รองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ แจงสภายันจำเป็นต้องกู้เงิน 4 แสนล้าน มั่นใจอัตราาการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะมายืนอยู่ในแดนบวกช่วงเดือนตุลาคมนี้ ยืนยันชุมชนพอเพียงโปร่งใสไม่มีโกงพ ร้อมยกเลิกหากไม่ดีและพร้อมรับผิดชอบ ยันไม่เกี่ยวรัฐบาล
วันนี้ (10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายวุฒิสภาฯ ในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่อภิปรายว่า ยังไม่เห็นประโยชน์ของการนำเงิน 4 แสนล้านไปใช้จ่าย และไม่ใช่เร่งด่วนอะไรที่จะต้องกู้เงิน อาทิ นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า ตนขอให้รัฐบาลโชคดีผ่านกฎหมายฉบับนี้ให้ได้ ซึ่งตนให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เพราะยุคนี้คงหาคนดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ รองนายกฯ ชี้แจงว่า ยืนยันในความจำเป็นการต้องออก พ.ร.บ.กู้เงินครั้งนี้ ทั้งที่เดิมเคยออก พ.ร.ก.ไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะแม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะดีขึ้นจริง แต่เป็นการดีขึ้นจากสิ่งที่เลวในอดีต ทำให้จากเศรษฐกิจไม่ดีเป็นไม่ดีน้อยลง การขยายตัวทางเศรษฐกิจในเดือน ต.ค.-ธ.ค.ที่จะเป็นบวก แต่ไม่ได้ทำให้ทั้งปีเป็นบวก ดังนั้น แม้จะใช้เงิน 2 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก. และ 4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.บ. รวมแล้ว 6 แสนล้านบาท แต่ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนของรัฐบาลนี้เป็นเพียงแค่หัวเชื้อเพื่อให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นและกล้าที่จะต่อยอด
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ขอยืนยันในเรื่องความโปร่งใส เพราะถึงจะเป็นเรื่องการจ่ายเงินนอกงบประมาณ แต่การออกเป็น พ.ร.บ.ครั้งนี้ก็เพื่อให้มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบ สำหรับเงิน 4 แสนล้านบาทในการลงทุนระยะกลางและระยาว อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีรายละเอียดน้อยขณะนี้ แต่เมื่อสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ก็จะได้เข้าไปช่วยกันคิดทำให้เกิดความโปร่งใส อีกทั้งการแก้ไขรายละเอียดของงบประมาณตรงนี้ได้ ก็ต่อเมื่อทำเป็นมติครม. ซึ่งประชาชนจะได้รับทราบถึงสาเหตุหากต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
สำหรับโครงการชุมชนพอเพียงนั้น นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค อยู่ในความรับผิดชอบของตน คล้ายกับโครงการเอสเอ็มแอล แต่เป็นเอสเอ็มแอล ภาค 2 ซึ่งเอสเอ็มแอลแรก เป็นการส่งเงินไปให้ชาวบ้านแล้วจะทำอะไรก็ได้ บางแห่ง 50 หลังคาเรือนก็เอาเงินไปหารแบ่งกันเลย สำหรับโครงการชุมชนพอเพียง ที่ประชาชนที่เสนอไปอาจเกิดความหงุดหงิด เพราะเสนอไม่เป็นไปตามกรอบ จึงทำให้พ่อค้าหัวใส เข้าไปยุ่งเกี่ยวจึงทำให้เกิดปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ตนกำลังตรวจสอบอยู่และยังไม่ได้อนุมัติโครงการไป ถือเป็นการความบกพร่องของตน ที่ไม่สามารถชวยประชาชนทั้ง 8 หมื่นแห่งได้ ต่างจังหวัดและกทม.เสนอเข้ามา การตรวจสอบล่าช้าเพราะมีการแอบอ้างชื่อ โดยเฉพาะใน กทม.หลายโครงการเข้ามายาก เพราะไม่มีเกษตรกรรม จึงเสนอทำน้ำราคาถูก ซึ่งมีมูลค่าถูกถึง 2 แสนบาท โดยตัวเครื่องราคา 5 หมื่น แผงโซลาร์เซลล์ราคา 1 แสน แต่ข้อดีคือไม่ต้องเสียค่าไฟ ชาวบ้านก็เห็นด้วย และเป็นเรื่องคุ้มค่า เพราะตัวเองไม่ต้องลงทุน แต่ตนเห็นว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง จึงไม่อยากให้มีการอนุมัติโครงการฯดังกล่าว โดยขณะนี้มีการนำเสนอโครงการนี้ จำนวน 50 ล้านบาท จาก 5,300 ล้านบาท แต่มีปัญหาในเรื่องของคู่แข่งในการขายมีน้อย ทั้งนี้ตนยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ได้โกง โดยในสัปดาห์นี้จะให้ตำรวจกองปราบเข้าไปตรวจสอบ จากนั้นเราจะเข้าไปดูว่าเราจะเข้าไปเยียวยาได้อย่างไร หากอันไหนไม่ดีก็ต้องยกเลิก
“นอกจากนี้ สำนักงานชุมชนพอเพียงให้แจ้งทุกหน่วยงาน หากใครพบการทำผิดไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า นักการเมือง หรือคนของผมก็ขอให้แจ้งมาที่ผมทันที” นายกอร์ปศักดิ์กล่าว