“เรื่องมันฟ้อง” โดย กรงเล็บ
ลุ้นระทึกช่วงอาทิตย์อัสดงวันนี้ สำหรับสองนายพลแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่าง “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” จเรตำรวจแห่งชาติ และ “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เข้าป้ายชิงดำตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่”
ต่อจาก “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ที่กำลังจะเป็นอดีตในวันที่ 30 กันยายนนี้
การพิจารณาชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ครั้งนี้ ร้อนฉ่าจากปทุมวันไปถึงตึกไทยคู่ฟ้า
ที่ค่อนข้างชัดเจนว่า คนบนตึกจะใช้อำนาจตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2547 เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ซึ่งเหลืออายุราชการ 1 ปี เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
สวนทางกับฝักฝ่ายสีน้ำเงิน และ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ที่ผลักดัน “พล.ต.อ.จุมพล” โดยอ้างอิงว่าเป็นคนบนถนนสุโขทัย ทั้งที่พื้นเพเกิด อ.สวรรคโลก เพียงแต่จังหวัดพ้องกับชื่อถนนคือสุโขทัย ก็เท่านั้น!!!
เมื่อฝ่ายสีน้ำเงินหนุนสุดแรง แถมยังมี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กับ “นิพนธ์ พร้อมพันธุ์” ทำตัวเป็นทนายหน้าหอ ทั้งนั่ง ทั้งนอน ทั้งยืนยันว่า
ชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่จะต้องเป็น “พล.ต.อ.จุมพล” คนเดียวเท่านั้น
ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะมีปัญหาเกินกว่าจะคาดคิด
ให้เหตุผลสร้างกระแสขัดขวางการเข้าสู่ตำแหน่งของ “พล.ต.อ.ปทีป” ตั้งแต่ข้อหา สนิทสนมกับคุณหญิงกะบังลมแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า, ไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่ายทหาร กระทั่งล่าสุดสวิงขั้วมาถึงขนาดว่า เป็นคนสนิทของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากเดิมที่ถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ปล่อยข่าวกันแบบขาด ซึ่งตรรกะและเหตุผลรองรับกันขนาดนี้ สะท้อนว่า กลุ่มหนุนดันกันทุกทิศทุกทาง ทั้งบนดินและใต้ดินจริงๆ
แม้แต่คนอยู่ไกลที่ดูไบก็ออกแรงลุ้นด้วย ข่าววงในสุดๆ รายงานว่าเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน มีเงินจำนวนกว่า 200 ล้านบาทไหลตามท่อมาจากตะวันออกไกล ปลายทางที่ “มือชายสองคน” ที่มีอำนาจรัฐ โดยหวังว่าจะให้เป็นปัจจัยหนุนให้ใครบางคนได้รับการผลักดันเป็น “ผบ.ตร.คนใหม่”
เมื่อเรื่องแดงแจ๋ ฟ้องออกมาเช่นนี้ จึงชัดเจนอยู่เองว่า “คนหลุดจากอำนาจ” ยังพยายามที่จะวางฐานปลุกรัฐตำรวจให้กลับฟื้นคืนชีพอีกรอบผ่านคนที่ตัวเองไว้วางใจ
ส่วนจะทำสำเร็จหรือไม่ต้องวัดใจคนชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ว่า จะยืนหยัดเรื่องนี้อย่างไร?
บ่ายสี่โมงวันนี้ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า จะมีคำตอบว่า ชื่อ “พล.ต.อ.ปทีป ” จะผ่านฉลุย หลังมีการประสานสิบทิศไปยัง ก.ต.ช. หรือจะทานแรงล็อบบี้จากหลายฝ่ายไม่ไหว จนทำให้คณะกรรมการทั้ง 10 คน (เว้นนายกฯซึ่งตามระเบียบจะลงคะแนนได้ก็ต่อเมื่อคะแนนเสียงเท่ากัน) ต้องมีการยกจั๊กกะแร้ชูมือลงคะแนนว่าจะผ่านชื่อ
“พล.ต.อ.ปทีป” ให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่
งานนี้เดิมพันสูงที่สุดนับตั้งแต่ “อภิสิทธิ์” ผ่านเหตุการณ์ “เมษาแดงถ่อย” มาได้ เพราะหากกุมสภาพการประชุม กตช.ให้มีมติตามที่เสนอไม่ได้ การจะดำรงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าจะให้เดาใจนายกฯหนุ่มวัย 45 ปี คนนี้ ก็คงต้องบอกให้คอข่าว “ขีดเส้นใต้คำว่า ยุบสภา เอาไว้” หากอัสดงวันนี้จะไม่ใช่วันของคนที่ชื่อ “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ”
เพราะนั่นหมายถึง ภาวะผู้นำที่ล่มสลายของคนชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ด้วยเช่นเดียวกัน
