00 กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ไปแล้ว สำหรับกรณีที่ศาลจังหวัดปทุมธานี มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้อง สนธิ ลิ้มทองกุล กับพวก คดีหมิ่นประมาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าลายมือชื่อมอบอำนาจน่าสงสัย นั่นคือจำเลยไม่เคยมาแสดงตัวยืนยัน อีกทั้งไม่มีเอกสารที่ทำให้เชื่อได้ว่า ตัวเองได้ลงลายมือชื่อให้ฟ้องร้องคนอื่น
00 ผลจากคำตัดสินดังกล่าวของศาลจังหวัดปทุมธานี ได้ทำให้มีข้อพิจารณาต่อเนื่องกันอีกหลายคดีที่ ทักษิณ ใช้วิธีเดียวกัน คือมอบหมายให้ทนายความมาฟ้องร้องทั้งอาญาและแพ่ง กับคนที่เปิดโปงความชั่วของตัวเองให้สังคมได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งลักษณะแบบนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล รวมทั้งแกนนำพันธมิตรฯ และนักวิชาการยังถูกฟ้องคาอยู่ในศาลอีกไม่น้อย และที่ผ่านมา ก็ได้มีการโต้แย้งในประเด็นความไม่เป็นธรรมมาตลอด
00 สรุปง่ายๆ ก็คือ โจทก์คือ ทักษิณ ชินวัตร ดีแต่ฟ้องคนอื่น บางครั้งมีเป้าหมายเพียงแค่เพื่อปิดปาก หรือข่มขู่ไม่ให้แฉโพยความจริงออกมาให้สังคมได้รับรู้ โดยที่ตัวเองกลับหลบซ่อนในที่มืด ไม่ยอมมาปรากฎตัวต่อศาล ขณะที่คนที่ตกเป็นจำเลยต้องเดินไปพิสูจน์ความจริง ต้องไปประกันตัวกันวุ่นวาย
00 อีกทั้งหากย้อนกลับไปสังเกตคำพูดของ ทักษิณ ก็มักจะกล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรม หรือศาล ว่ามีสองมาตรฐาน ก็ยิ่งทำให้เห็นธาตุแท้ว่า ตัวของ ทักษิณ นั่นแหละสองมาตรฐาน เพราะเวลาตัวเองเสียประโยชน์ ก็กล่าวตำหนิศาล แต่พอคิดว่าตัวเองจะหาประโยชน์กลับวิ่งโร่มาหาศาล เที่ยวฟ้องคนอื่นไปทั่ว ถือว่าไม่เป็นธรรม ดังนั้นเมื่อผลออกมาแบบนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า ศาลมีมาตรฐานเดียวเท่านั้น คือศาลยุติธรรม !!
00 สำหรับเรื่องนี้ “เสี่ยป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะมัวแต่หวีผมเรียบแปล้คงไม่ได้แล้ว ต้องชี้แจงคำสั่งแต่งตั้ง “ลูกสาว” ตัวเองโดดค้ำถ่อจาก “ผู้หมู่” ขึ้นเป็น “ผู้หมวด” มาได้แบบพิลึกกึกกือ ทำให้ “พวกจ่า-นายดาบ” ลูกชาวบ้านกระจอกๆ ที่ขึ้นบัญชีรอติดดาวจนหน้าแห้ง ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อผ่านปีนี้ไปแล้วจะต้องรอถึงชาติหน้าหรือเปล่า บางเรื่องแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ในทุกหน่วยงาน แต่ก็สะท้อนถึงความด้อยพัฒนาที่จะต้องถูกวิจารณ์ไปอีกนาน
00 เพิ่งเห็นอาการอึกอักของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ชัดเจนคราวนี้เอง เมื่อถูกนักข่าวไม่รู้ผิดคิวมาจากไหน ระดมคำถามเข้าใส่เรื่องถอดยศนักโทษหนีคดีทุจริตอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ว่าทำไมถึงได้ล่าช้าอืดเป็นเรือเกลือ เมื่อเทียบกับกรณีอื่น ทั้งที่กระบวนการทางศาลได้เสร็จสิ้นไปตั้งนานแล้ว แต่เอาเถอะจะบอกให้เอาบุญ ที่ช้าเพราะมีคนหน้าดำๆ คนหนึ่งในรัฐบาลคอยดึงเอาไว้ อะไร “เทือก” นั้นแหละ ทุด !!
