xs
xsm
sm
md
lg

พีดีเฮ้าส์ฯดันแฟรนไชส์คุม50จว. เป้า5ปีกวาดรายได้4.5พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – บอสใหญ่พีดีเฮ้าส์ฯ เปิดเกมรุกตลาดต่างจังหวัด ดันโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ซีเป็นพระเอก เจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ลั่น 5 ปี เปิด 50 สาขา วางเป้ารายได้สูงถึง 4,500 ล้านบาท ปลื้มมาถูกทางดีมานด์ปลูกสร้างบ้านเยอะ แต่ไร้คู่แข่ง

นายสิทธิพร สุวรรณสุทธิ ประธาน บริษัทปทุมดีไซน์ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน แบรนด์ PD House กล่าวว่า หลังจากที่ได้ศึกษาตลาดและระบบการบริหารจัดการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำระบบแฟรนไชส์ซีตั้งแต่ปี 2547 ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวระบบแฟรนไชส์ซีอย่างเป็นทางการแล้ว โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้พัฒนาสาขาในจังหวัดนครราชสีมา และสาขาขอนแก่น เพื่อเปิดเป็นแฟรนไชส์สาขาต้นแบบ และทดสอบระบบต่างๆ ให้ได้ตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งล่าสุด บริษัทสามารถเปิดสาขาแฟรนไชส์เต็มระบบได้แล้ว 2 สาขา   

“ การที่พีดีเฮ้าส์เข้ามารุกธุรกิจแฟรนไชส์ เพราะเรามองไกล เนื่องจากในต่างจังหวัด ความต้องการปลูกสร้างบ้านมีจำนวนมาก ในขณะที่ปัจจุบันตลาดในต่างจังหวัดยังไม่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เข้าไปทำตลาด และจากการลงสำรวจเก็บข้อมูลตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านพบว่าผู้ประกอบการ Top 20 ในวงการรับสร้างบ้าน ไม่มีรายใดขยายตลาดไปในต่างจังหวัด” นายสิทธิพร กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการไปเปิดตลาดใหม่ๆ

สำหรับแผนการตลาดในการทำแฟรนไชส์ซีของบริษัทนั้น พีดีเฮ้าส์ฯตั้งเป้าว่า ในระยะ 5 ปีจากนี้จะสามารถขยายสาขาได้ 50 สาขา ใน 50 จังหวัด และมียอดขายรวม 4,500 -5,000 ล้านบาท หรือมีรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 900 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหน่วย 1,200 – 1,300 หน่วย เฉลี่ยปีละประมาณ 240-260 หน่วย โดยบริษัทตั้งเป้าจะทยอยเปิดรับสมาชิกแฟรนไชส์เพิ่ม โดยในปีนี้จะสามารถเปิดสาขาได้ 4 สาขา ในปี53 จำนวน 6 สาขา ปี54 อีก 8 สาขา ปี55 จำนวน10สาขา และปี56 อีก12 สาขา

ทั้งนี้ จุดเด่นที่สำคัญของระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านในรูปแบบของพีดีเฮ้าส์ ได้แก่ 1. เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคและมีประสบการณ์มานาน 20 ปี 2.เป็นแบรนด์เดียวที่มีสาขาตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจำนวน 12 สาขา 3.ความต้องการสร้างบ้านมีอยู่ทั่วประเทศ โดยตลาดรวมมีมูลค่าปีละกว่า 20,000ล้านบาท 4. ผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมีน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของตลาด ดังนั้นจึงให้โอกาสเปิดกว้างสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัดที่ปัจจุบันยังไม่มีบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำรายใด สามารถให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคได้เลย

   นายสิทธิพรกล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกแฟรนไชส์ จะมุ่งเน้นผู้ที่สามารถทำธุรกิจได้ด้วยตัวเอง สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้โดยมิต้องลองผิดลองถูก ผู้รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มผู้ประกอบการค้าวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัด บริษัทฯจึงออกแบบระบบสนับสนุนที่สำคัญหลักๆ เอาไว้ 4 ประการได้แก่ 1.แบรนด์ (Brand) 2.โนฮาวส์ (Know How) 3.ระบบงาน (System) และ 4.ทีมสนับสนุน (Team Support) โดยองค์ประกอบ 4 ข้อ จะช่วยให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม( SME )รายใหม่มีความเข้มแข็ง และไม่มีความเสี่ยงในการเริ่มต้นธุรกิจ และยังช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของผู้บริโภคที่มีต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านดีมากขึ้น

“ผู้จะสมัครเป็นสมาชิกแฟรนไชส์ของบริษัท ในเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.4 ล้านบาท โดยบริษัทจะคิดค่าแรกเข้า 4แสนบาท เงินทุนหมุนเวียน 3 ถึง 5 แสนบาท มีเงินลงทุนในธุรกิจ 1.3-1.5 ล้านบาท โดยบริษัทการันตีว่า จะมีลูกค้ามาใช้บริการ 4-6 ยูนิตต่อปี ซึ่งจะทำให้สมาชิกแฟรนไชส์สามารถคืนทุนภายใน2 ปี อย่างไรก็ตาม บริษัทกำหนดอายุสัญญาลูกค้าแฟรนไชส์ไว้ที่ 15 ปี โดยสัญญาดังกล่าวจะมีรูปแบบ 5 ปีต่อสัญญา 1 ครั้ง เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของแฟรนไชส์ด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น