“นาธาน” หลบหน้าคู่กรณี แอบฝากเพื่อนแม่บุญธรรมนำเงินคืนคณะลูกทัวร์ จบคดีโกงเงิน เหลือคดีฉ้อโกงหุ้นส่วนร้าน ยังไม่ยอมเผยตัวนำเอกสารโชว์ยันความบริสุทธิ์ “ดีเจ เจเจ” สุดฉุนอดีตนักร้องหนุ่มชิ่งประจันหน้า เข้าแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจพร้อมออกหมายเรียก “นาธาน” พรุ่งนี้ (1 ก.ย) เดดไลน์ 15 วันหากเบี้ยวอีก เจอหมายจับแน่
เกี่ยวกับกรณีที่อดีตนักร้องหนุ่ม “นาธาน โอร์มาน” ไปก่อคดีลวงโลก ยักยอกเงินหุ้นส่วนร้าน “JAMAREE YAK CAFE GALLERY” และกลุ่มลูกทัวร์ของบริษัท “LUXURY AIR TRAVEL” ที่เขาเคยเป็นหุ้นส่วนอยู่ โดยผู้เสียหายทั้งสองได้มีการแจ้งความ และลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน. หัวหมาก เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้มีการนัดแนะกันว่า อดีตนักร้องหนุ่มจะนำเงินจำนวน 77,000 บาทมาคืนลูกทัวร์ให้ครบในวันที่ 31 ส.ค.นี้ พร้อมจะนำเอกสารเป็นสลิปการโอนเงิน เพื่อชำระค่าเช่าร้านมาโชว์ให้หุ้นส่วนดูด้วย
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (31 ส.ค.) ที่สน.หัวหมาก ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เนื่องจากทีแรกมีการนัดหมายให้อดีตนักร้องหนุ่มมาคืนเงินผู้เสียหายในเวลา 09.00 น. แต่ปรากฏทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรไปแจ้งลูกทัวร์และ “ดีเจ เจเจ” ว่าขอเลื่อนไปเป็นเวลา 14.00 น. และเมื่อถึงเวลาตามที่นัด ทางเจ้าหน้าที่ก็นำเงินมาคืนให้ผู้เสียหายที่เป็นลูกทัวร์ ครบตามจำนวนที่นาธานค้างไว้ โดยอ้างว่าเพื่อนแม่บุญธรรมของนาธาน ได้นำมาฝากไว้ให้ตั้งแต่เช้า
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ “ดีเจ เจเจ” และหุ้นส่วนถึงกับออกอาการหัวเสียที่ไม่ได้เจอคู่กรณีอย่างที่ตั้งใจ รวมทั้งคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้นำเรื่องไปปรึกษาท่านผู้กำกับสน.หัวหมาก และได้มีการอนุมัติจากท่านผู้กำกับลงมาว่า จะออกหมายเรียกนาธานวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย) และภายใน 15 วันหากอดีตนักร้องหนุ่มเบี้ยวไม่มา จะออกหมายจับทันที
“ตอนนี้เรื่องของคดีทัวร์จบแล้ว เพราะได้มีการนำเงินมาคืนให้แล้ว โดยใครก็ไม่ทราบ แต่เรื่องของร้าน จามารี แยค คาเฟ่ ยังไม่เคลียร์เลย เพราะว่า ณ วันนี้ที่นัดมาดูเอกสาร แต่ตัวเขาไม่ได้มาเอง เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้เจอทางฝั่งเขาเลย เรามารอเพื่อหวังจะได้เจอ แต่ก็ไม่ได้เจอ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร”
“แต่เมื่อกี้ได้ไปปรึกษาท่านผู้กำกับทางสน.หัวหมาก ท่านก็บอกว่าดูรูปคดีแล้ว เรื่องราวและเอกสารทั้งหมดแล้ว ท่านก็บอกว่าให้ออกหมายเรียกแล้วก็เป็นหมายจับได้เลย เพราะว่ามีผู้เสียหายแสดงตัวอีกค่อนข้างจะเยอะ ปัญหาก็คือว่าเขามีการยืดเยื้อเวลาของเรื่องร้าน จามารีฯ ไป เพื่อที่จะให้มันหมดอายุความ อีกแค่เดือนเดียวก็จะหมดอายุความแล้ว"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ มันจะเสียเวลามาก แล้วทางร้านเราก็มีปัญหาเรื่องสัญญาเช่า ที่เราต้องรับผิดชอบต่อเจ้าของบ้านด้วย”
