xs
xsm
sm
md
lg

“กองทัพ” กำชับทุกหน่วยประสาน ตร.เชือด “แก๊งหมิ่นเบื้องสูง” ขั้นเฉียบขาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองทัพบก
“กองทัพ” สุดทน “แก๊งหมิ่นเบื้องสูง” สั่ง “ทุกหน่วย” หากพบพฤติกรรมหมิ่นเหม่ให้ประสาน ตร.ปฏิบัติการขั้นเฉียบขาดทันที เตือน “ไอซีที” เร่งจัดการ “เว็บไซต์” จาบจ้วงสถาบัน ย้ำ “ทหาร” ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ลั่นพร้อมป้องกันเหตุนองเลือดก่อน 1 พ.ย.นี้ หลัง “แม้ว” ประกาศโฟนอินเป่าหู “สาวก” ข้ามประเทศ

วานนี้ (26 ต.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลเผยแพร่ข้อความผ่านทางอินเทอร์เน็ต วิทยุชุมชุน และใบปลิว โดยมีเนื้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่ของทุกองค์กร และทุกสถาบัน รวมทั้งคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันในการที่จะไม่ให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมา ส่วนกองทัพก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และอยากให้คิดว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความขัดแย้งทางความคิดค่อนข้างมาก แต่ละฝ่ายสามารถประคับประคองสถานการณ์ต่างๆ ให้สามารถไปได้ โดยไม่ให้มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทำให้สังคมไทยสามารถไปได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการกำชับหน่วยที่ขึ้นตรงของกองทัพทุกหน่วย ให้ไปดูแลพื้นที่ในความรับผิดชอบของตัวเองในแต่ละจังหวัด และหากพบเห็นพฤติกรรมในลักษณะที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็ให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด และดำเนินการอย่างเฉียบขาด ส่วนเว็บไซต์ต่างๆ นั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกัน โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที

“สำหรับหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำผิดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เราก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่เพียงอย่างเดียว หมายถึง เจ้าหน้าที่ทหารที่มีอยู่ในกองทัพภาค ซึ่งทุกหน่วยขึ้นตรงกับกองทัพบกทั่วประเทศไทย จะต้องช่วยกันสอดส่องดูแลในพื้นที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของวิทยุชุมชน และการแจกจ่ายใบปลิว” พ.อ.สรรเสริญ ระบุ

เมื่อถามว่า ได้ประเมินถึงจุดประสงค์ของผู้ที่ดำเนินการในเรื่องนี้หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า คงจะมาจากหลายๆ ส่วน แต่พระองค์อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งทางด้านความคิด และการเมือง ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือ อย่าพยายามแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และอย่าพยายามทำให้คนในสังคมเข้าใจว่า พระองค์ท่านมีความคิดทางการเมืองอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน เหมือนที่ ผบ.ทบ.ได้เคยพูดเอาไว้ว่า อย่าพยายามไปแบ่งว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของคนส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่ถูกต้อง และจากส่วนนี้เอง ทำให้มีคนบางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และออกมาโจมตีหมิ่นเหม่

ส่วนเรื่องการเมืองที่มีความพยายามที่จะดึงพระองค์ท่านลงมาหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองมีปัญหา ทุกฝ่ายพยายามประคับประคองให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ และหวังว่าอนาคตข้างหน้าจะมีทางออกโดยไม่ลุกลามบานปลายเป็นเรื่องใหญ่โต จนควบคุมไม่ได้ และเกิดจลาจล ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากบารมีของพระองค์ท่าน จึงอยากให้ย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านทรงมีเมตตากับพสกนิกรคนไทยทุกหมู่เหล่า โดยไม่เลือกเพศ ไม่เลือกชนชั้น ไม่เลือกอายุ ไม่เลือกวัย

