ส.ภัตตาคาร ร่างจดหมายอ้อนสศช.ขยายเวลาโครงการต้นกล้าอาชีพ เฟส 2 หวังปรับมาตรฐานบุคคลากรได้ครอบคลุมเพิ่มอีก 30 จังหวัด ช่วยชะลอการปลดพนักงานได้ 30% ยาหอมรัฐบาลชุดนี้เห็นความสำคัญของธุรกิจร้านอาหารต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆที่มองข้าม
นางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการร่างหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อขอขยายเวลาโครงการต้นกล้าอาชีพเป็นระยะ 2(เฟส2) เพื่อจะได้มีเวลาในการนำบุคคลากรร้านอาหารเข้ามารับการฝึกอบรมเสริมศักยภาพเรื่องของการบริการให้ครอบคลุมพนักงานและลูกจ้างในอุตสาหกรรมภัตตาคารได้อีก 30 จังหวัด จากปัจจุบัน โครงการในเฟสแรกจะครบกำหนด 30 ก.ย.52 ซึ่งสมาคมสามารถดำเนินการจัดอบรมได้แล้วใน 40 จังหวัด รวมจำนวน 2 หมื่นคน ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับบุคคลากรในอุตสาหกรรมนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด 10 ล้านคน จากผู้ประกอบการ 4 แสนรายในที่นี้เป็นสมาชิกของสมาคมประมาณ 1 แสนราย
“หากรัฐตัดสินใจต่อโครงการเฟส 2 เชื่อว่าช่วยชะลอการเลิกจ้างงานได้อย่างน้อย 30% จากผู้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้แก่บุคคลากรในอุตสาหกรรมร้านอาหารและภัตตาคารให้เทียบชั้นระดับสากล พร้อมรับมือกับการเติบโตภายหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว”
สำหรับโครงการเฟส 2 นี้ คาดว่ารัฐต้องใช้งบสนับสนุนราว 200 ล้านบาท เท่ากับเฟสแรก ซึ่งสมาคมฯมีความยินดีที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเห็นความสำคัญของธุรกิจอาหาร และให้การช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งต่างกับรัฐบาลในชุดที่ผ่านๆมา ทำให้ผู้ประกอบการมีกำลังใจ และเริ่มเห็นสัญญาณว่าธุรกิจนี้จะมีอนาคตที่สดใสในอีกไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปัจจุบันยอดขายลดลง 25% เป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ เป็นผลให้ผู้ประกอบการบางรายตัดสินใจปิดกิจการไปแล้ว 2.43% ของจำนวนทั้งหมด และอีก 10% อยู่ระหว่างการตัดสินใจ ขณะที่ความช่วยเหลือด้านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในโครงการของรัฐบาล ซึ่งเฉพาะร้านอาหารยื่นขอกู้ไปจำนวน 660 ราย ผ่านการพิจารณาทั้งหมด สาเหตุอาจเป็นเพราะวงเงินที่ขอกู้น้อย เฉลี่ยที่รายละประมาณ 3 แสนบาทถึง 5 ล้านบาท อีกทั้งร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่มีหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอล ล่าสุด สมาคมได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ พัฒนาร้านอาหารไทยสู่มาตรฐานสากลภายใน 3 ปีข้างหน้า ชูเมนูอาหารไทย ส้มตำไก่ย่าง ผัดไทย เทียบชั้นอาหารฟาสต์ฟู้ดนานาชาติ
นางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการร่างหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อขอขยายเวลาโครงการต้นกล้าอาชีพเป็นระยะ 2(เฟส2) เพื่อจะได้มีเวลาในการนำบุคคลากรร้านอาหารเข้ามารับการฝึกอบรมเสริมศักยภาพเรื่องของการบริการให้ครอบคลุมพนักงานและลูกจ้างในอุตสาหกรรมภัตตาคารได้อีก 30 จังหวัด จากปัจจุบัน โครงการในเฟสแรกจะครบกำหนด 30 ก.ย.52 ซึ่งสมาคมสามารถดำเนินการจัดอบรมได้แล้วใน 40 จังหวัด รวมจำนวน 2 หมื่นคน ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับบุคคลากรในอุตสาหกรรมนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด 10 ล้านคน จากผู้ประกอบการ 4 แสนรายในที่นี้เป็นสมาชิกของสมาคมประมาณ 1 แสนราย
“หากรัฐตัดสินใจต่อโครงการเฟส 2 เชื่อว่าช่วยชะลอการเลิกจ้างงานได้อย่างน้อย 30% จากผู้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้แก่บุคคลากรในอุตสาหกรรมร้านอาหารและภัตตาคารให้เทียบชั้นระดับสากล พร้อมรับมือกับการเติบโตภายหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว”
สำหรับโครงการเฟส 2 นี้ คาดว่ารัฐต้องใช้งบสนับสนุนราว 200 ล้านบาท เท่ากับเฟสแรก ซึ่งสมาคมฯมีความยินดีที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเห็นความสำคัญของธุรกิจอาหาร และให้การช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งต่างกับรัฐบาลในชุดที่ผ่านๆมา ทำให้ผู้ประกอบการมีกำลังใจ และเริ่มเห็นสัญญาณว่าธุรกิจนี้จะมีอนาคตที่สดใสในอีกไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปัจจุบันยอดขายลดลง 25% เป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ เป็นผลให้ผู้ประกอบการบางรายตัดสินใจปิดกิจการไปแล้ว 2.43% ของจำนวนทั้งหมด และอีก 10% อยู่ระหว่างการตัดสินใจ ขณะที่ความช่วยเหลือด้านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในโครงการของรัฐบาล ซึ่งเฉพาะร้านอาหารยื่นขอกู้ไปจำนวน 660 ราย ผ่านการพิจารณาทั้งหมด สาเหตุอาจเป็นเพราะวงเงินที่ขอกู้น้อย เฉลี่ยที่รายละประมาณ 3 แสนบาทถึง 5 ล้านบาท อีกทั้งร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่มีหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอล ล่าสุด สมาคมได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ พัฒนาร้านอาหารไทยสู่มาตรฐานสากลภายใน 3 ปีข้างหน้า ชูเมนูอาหารไทย ส้มตำไก่ย่าง ผัดไทย เทียบชั้นอาหารฟาสต์ฟู้ดนานาชาติ