ASTVผู้จัดการรายวัน- ทัพธุรกิจจีน 300 รายแห่ดูลู่ทางการค้าการลงทุนในไทย คาดลงนามแสดงเจตจำนงร่วมการค้าและการลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ฉบับเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท จีนแนะไทยหากเศรษฐกิจการเมืองนิ่ง และแก้หวัด 2009 ได้เร็วเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้มากขึ้น
นายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวในงานสัมมนาธุรกิจไทย-จีน หรือ Thai- Chinese Business Forum 2009 ซึ่งมีนักธุรกิจจีนกว่า 300 คน จากสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลกมาร่วมประชุมวานนี้(27ก.ค.) ว่า การจับคู่ธุรกิจจีนกับไทยคาดว่าจะก่อให้เกิดการลงนามความเพื่อแสดงเจตจำนงในการร่วมการค้าและลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ฉบับ เม็ดเงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาทซึ่งล่าสุดบริษัทไชน่าซันไบโอเคม เทคโนโลยีกรุ๊ปสนใจลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปมันสำปะหลังลงทุนประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ , บริษัทบีบีซีเอ ไชนีส แอซิด(ฟงหยาง) สนใจตั้งโรงงานผลิตกรดมะนาวมูลค่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตเครื่องหนังที่สนใจจะเจรจากับนักธุรกิจไทยในการร่วมทุนแปรรูปหนังจรเข้ เป็นต้น นายก่วน มู่ เอกอัคราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีของจีนไตรมาส 2 มีอัตราการเติบโต 7.9% ดังนั้นเป้าหมายที่วางไว้ที่ปีนี้จีดีพีของจีนจะเติบโตไม่น้อยกว่า 8% จะบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอนซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวของจีนจะเป็นโอกาสที่นักธุรกิจจีนและไทยจะร่วมมือทางการค้าร่วมกันมากขึ้นจากปี 2551 ที่มีมูลค่าการค้าร่วมกัน 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีการทำข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอร่วมกัน
นายหลู จวิ้นชิง ประธานสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื่อสายจีนทั่วโลกกล่าวว่า นักธุรกิจจีนที่มาเพราะมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยอย่างไรก็ตามหากการเมืองและเศรษฐกิจไทยนิ่งไม่มีความผันผวนซึ่งไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยควรหลีกเลี่ยงการปะทะกัน รวมถึงสามารถควบคุมไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009ได้เร็วก็จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดีขึ้นกว่าเดิมและจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็ว
“ งานแต่งงานหมื่นคู่ใน 1 ปีที่วางเป้าหมายไว้เดิมจะจัดที่พัทยา 31 ก.ค.ก่อน 100 คู่ต้องเลื่อนออกไปเพราะปัญหาไข้หวัด 2009 แต่เราก็ยังไม่มีแผนจะยกเลิกหากทำไม่ได้ผมยินดีที่จะแต่งงานกับภรรยาให้ครบหมื่นครั้งแทน”นายหลูกล่าว
ทั้งนี้ความร่วมมือที่ผ่านมาอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดประชุมก่อให้เกิดความร่วมมือการค้าร่วมกัน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และครั้งนี้ไทยเป็นเจ้าภาพคาดว่าจะก่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าร่วมกันมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแน่นอน ซึ่งไทยและจีนได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือปี 2550-2554 โดยจะมีมูลค่าการค้าและการลงทุนร่วมกันเป็น 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐขณะที่การลงทุนเพิ่มเป็น 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีนักท่องเที่ยวระหว่างกัน 4 ล้านคนต่อปี
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า สมาชิกจากสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื่อสายจีนทั่วโลก 300 รายได้เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาและเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจมากถึง 500 รายซึ่งครอบคลุม 16 กลุ่มอุตสาหกรรมเช่น เฟอร์นิเจอร์ เคมีภัณฑ์ เกษตรและอาหารแปรรูป ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โรงแรม ฯลฯ กิจกรรมครั้งนี้คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้การค้าและการลงทุนของจีนมาไทยปี 2553 จะมีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า คาดว่ามูลค่าการลงทุนของจีนในอีก 1-2 ปีจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาทจากเฉลี่ยที่ผ่านมามีการลงทุนปีละ 5,000 ล้านบาทซึ่งอุตสาหกรรมที่จีนสนใจและคาดว่าจะมีการเข้ามาลงทุนมากได้แก่ แปรรูปทางการเกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ล่าสุดมีบริษัทรถบรรทุกสนใจเข้ามาลงทุนในไทยและอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
นายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวในงานสัมมนาธุรกิจไทย-จีน หรือ Thai- Chinese Business Forum 2009 ซึ่งมีนักธุรกิจจีนกว่า 300 คน จากสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลกมาร่วมประชุมวานนี้(27ก.ค.) ว่า การจับคู่ธุรกิจจีนกับไทยคาดว่าจะก่อให้เกิดการลงนามความเพื่อแสดงเจตจำนงในการร่วมการค้าและลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ฉบับ เม็ดเงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาทซึ่งล่าสุดบริษัทไชน่าซันไบโอเคม เทคโนโลยีกรุ๊ปสนใจลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปมันสำปะหลังลงทุนประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ , บริษัทบีบีซีเอ ไชนีส แอซิด(ฟงหยาง) สนใจตั้งโรงงานผลิตกรดมะนาวมูลค่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตเครื่องหนังที่สนใจจะเจรจากับนักธุรกิจไทยในการร่วมทุนแปรรูปหนังจรเข้ เป็นต้น นายก่วน มู่ เอกอัคราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีของจีนไตรมาส 2 มีอัตราการเติบโต 7.9% ดังนั้นเป้าหมายที่วางไว้ที่ปีนี้จีดีพีของจีนจะเติบโตไม่น้อยกว่า 8% จะบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอนซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวของจีนจะเป็นโอกาสที่นักธุรกิจจีนและไทยจะร่วมมือทางการค้าร่วมกันมากขึ้นจากปี 2551 ที่มีมูลค่าการค้าร่วมกัน 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีการทำข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอร่วมกัน
นายหลู จวิ้นชิง ประธานสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื่อสายจีนทั่วโลกกล่าวว่า นักธุรกิจจีนที่มาเพราะมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยอย่างไรก็ตามหากการเมืองและเศรษฐกิจไทยนิ่งไม่มีความผันผวนซึ่งไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยควรหลีกเลี่ยงการปะทะกัน รวมถึงสามารถควบคุมไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009ได้เร็วก็จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดีขึ้นกว่าเดิมและจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็ว
“ งานแต่งงานหมื่นคู่ใน 1 ปีที่วางเป้าหมายไว้เดิมจะจัดที่พัทยา 31 ก.ค.ก่อน 100 คู่ต้องเลื่อนออกไปเพราะปัญหาไข้หวัด 2009 แต่เราก็ยังไม่มีแผนจะยกเลิกหากทำไม่ได้ผมยินดีที่จะแต่งงานกับภรรยาให้ครบหมื่นครั้งแทน”นายหลูกล่าว
ทั้งนี้ความร่วมมือที่ผ่านมาอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดประชุมก่อให้เกิดความร่วมมือการค้าร่วมกัน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และครั้งนี้ไทยเป็นเจ้าภาพคาดว่าจะก่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าร่วมกันมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแน่นอน ซึ่งไทยและจีนได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือปี 2550-2554 โดยจะมีมูลค่าการค้าและการลงทุนร่วมกันเป็น 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐขณะที่การลงทุนเพิ่มเป็น 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีนักท่องเที่ยวระหว่างกัน 4 ล้านคนต่อปี
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า สมาชิกจากสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื่อสายจีนทั่วโลก 300 รายได้เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาและเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจมากถึง 500 รายซึ่งครอบคลุม 16 กลุ่มอุตสาหกรรมเช่น เฟอร์นิเจอร์ เคมีภัณฑ์ เกษตรและอาหารแปรรูป ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โรงแรม ฯลฯ กิจกรรมครั้งนี้คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้การค้าและการลงทุนของจีนมาไทยปี 2553 จะมีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า คาดว่ามูลค่าการลงทุนของจีนในอีก 1-2 ปีจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาทจากเฉลี่ยที่ผ่านมามีการลงทุนปีละ 5,000 ล้านบาทซึ่งอุตสาหกรรมที่จีนสนใจและคาดว่าจะมีการเข้ามาลงทุนมากได้แก่ แปรรูปทางการเกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ล่าสุดมีบริษัทรถบรรทุกสนใจเข้ามาลงทุนในไทยและอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์