“มาร์ค” มึน ชาวบ้านร้องทุกข์บ่อขยะ เกิดไม่พอใจ ตะโกนด่า เอาใจนายทุน

นายกฯใจดีจนเจอดี หลัง จนท.พรรค ปชป.ประสาน “ศิริโชค” พาชาวบ้านเดือดร้อนจากบ่อขยะ จ.สระบุรี เข้าพบถึงตึกไทยคู่ฟ้า เกิดเหตุชุลมุน เสียงแตกกันเอง ไม่ยอมกลับหลังไม่พอใจที่นายกฯแค่รับหนังสือ สั่งปิดบ่อขยะ อ้างต้องรอเอกสาร ก.สาธารณสุข สุดท้ายยืนปักหลักตะโกนด่า-ร่ำไห้ ก่อนสันติบาลประกบสงบสติอารมณ์ ห้องรับเรื่องร้องทุกข์

วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่บริเวณตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ได้มีตัวแทนจากคณะราษฎร 3 ตำบล ประกอบด้วย ราษฎรจากตำบลหนองปลาไหล ตำบลกุดนกเค้า อ.เมืองสระบุรี และตำบลห้วยแห้ง อ.แก่งคอย ผู้เดือดร้อนจากบ่อขยะอุตสาหกรรมอันตราย ผู้ป่วยโรคพิษบ่อขยะอันตรายของบริษัท เบตเตอร์เวิร์ลกรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี ประมาณ 20 คน เข้ามายื่นหนังสือต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องขอให้ปิดบ่อขยะของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนที่เจ็บป่วยจากสารพิษเริ่มเสียชีวิต และพบว่าประมาณร้อยละ 90 ในพื้นที่มีสารก่อมะเร็งอยู่ในร่างกาย

นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงว่า ตนได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด อย่างการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้สอบถามในที่ประชุม ซึ่งทางอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานว่า ขณะนี้ดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และจะส่งรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้น ตนต้องขอรอรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม จากนั้นค่อยมาดูว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะถ้าออกคำสั่งใด คำสั่งหนึ่งไปก่อนแล้ว ไปผิดเงื่อนไขของกฎหมาย และหากมีการไปร้องเรียนกันที่ศาลปกครองจะยิ่งมีปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะพยายามชี้แจงและขอให้ตัวแทนชาวบ้านได้รอนั้น ตัวแทนชาวบ้านได้แสดงความไม่พอใจ ซึ่งครั้งแรกจะไม่ยอมยื่นหนังสือพร้อมบอกว่านายกฯ จะรับปากแค่นี้ คงไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ขณะนั้นนายกรัฐมนตรี ได้หันหลังกลับเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบีโอไอที่ห้องสีเขียว ตัวแทนชาวบ้าน จึงยอมยื่นหนังสือ และขอให้นายกรัฐมนตรี เซ็นชื่อว่า รับหนังสือของชาวบ้านแล้ว ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็ยอมทำตาม จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องประชุมทันที ทำให้ตัวแทนชาวบ้านส่วนหนึ่งแสดงความไม่พอใจมากขึ้นถึงกับตะโกนต่อว่าอย่างรุนแรง ว่า

“นายกรัฐมนตรีทำได้แค่รับหนังสือไม่สามรถสั่งการอะไรได้เลยเป็นถึงผู้นำประเทศแต่ทำอะไรไม่ได้แล้วชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร ชาวบ้านจะตายกันหมดทั้ง 3 ตำบลแล้ว นายกฯ อย่ามัวไปเกรงใจคนอื่นหรือบริษัทเอกชนเลย ขอให้สงสารชาวบ้านบ้าง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้าน ไม่ยอมอออกจากบริเวณห้องโถงของตึกไทยคู่ฟ้า โดยบอกว่าเมื่อไม่ได้รับการแก้ไขก็จะอยู่ที่นี่ จากนั้นก็พากันตะโกนต่อว่านายกรัฐมนตรีอย่างเสียงดังสนั่น ชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงรายหนึ่งถึงกับร้องไห้โฮ พร้อมกล่าวตักพ้อว่า นายกฯ รักแต่นายทุน ไม่เคยรักประชาชน ไม่รักแผ่นดิน ไม่รักราษฎร ถ้าเพียงแค่รับหนังสือ แต่แก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ก็ใช้ไม่ได้ ไม่เคยให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ทั้งที่ชาวบ้านเดือดร้อนมาแล้วถึง 12 ปี มีทั้งคนตายและคนเจ็บจำนวนมาก ถืงเป็นเรื่องที่แย่มากๆ พวกตนรู้สีกเสียใจที่ผู้นำประเทศเป็นเช่นนี้ ให้คำตอบอะไรไม่เลย