00 ผลจากคำตัดสินดังกล่าวของศาลจังหวัดปทุมธานี ได้ทำให้มีข้อพิจารณาต่อเนื่องกันอีกหลายคดีที่ ทักษิณ ใช้วิธีเดียวกัน คือมอบหมายให้ทนายความมาฟ้องร้องทั้งอาญาและแพ่ง กับคนที่เปิดโปงความชั่วของตัวเองให้สังคมได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งลักษณะแบบนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล รวมทั้งแกนนำพันธมิตรฯ และนักวิชาการยังถูกฟ้องคาอยู่ในศาลอีกไม่น้อย และที่ผ่านมา ก็ได้มีการโต้แย้งในประเด็นความไม่เป็นธรรมมาตลอด
00 สรุปง่ายๆ ก็คือ โจทก์คือ ทักษิณ ชินวัตร ดีแต่ฟ้องคนอื่น บางครั้งมีเป้าหมายเพียงแค่เพื่อปิดปาก หรือข่มขู่ไม่ให้แฉโพยความจริงออกมาให้สังคมได้รับรู้ โดยที่ตัวเองกลับหลบซ่อนในที่มืด ไม่ยอมมาปรากฎตัวต่อศาล ขณะที่คนที่ตกเป็นจำเลยต้องเดินไปพิสูจน์ความจริง ต้องไปประกันตัวกันวุ่นวาย
00 อีกทั้งหากย้อนกลับไปสังเกตคำพูดของ ทักษิณ ก็มักจะกล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรม หรือศาล ว่ามีสองมาตรฐาน ก็ยิ่งทำให้เห็นธาตุแท้ว่า ตัวของ ทักษิณ นั่นแหละสองมาตรฐาน เพราะเวลาตัวเองเสียประโยชน์ ก็กล่าวตำหนิศาล แต่พอคิดว่าตัวเองจะหาประโยชน์กลับวิ่งโร่มาหาศาล เที่ยวฟ้องคนอื่นไปทั่ว ถือว่าไม่เป็นธรรม ดังนั้นเมื่อผลออกมาแบบนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า ศาลมีมาตรฐานเดียวเท่านั้น คือศาลยุติธรรม !!
00 สำหรับเรื่องนี้ “เสี่ยป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะมัวแต่หวีผมเรียบแปล้คงไม่ได้แล้ว ต้องชี้แจงคำสั่งแต่งตั้ง “ลูกสาว” ตัวเองโดดค้ำถ่อจาก “ผู้หมู่” ขึ้นเป็น “ผู้หมวด” มาได้แบบพิลึกกึกกือ ทำให้ “พวกจ่า-นายดาบ” ลูกชาวบ้านกระจอกๆ ที่ขึ้นบัญชีรอติดดาวจนหน้าแห้ง ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อผ่านปีนี้ไปแล้วจะต้องรอถึงชาติหน้าหรือเปล่า บางเรื่องแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ในทุกหน่วยงาน แต่ก็สะท้อนถึงความด้อยพัฒนาที่จะต้องถูกวิจารณ์ไปอีกนาน
00 เพิ่งเห็นอาการอึกอักของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ชัดเจนคราวนี้เอง เมื่อถูกนักข่าวไม่รู้ผิดคิวมาจากไหน ระดมคำถามเข้าใส่เรื่องถอดยศนักโทษหนีคดีทุจริตอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ว่าทำไมถึงได้ล่าช้าอืดเป็นเรือเกลือ เมื่อเทียบกับกรณีอื่น ทั้งที่กระบวนการทางศาลได้เสร็จสิ้นไปตั้งนานแล้ว แต่เอาเถอะจะบอกให้เอาบุญ ที่ช้าเพราะมีคนหน้าดำๆ คนหนึ่งในรัฐบาลคอยดึงเอาไว้ อะไร “เทือก” นั้นแหละ ทุด !!
