ASTVผู้จัดการรายวัน- “พินิจ”นำทัพนักธุรกิจไทยบุกจีน ขยายตลาดผลไม้ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าส่งออกเป็น 4 หมื่นล้านบาทในปี 2554 หลังคนจีนนิยมบริโภคสูง ด้านบีโอไอเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่กวางโจว มั่นใจดึงนักลงทุนจีนเข้าไทยเพิ่มขึ้นแน่
นายพินิจ จารุสมบัติ นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เปิดเผยถึงการเดินทางมาร่วมชักจูงการลงทุนที่นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-21 ส.ค. ว่า การเดินทางครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดการส่งออกผลไม้จากไทยมายังจีนเพิ่มเป็น 4 หมื่นตู้ (8 แสนตัน) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาทภายในปี 2554 จากปัจจุบันที่มีการนำเข้าผลไม้โดยรวมจากไทยทั้งสิ้น 2 หมื่นตู้หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
“ตลาดผลไม้ไทยที่มาทำตลาดในจีนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 30% โดยผลไม้ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจะเข้ามายังฮ่องกงและผ่านมายังเมืองกวางโจวแล้วใช้กวางโจวเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้า ซึ่งขณะนี้คนจีนมีความเชื่อมั่นในผลไม้ไทยมาก เพราะมีคุณภาพสูงประกอบกับกวางโจวจะมีการจัดเอเชี่ยนเกมส์ในปี 2553 จะส่งผลให้มีการนำเข้าผลไม้ไทยในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น”นายพินิจกล่าว
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อุปนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า ผลไม้ไทยเป็นสินค้านำของตลาดกวางโจว เนื่องจากผลไม้ของไทยมีตลอดปีและต่างจากผลไม้จีนที่ส่วนใหญ่เป็นผลไม้เมืองหนาวจึงทำให้คนจีนนิยมบริโภคผลไม้ไทยที่มีความต่างจากของจีนและประเทศอื่นๆ ที่มักเป็นผลไม้เมืองหนาว โดยสมาคมฯ มีแผนที่จะร่วมกับนักธุรกิจจีนในการขยายตลาดผลไม้ไทยไปยังมณฑลอื่นๆ ของจีน เช่น ต้าเหลียน จูไห่ เซี่ยงไฮ้ จงซัน และหนิงไป่ พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดนำเข้าอาหารแปรรูปจากไทยมายังจีนเพิ่มเติมเนื่องจากกำลังซื้อของจีนค่อนข้างสูง
นายเยี่ย ซึ่งเจียง ผู้ประกอบการตลาดเจียงหนาน มณฑล กวางโจว กล่าวว่า ตลาดเจียงหนานได้นำเข้าผลไม้จากประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 โดยมีการนำเข้าปีละประมาณ 1.1 แสนตัน แต่ภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 2 แสนตัน โดยเฉพาะทุเรียนที่มีการนำเข้ามากสุดถึง 50% ของผลไม้ที่นำเข้ารวม รองลงมาเป็นลำไย มังคุด มะม่วง ชมพู่ ส้มสายน้ำผึ้งและเงาะ
นายณรงค์ โตมงคล ผู้นำเข้าผลไม้จากไทยกล่าวว่า เมืองกวางโจวมีพลเมืองประมาณ 100 ล้านคนเดิมมีการนำเข้าผลไม้ไทยเพียงไม่ถึง 1 ตันในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันมีการนำเข้าสูงถึง 1 แสนกว่าตันและยังมีอัตราขยายตัวถึง 30% ต่อปี ซึ่งการนำเข้าผลไม้จากไทยจะขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบังมายังฮ่องกง แล้วขนส่งผ่านมายังเมืองกวางโจวเป็นส่วนใหญ่โดยจะใช้เวลารวมประมาณ 8-9 วันแล้วจึงกระจายไปยังมณฑลอื่นๆ เนื่องจากกวางโจวมีระบบขนส่งสะดวกสุด
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เปิดสำนักงานบีโอไอแห่งใหม่ที่กวางโจว ซึ่งนับเป็นสำนักงานแห่งที่ 3 ในจีนของบีโอไอจากที่ได้ตั้งก่อนหน้านี้แล้วที่เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เนื่องจากเห็นว่าจีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงจึงถือเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญที่บีโอไอจะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงการลงทุนไปยังไทย
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า การเปิดสำนักงานบีโอไอที่กวางโจวครั้งนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาและจับคู่ธุรกิจไทยร่วมกับนักลงทุนจีน ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียนที่นักลงทุนจีนสนใจที่จะทำตลาดอาเซียนที่เป็นตลาดใหญ่
