้อเท็จจริงและความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวแย้งว่าแต่การจัดซื้อนั้นต้องผ่านนายประโภชฌ์ สภาวสุ น้องชาย นายกอร์ปศักดิ์ ที่ต้องเป็นคนอนุมัติโครงการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนให้ส่ง โครงสร้างมาให้ดู เพราะเท่าที่ตรวจสอบกับนายกอร์ปศักดิ์และท่านอื่นๆ พบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นปัญหาอย่างนั้นจริงก็ต้องว่ากันอย่างตรงไปตรงมา
อนึ่ง โครงการเอสเอ็มแอล เกิดขึ้นในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีการร้องเรียนขึ้นมายังส่วนกลางอย่างมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่ให้เงินไปทำ โดยไม่มีการตรวจสอบ ถูกเปลี่ยนชื่อในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธิ์ จุลานนท์ ก่อนที่จะกลับมาเป็นเอสเอ็มแอลในสมัยนายสมัคร สุนทรเวชและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายฯ แต่ไม่มีการตรวจสอบ จนสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการ ตรวจสอบข้อมูลการทุจริตในขณะนี้ ยังไม่พบว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีส่วนเกี่ยวข้อง ตามที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา ขณะเดียวกันคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งสำนักงานชุมชนพอเพียงได้ดำเนินคดีกับพนักงานในสำนักงานที่พบหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต หากองค์กรอิสระที่ดำเนินการตรวจสอบพบข้อมูล การทุจริตนั้น พรรคจะดำเนินการตามข้อมูลดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายประโภชฌ์ ในฐานะผู้ขับเคลื่อนและอนุมัติงานตามนโยบายฯ ที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ นายกรัฐมนตรี ปลดออก พร้อมนายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานโครงการฯ และนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.โครงการฯ โดยประวัติของนายประโภชฌ์ เป็นน้องคนสุดท้องของนายกอร์ปศักดิ์ เคยเป็นส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเอกภาพ ปี 2531 ควบผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในปี 2533 สอบตกเลือกตั้ง ส.ส.พระนครศรีอยุธยาปี 2540 ในปี 2544 ได้รับเลือกเป็น ส.ว.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ปี 2550 ลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน หมายเลข 15 พรรคมัชฌิมาธิปไตยแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง มาในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นายกรอ์ปศักดิ์ดึงตัวให้มาช่วยดูแลงาน โครงการชุมชนพอเพียงจน
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่คณะกรรมการตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เป็นความผิดชุมชนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และผู้บริหารในพรรคฯ เชื่อว่า เป็นการพยายามปกป้องความผิดให้กับพรรคพวกเดียวกัน ดูเหมือนจะเป็นการตัดตอนเพื่อไม่ให้กระทบ ชี้ให้เห็นว่า การกระทำความผิดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับพรรค แต่เป็นความผิดของชุมชน ดังนั้นจึงจะเรียกประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อวางแนวทางการลงพื้นที่หาข้อมูล มาตรวจสอบในเชิงลึกเพิ่มเติม เพื่อจะได้เอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างแท้จริงให้ได้