“ดูตัวอย่าง เช่น คริส เบญจกุล ปู่เย็น คุณครูจูหลิง ผู้กองแขก โดยเฉพาะผู้หมวดตี้ ที่พระองค์ทรงช่วยเหลือ ซึ่งน้องโบว์ก็เป็นหนึ่งในนั้น บังเอิญว่าน้องโบว์มาเกี่ยวข้องในเรื่องทางการเมือง ก็เลยโยงใยและสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากให้ทุกคนพิจารณาให้รอบคอบว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ช่วยให้บ้านเมืองพ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆ และเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจทำให้สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ ถึงจะมีความขัดแย้งมากมายก็สามารถดำเนินไปได้ เพราะทุกคนยังหวังว่าจะมีทางออก” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะออกมาแถลงการณ์ โดยอ้างว่า เป็นภัยคุกคามของคนชั้นสูงจนถูกนำไปตีความ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งทางกองทัพก็พยายามอธิบายให้สังคมได้รับรู้ว่า กองทัพมีจุดยืนที่เหมาะสมที่สุดในวันนี้ คือเราไม่สามารถเลือกฝ่ายได้ เพราะทุกฝ่ายก็ล้วนเป็นประชาชนคนไทย และสิ่งที่กองทัพทำได้ดีที่สุดในขณะนี้ คือ ทำหน้าที่เรื่องการปกป้องภัยคุกคามจากภายนอก ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ฉะนั้น ขอวิงวอนให้ทุกคนช่วยเหลือในเรื่องตรงนี้ ขณะเดียวกัน กองทัพก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการเมือง เพราะเป็นปัญหาที่ฝ่ายการเมืองจะต้องไปแก้ปัญหากันเอง

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดการต่อสู้กันของคนในชนชั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในสังคมในวันนี้มีความขัดแย้งอยู่มากพอสมควร แต่บ้านเมืองเราจะไปในทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับทุกคนในสังคมที่ต้องคิดไตร่ตรองโดยใช้สติให้มั่นว่าจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร เพราะจุดหมายปลายทางนั้น ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย จึงอยากให้พิจารณาว่า สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นทางออกของบ้านเมือง หรือเพื่อการเอาชนะคะคานกัน จึงอยากให้ทุกคนยืดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องความรักสามัคคี ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี

เมื่อถามถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยคุกคามหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แล้วแต่จะมองกัน ซึ่งกองทัพยังไม่มีการประเมิน ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการนองเลือดก่อนถึงวันที่ 1 พ.ย.นี้นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กองทัพต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร และประสานงานกับทุกเหล่าทัพ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง เท่าที่จะทำได้

พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นการกดดันให้ทหารออกมากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดว่า แล้วแต่จะมองกัน แต่ทางกองทัพยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง และมีจุดยืน คือ การปฏิบัติภารกิจทางทหารเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะการใช้กำลังทหารเข้าแก้ปัญหานั้นจะใช่ทางออกของสังคมหรือไม่ ฉะนั้น กลุ่มที่ออกมาเรียกร้อง ควรให้การเมืองแก้ไขด้วยการเมือง แต่คงจะให้แก้ด้วยระบบทหารไม่ได้ วันนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ท่านทั้งหลายได้เคยพูดไว้ว่า จะต้องทำให้เราดู

“กองทัพมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลุ่มคนที่มีความคิดที่จะทำให้เกิดความแตกหักในสังคม เกิดการปะทะกัน ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงอยากวิงวอนให้ทุกฝ่ายใช้สติคิดให้รอบคอบ และคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด”

เมื่อถามว่า กรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาระบุว่า การยึดทำเนียบของกลุ่มพันธมิตรฯ ถือเป็นความผิดของ ผบ.ทบ. เพราะอยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นความคิดที่สามารถคิดได้ กองทัพก็รับฟัง แต่การประกาศ พ.ร.ก.ที่ผ่านมาเกิดจากการปะทะกันของกลุ่มพันธมิตรฯ และ นปช. ส่วนการยึดทำเนียบฯ เป็นส่วนที่นอกเหนือจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีอยู่ก่อนหน้านี้ ผบ.ทบ.ก็ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ฉะนั้นเรามั่นใจว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกกต้องที่สุดแล้ว ซึ่งสถานการณ์ในทำเนียบฯ ไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องใช้ พ.ร.ก.
กำลังโหลดความคิดเห็น