“จุมพล” ปัดไม่ได้คิด และไม่รู้เรื่องจะได้เป็น ผบ.ตร.คนที่ 7 ขอทำงานเพื่อชาติ ช่วงโค้งสุดท้ายไม่ได้โชว์ออฟรายวันสะสมแต้มทำตัวเป็นข่าว พูดเป็นนัย โผนายพลโครงสร้างใหม่ ตร.จะมีการประชุมพิจารณาในเร็วๆ นี้ ขณะที่ “ปทีป” หนึ่งในแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ขอไม่พูดเรื่องนี้ กลัวไม่ได้เป็นแล้วได้รับผลกระทบ เชื่อแต่งตั้งนายพล จบหลัง พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการมีผลบังคับใช้ 16 ส.ค.นี้
วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. ฐานะหนึ่งในแคนดิเดตที่จะชิงดำนั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 7 ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.คนปัจจุบันที่ตกอยู่ท่ามกลางข่าวปลดเงียบจากตำแหน่งก่อนเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายน กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ว่า ยังไม่รู้เรื่องนี้ ขณะนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจริงจังตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนตัวไม่รู้อนาคตล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น ซึ่งงานที่ทำอยู่ขณะนี้ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมในประเทศมีมาก ตนขอทำงานเพื่อประเทศชาติ ยิ่งช่วงนี้มีสีโน้นสีนี้ ตนอยากเห็นเป็นสีเดียวกัน
ส่วนกรณีที่หากได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่จริงตามกระแสข่าวคิดไว้ในใจหรือยังจะแต่งตั้งโผนายพลตามโครงสร้างใหม่ ตร.ไปในทิศทางใดนั้น พล.ต.อ.จุมพล กล่าวว่า การแต่งตั้งนายพลตามโครงสร้างใหม่ ตนได้ข่าวว่าจะมีการประชุมกันในเร็วๆ นี้ ซึ่งจริงเท็จแค่ไหนต้องถามฝ่ายบริหารจะดีกว่า
“ใครจะไปรู้ได้ ไม่ได้คิด และไม่คิดถึงขนาดนั้น ทำงานเพื่อชาติยิ่งมีสีโน้นนี้เยอะแยะควรเป็นสีเดียวกัน ตอนนี้อาชญกรรมเกิดขึ้นมากทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ผมไม่อยากคิดอะไร งานก็มากทำให้ปวดหัวอยู่แล้ว ที่เห็นไปแถลงข่าวบ่อยเพราะปัญหายาเสพติดมีมาก ต้องเร่งปราบปราม ไม่ใช่ว่าอยากทำตัวให้เป็นข่าว แต่ผมไปทำงานตามหน้าที่” พล.ต.อ.จุมพล กล่าว
ส่วนในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางไปราชการที่ประเทศจีน และ นายกรัฐมนตรี ตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) นั้น พล.ต.อ.จุมพล กล่าวว่า ตนทราบจากข่าว ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาทก็ไม่ได้สั่งงานใดๆ ให้ตนทำเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ไปราชการต่างประเทศเช่นกัน ส่วนการที่หลายฝ่ายมองว่าตนมีความสนิทสนมกับนักการเมืองระดับสูงในรัฐบาลนั้น ตนไม่รู้เรื่อง ขอไม่พูด
ทางด้าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ฐานะคู่แข่งที่เหลืออายุราชการ 1 ปี เท่ากันกับ พล.ต.อ.จุมพล และหลายฝ่ายจับตามองว่าจะเป็นตาอยู่คว้าชิ้นปลามันนั่งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ นั้น กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาทาบทาม ตนไม่รู้เรื่องเลย อย่าพึ่งให้พูดอะไรไปเลย ถ้าไม่ได้เป็นมันก็ไม่ดี ซึ่งจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นตนก็ไม่รู้ ขอไม่มีความเห็นกับเรื่องนี้ดีกว่า ถ้าพูดไปจะทำให้เกิดผลกระทบอะไรก็ได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวถึงการแต่งตั้งระดับนายพล ตามโครงสร้างใหม่ ตร.ที่พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ ตร.พ.ศ.2552 จะมีผลบังคับใช้ ตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 16 สิงหาคม 2552 ว่าจะมีการแต่งตั้งโผนายพล หรือไม่มีการปรับตัวบุคคลใหม่อย่างไร ตนมองว่าคงทำให้แล้วเสร็จในตุลาคมนี้ ซึ่งทุกอย่างคงจบก่อน เมื่อถึงตอนนั้นตนก็คงอยู่ในตำแหน่งเดิม
ต่อข้อถามที่ว่ารายชื่อแต่งตั้งนายพล ตามโครงสร้างใหม่ ตร. นายกรัฐมนตรีชลอไปแล้วนั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า หากพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการมีผลบังคับใช้ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งในการแต่งตั้งนายพลใหม่ จะยังเป็นโผเดิม หรือปรับเปลี่ยนแค่ไหนก็คงต้องแล้วเสร็จหลังพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับอยู่ดี
“ผมว่าจะปรับรายชื่อนายพลใหม่ หรือไม่ปรับ ก็ต้องจบในตุลาคมนี้ เมื่อถึงตอนนั้นผมก็คงเป็นจเรตำรวจเหมือนเดิม เมื่อผู้สื่อข่าวพูดกระเซ้าว่าเป็นคนถ่อมตัวอาจได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ก็ได้” พล.ต.อ.ปทีป พูดปนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีว่า ขอให้สมพรปากนะ แล้วหัวเราะลงลูกคออย่างพอใจ
ความเหมาะสมกับเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ฤๅจะไม่พ้นตกเป็นทาสนักการเมือง(อีก)!?!
วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. ฐานะหนึ่งในแคนดิเดตที่จะชิงดำนั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 7 ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.คนปัจจุบันที่ตกอยู่ท่ามกลางข่าวปลดเงียบจากตำแหน่งก่อนเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายน กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ว่า ยังไม่รู้เรื่องนี้ ขณะนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจริงจังตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนตัวไม่รู้อนาคตล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น ซึ่งงานที่ทำอยู่ขณะนี้ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมในประเทศมีมาก ตนขอทำงานเพื่อประเทศชาติ ยิ่งช่วงนี้มีสีโน้นสีนี้ ตนอยากเห็นเป็นสีเดียวกัน
ส่วนกรณีที่หากได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่จริงตามกระแสข่าวคิดไว้ในใจหรือยังจะแต่งตั้งโผนายพลตามโครงสร้างใหม่ ตร.ไปในทิศทางใดนั้น พล.ต.อ.จุมพล กล่าวว่า การแต่งตั้งนายพลตามโครงสร้างใหม่ ตนได้ข่าวว่าจะมีการประชุมกันในเร็วๆ นี้ ซึ่งจริงเท็จแค่ไหนต้องถามฝ่ายบริหารจะดีกว่า
“ใครจะไปรู้ได้ ไม่ได้คิด และไม่คิดถึงขนาดนั้น ทำงานเพื่อชาติยิ่งมีสีโน้นนี้เยอะแยะควรเป็นสีเดียวกัน ตอนนี้อาชญกรรมเกิดขึ้นมากทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ผมไม่อยากคิดอะไร งานก็มากทำให้ปวดหัวอยู่แล้ว ที่เห็นไปแถลงข่าวบ่อยเพราะปัญหายาเสพติดมีมาก ต้องเร่งปราบปราม ไม่ใช่ว่าอยากทำตัวให้เป็นข่าว แต่ผมไปทำงานตามหน้าที่” พล.ต.อ.จุมพล กล่าว
ส่วนในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางไปราชการที่ประเทศจีน และ นายกรัฐมนตรี ตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) นั้น พล.ต.อ.จุมพล กล่าวว่า ตนทราบจากข่าว ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาทก็ไม่ได้สั่งงานใดๆ ให้ตนทำเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ไปราชการต่างประเทศเช่นกัน ส่วนการที่หลายฝ่ายมองว่าตนมีความสนิทสนมกับนักการเมืองระดับสูงในรัฐบาลนั้น ตนไม่รู้เรื่อง ขอไม่พูด
ทางด้าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ฐานะคู่แข่งที่เหลืออายุราชการ 1 ปี เท่ากันกับ พล.ต.อ.จุมพล และหลายฝ่ายจับตามองว่าจะเป็นตาอยู่คว้าชิ้นปลามันนั่งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ นั้น กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาทาบทาม ตนไม่รู้เรื่องเลย อย่าพึ่งให้พูดอะไรไปเลย ถ้าไม่ได้เป็นมันก็ไม่ดี ซึ่งจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นตนก็ไม่รู้ ขอไม่มีความเห็นกับเรื่องนี้ดีกว่า ถ้าพูดไปจะทำให้เกิดผลกระทบอะไรก็ได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวถึงการแต่งตั้งระดับนายพล ตามโครงสร้างใหม่ ตร.ที่พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ ตร.พ.ศ.2552 จะมีผลบังคับใช้ ตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 16 สิงหาคม 2552 ว่าจะมีการแต่งตั้งโผนายพล หรือไม่มีการปรับตัวบุคคลใหม่อย่างไร ตนมองว่าคงทำให้แล้วเสร็จในตุลาคมนี้ ซึ่งทุกอย่างคงจบก่อน เมื่อถึงตอนนั้นตนก็คงอยู่ในตำแหน่งเดิม
ต่อข้อถามที่ว่ารายชื่อแต่งตั้งนายพล ตามโครงสร้างใหม่ ตร. นายกรัฐมนตรีชลอไปแล้วนั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า หากพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการมีผลบังคับใช้ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งในการแต่งตั้งนายพลใหม่ จะยังเป็นโผเดิม หรือปรับเปลี่ยนแค่ไหนก็คงต้องแล้วเสร็จหลังพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับอยู่ดี
“ผมว่าจะปรับรายชื่อนายพลใหม่ หรือไม่ปรับ ก็ต้องจบในตุลาคมนี้ เมื่อถึงตอนนั้นผมก็คงเป็นจเรตำรวจเหมือนเดิม เมื่อผู้สื่อข่าวพูดกระเซ้าว่าเป็นคนถ่อมตัวอาจได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ก็ได้” พล.ต.อ.ปทีป พูดปนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีว่า ขอให้สมพรปากนะ แล้วหัวเราะลงลูกคออย่างพอใจ
ความเหมาะสมกับเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ฤๅจะไม่พ้นตกเป็นทาสนักการเมือง(อีก)!?!