ขณะที่ตัวแทนส่วนหนึ่งพยายามห้ามปรามชาวบ้านที่มาด้วยกันว่าให้นายกฯได้ติดตามเรื่องก่อนอย่าเพิ่มโวยวาย ต้องให้เวลา แต่ชาวบ้านส่วนที่โวยวายกลับผลักอก ไม่รับฟังใดๆ ทำให้มีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ไม่มีใครคุมใครได้ เนื่องจากไม่มีแกนนำที่ชัดเจน

สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาล และตำรวจสันติบาลได้เข้าเจรจาขอให้ตัวแทนชาวบ้านกลับออกไปจากตึกไทย โดยเกิดการชุลมุนประมาณ 20 นาที และหลังจากได้ให้สัมภาษณ์จนเป็นที่พอใจแล้วตัวแทนชาวบ้าน จึงยอมออกไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่งประมาณ 100 คน ที่รออยู่บริเวณด้านนอกรั้วตรงข้ามสำนักงาน ก.พ.

ด้าน นายนพพล น้อยบ้านโง้ง แกนนำชาวบ้าน ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่มาเรียกร้องต่อนายกฯ วันนี้ต้องการให้มีการปิดบ่อขยะทันที รวมทั้งให้มีการหาน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาดมาให้ชาวบ้านได้อุปโภคบริโภค และเข้าไปรักษาโรคให้กับราษฎรที่ล้มป่วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสารพิษในบ่อขยะ อีกทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ต้องเร่งเข้ามาดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ถ้านายกรัฐมนตรีไม่แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านก็จะใช้อำนาจของความเป็นราษฎรในการแจ้งความดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า บริษัท เบตเตอร์เวิร์ล นั้น เป็นบริษัทของใคร นายนพพล กล่าวว่า เรื่องนี้ชาวบ้านรู้ดีว่าเป็นบริษัทของใคร เกี่ยวข้องกับนักการเมืองแค่ไหน “เอาเป็นว่าบริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมีอำนาจอยู่เหนือรัฐบาลด้วย ซึ่งถ้านายกรัฐมนตรีไม่แก้ปัญหาให้ชาวบ้าน ทางชาวบ้านก็ต้องเดินหน้าแก้ปัญหากันเอง เพราะไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยไปอีกไม่นานก็คงไม่มีคนใน 3 ตำบลนี้อยู่ในแผนที่ประเทศไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มราษฎรที่เดือดร้อนดังกล่าวเดิมได้ไปเรียกร้องที่พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าโครงการบ่อขยะดังกล่าวเกิดขึ้นสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี จึงต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์แก้ปัญหาให้เพราะแม้ศาลจะสั่งให้ปิดบ่อขยะแต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการมใดๆ โรงงานบ่อขยะก็ยังคงดำเนินการอยู่ โดยในเวลา 12.00 น.ก็ได้มีชาวบ้านมาสมทบเพิ่มอีก 2 คันรถบัส และพยายามยื่นข้อเรียกร้อง จนกระทั่งเวลา ประมาณ 14.20 น.ก็ได้ส่งตัวแทนชาวบ้านมายังทำเนียบรัฐบาล จำนวน 17 คน เพื่อขอยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้นายกฯมีคำสั่งลงไปอย่างเด็ดขาดเพื่อแก้ปัญหา โดยมีนายสุธรรม ลิ้มเกษมสุวรรณ รองเลขาธิการนายกฯเป็นผู้รับหนังสือ ซึ่งขณะนั้นกลุ่มชาวบ้านที่ปักหน้าอยู่ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ทะยอยกันมาสมทบที่บริเวณตรงข้ามสำนักงาน ก.พ.

ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านพยายามขอเจรจานอกเหนือจากการยื่นหนังสือดังกล่าว เพราะต้องการให้นายกฯ มีคำสั่งเด็ดขาดลงไปเนื่องจากชาวบ้านเดือดร้อนจนรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้มีการประสานกับทางเจ้าหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ประสานผ่าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา คนสนิทนายกฯ เพื่อขอยื่นหนังสือถึงมือและขอพบกับนายกรัฐมนตรี จึงได้รับการอนุญาตเข้ามาถึงตึกไทยคู่ฟ้า ชนิดที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่เองไม่ทันได้ตั้งตัวจนเกิดเหตุโกลาหลขึ้นเมื่อกลุ่มชาวบ้านไม่พอใจ