นายพินิจ จารุสมบัติ นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เปิดเผยถึงการเดินทางมาร่วมชักจูงการลงทุนที่นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-21 ส.ค. ว่า การเดินทางครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดการส่งออกผลไม้จากไทยมายังจีนเพิ่มเป็น 4 หมื่นตู้ (8 แสนตัน) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาทภายในปี 2554 จากปัจจุบันที่มีการนำเข้าผลไม้โดยรวมจากไทยทั้งสิ้น 2 หมื่นตู้หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
“ตลาดผลไม้ไทยที่มาทำตลาดในจีนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 30% โดยผลไม้ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจะเข้ามายังฮ่องกงและผ่านมายังเมืองกวางโจวแล้วใช้กวางโจวเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้า ซึ่งขณะนี้คนจีนมีความเชื่อมั่นในผลไม้ไทยมาก เพราะมีคุณภาพสูงประกอบกับกวางโจวจะมีการจัดเอเชี่ยนเกมส์ในปี 2553 จะส่งผลให้มีการนำเข้าผลไม้ไทยในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น”นายพินิจกล่าว
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อุปนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า ผลไม้ไทยเป็นสินค้านำของตลาดกวางโจว เนื่องจากผลไม้ของไทยมีตลอดปีและต่างจากผลไม้จีนที่ส่วนใหญ่เป็นผลไม้เมืองหนาวจึงทำให้คนจีนนิยมบริโภคผลไม้ไทยที่มีความต่างจากของจีนและประเทศอื่นๆ ที่มักเป็นผลไม้เมืองหนาว โดยสมาคมฯ มีแผนที่จะร่วมกับนักธุรกิจจีนในการขยายตลาดผลไม้ไทยไปยังมณฑลอื่นๆ ของจีน เช่น ต้าเหลียน จูไห่ เซี่ยงไฮ้ จงซัน และหนิงไป่ พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดนำเข้าอาหารแปรรูปจากไทยมายังจีนเพิ่มเติมเนื่องจากกำลังซื้อของจีนค่อนข้างสูง
นายเยี่ย ซึ่งเจียง ผู้ประกอบการตลาดเจียงหนาน มณฑล กวางโจว กล่าวว่า ตลาดเจียงหนานได้นำเข้าผลไม้จากประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 โดยมีการนำเข้าปีละประมาณ 1.1 แสนตัน แต่ภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 2 แสนตัน โดยเฉพาะทุเรียนที่มีการนำเข้ามากสุดถึง 50% ของผลไม้ที่นำเข้ารวม รองลงมาเป็นลำไย มังคุด มะม่วง ชมพู่ ส้มสายน้ำผึ้งและเงาะ
นายณรงค์ โตมงคล ผู้นำเข้าผลไม้จากไทยกล่าวว่า เมืองกวางโจวมีพลเมืองประมาณ 100 ล้านคนเดิมมีการนำเข้าผลไม้ไทยเพียงไม่ถึง 1 ตันในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันมีการนำเข้าสูงถึง 1 แสนกว่าตันและยังมีอัตราขยายตัวถึง 30% ต่อปี ซึ่งการนำเข้าผลไม้จากไทยจะขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบังมายังฮ่องกง แล้วขนส่งผ่านมายังเมืองกวางโจวเป็นส่วนใหญ่โดยจะใช้เวลารวมประมาณ 8-9 วันแล้วจึงกระจายไปยังมณฑลอื่นๆ เนื่องจากกวางโจวมีระบบขนส่งสะดวกสุด
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เปิดสำนักงานบีโอไอแห่งใหม่ที่กวางโจว ซึ่งนับเป็นสำนักงานแห่งที่ 3 ในจีนของบีโอไอจากที่ได้ตั้งก่อนหน้านี้แล้วที่เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เนื่องจากเห็นว่าจีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงจึงถือเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญที่บีโอไอจะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงการลงทุนไปยังไทย
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า การเปิดสำนักงานบีโอไอที่กวางโจวครั้งนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาและจับคู่ธุรกิจไทยร่วมกับนักลงทุนจีน ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียนที่นักลงทุนจีนสนใจที่จะทำตลาดอาเซียนที่เป็นตลาดใหญ่