“เขายืนยันเองว่ามีเอกสารการโอนเงิน ที่เขาอ้างอิงเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ซึ่งผู้หมวดสมเจตน์ (ร.ต.อ.สมเจตน์ พลเหลา ตร.ผู้ดูแลคดี) ก็ได้เป็นพยานในห้องไกล่เกลี่ยว่า เขาพูดว่าจะนำสลิปนั้นมาโชว์ และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามระบบระเบียบกฎหมายหมด มีการลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อย แต่พอมาถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการพูดเพิ่มเติมด้วยว่า จะได้เจอกันเมื่อไหร่ยังไง”
“ที่ติดใจก็ตรงเรื่องการติดต่อ ทำไมในเมื่อเขาบอกว่ามีสลิป ทำไมถึงไม่เอามา มันก็ง่ายนิดเดียว ถ้าเขาไม่มีก็ต้องบอกว่า จะทำยังไงต่อ แต่เขาบอกเองว่ามี ผู้หมวดสมเจตน์เลยบอกว่าให้เวลาเขาไปรวบรวมเอกสาร เราก็ตกลงตามนั้น ณ วันนั้นถึงวันนี้เขาน่าจะรวบรวมเอกสารได้แล้ว ถ้าเกิดเขามีเอกสารจริงตามที่อ้างอิง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก แต่นี่มันกลายเป็นเรื่องที่ต้องคลุมเครือจนถึงวันนี้”
เผยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตนักร้องหนุ่ม ในข้อหาฉ้อโกง ไม่ฟันธงว่า “นาธาน” จะมาตามหมายเรียกหรือไม่ ยังยันแค่เอาเอกสารมาโชว์ตามที่นัดเรื่องก็จบ
“วันนี้เราได้แจ้งความคดีฉ้อโกง เหตุที่ก่อนหน้านี้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพราะเราต้องการเจรจาไกล่เกลี่ยกันง่ายๆ ในเมื่อเขาบอกว่ามีสลิป เราก็นัดวันเพื่อมาโชว์สลิป จะได้ไม่มีการแจ้งความเกิดขึ้นอีก แล้วในส่วนของทัวร์ได้มีการแจ้งความไปแล้ว ก็คิดว่ามันจะได้ง่ายสำหรับเรา แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไป ก็ไม่มีการเรียก ไม่มีเอกสารการโอนเงินอย่างที่เขาบอก หรือว่ามีแต่เราก็ยังรอดูอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องดำเนินการต่อไป”
“หมายเรียกคิดว่าน่าจะออกภายใน 15 วันนับจากนี้ ซึ่งผู้กำกับดูรูปคดีแล้ว ด้วยความที่มีเจ้าทุกข์หลายคน ก็อาจจะเป็นหมายจับต่อไปได้เลย คือตอนนี้เบื้องต้นเป็นหมายเรียกครั้งที่ 1 ก่อน หลังจากนั้นจะเป็นหมายจับ ซึ่งตรงนี้ได้รับการพิจารณาจากผู้กำกับแล้ว จะได้เกิดการแก้ปัญหาเกิดขึ้น ก่อนที่คดีจะหมดอายุไป”
“เราก็ไม่ทราบว่าหลังโดนหมายเรียกแล้ว เขาต้องมาด้วยตัวเองหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เราต้องการก็เพียงแค่ให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เสียหายไป ก็แค่จำนวนเงินในสลิป และก็มีในเคสของททท. อีก ซึ่งเขาก็ได้แจ้งความวันนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ก็อย่างที่เจเจกับเพื่อนหุ้นส่วนพูดว่า ถ้าเรื่องของสลิปจบทุกอย่างก็คือจบ”
บอกไม่ต้องการเงินอะไรเพิ่มเติม ขอแค่เคลียร์ส่วนที่โอนไปเป็นค่าเช่าร้าน ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสด เหมือนเคสของลูกทัวร์ก็ได้ไม่ว่ากัน
“เป็นเงินสดได้อยู่แล้ว คือตอนนี้อะไรก็ตามที่ให้มันเคลียร์กับเจ้าของบ้านได้ แล้วทำให้เราไม่ผิดสัญญาเช่า เราแค่อยากเห็นสลิปกับจำนวนเงินตามที่เขาอ้างอิงว่ามี เราไม่ได้ต้องการเงินอะไรจากเขาเพิ่มเติม เราแค่ต้องการเงินทุนของเรา ที่เป็นการโอนไปเป็นเรื่องของค่าเช่าบ้าน เราอยากจะเคลียร์เรื่องของจำนวนเงินเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ตัวเลขมีคลุมเครืออยู่หลายอย่างมาก"
"เพราะมันมีส่วนที่เขาโอนเป็นเงินสดไปให้ คือ 22,000 บาท แต่ที่เราลงบันทึกประจำวันไว้ว่า เป็นการโอนเพิ่มเติมในเรื่องของเงินประกันบ้าน จำนวนประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท และมีอีก 3 พันที่เป็นยอดแรกที่ได้ดูกันในวันที่ 27 ไป นั่นคือค่าเช่า คือมันยังเป็นยอดยิบย่อยอยู่ เราต้องรวบรวมให้มันเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าเขามีเอกสาร เราก็อยากจะขอเขาดูหน่อยแค่นั้น”
ด้านลูกทัวร์ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย น.ส.รัตติกร โลหชลิตานนท์, น.ส.สรัญญา สิทธิธีรรัตน์, น.ส.นิธิวรรณ์ รัตสุทธิกุล และน.ส.จารุพรรณ วีระวัฒนาเดช ที่ได้เงินคืนจากนาธาน ครบตามจำนวนที่ได้แจ้งความไว้ ต่างก็ดี๊ด๊ามีความสุข พร้อมยอมถอนแจ้งความไม่ดำเนินคดีอดีตนักร้องหนุ่ม
โดยน.ส.จารุพรรณ วีระวัฒนาเดช ได้เป็นตัวแทนกลุ่มลูกทัวร์ เผยความรู้สึกว่า รู้สึกสบายใจที่ได้เงินคืน ลั่นไม่เคียดแค้นนาธาน และอยากเจอในฐานะเพื่อนฝูง
“วันนี้เกี่ยวกับเรื่องคดีทัวร์ เราก็ได้ถอนแจ้งความเรียบร้อยแล้ว เพราะได้มีการชดใช้เงินครบจำนวน เป็นเงินสดทั้งหมด 77,000 บาท ของทั้ง 4 คนรวมกัน ตอนนี้เราก็ไม่มีติดใจอะไรแล้ว ก็สบายใจขึ้น”
“เราไม่ได้คุยกับนาธานเลย ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนฝากเงินของนาธานไว้กับตำรวจ ก็ไม่ทราบว่าที่เขาไม่มาคืนด้วยตัวเอง เพราะต้องการหลบหน้าหรือเปล่า เขาก็คงไม่อยากมาเจอหน้า แต่จริงๆ เราอยากเจอเขานะ เหมือนว่าเจอกันในฐานะเพื่อนฝูง เราไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นอะไรเขา ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว”
“ตอนที่เราตกลงไปเนปาลด้วยกันกับเขา ในฐานะเป็นตัวแถมของกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ แล้วได้ให้เงินมัดจำไป เราก็ไม่ได้มีการสอบถามอะไรมาก เพราะเราก็คือเพื่อนกัน แต่พอทราบว่าทางทัวร์ใหญ่ยังไม่ได้ตกลงหรือมีการทำสัญญา เราก็เลยขอยกเลิกในส่วนของเรา"
"แต่พอไม่ได้ถามว่าเสียความรู้สึกกับเขาไปเลยมั้ย คิดว่าจริงๆ มันน่าจะมาคุยกันตั้งแต่แรก เรื่องจะได้ไม่มาถึงขนาดนี้ ต่อไปหลังจากนี้ถ้ามีโอกาสได้เจอเขา ก็สามารถพูดคุยกันได้ แต่เราคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”