ท่านผู้อ่านที่เคารพ
บริวารหางแดงข่มอภิสิทธิ์และเชิดชูทักษิณ ด้วยการโกหกพกลมทั้งสิ้น
ที่สมุนหางแดงว่า อภิสิทธิ์ดีแต่กู้-รู้แต่ขึ้นภาษี ในขณะที่ทักษิณหาเงินเก่ง จนใช้เงิน IMF หมดนั้นก็ตอแหลหน้าด้านๆ
ผมได้วานท่านผู้รู้ให้เขียนเรื่องจริง คือ คุณสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ ผู้คอยติดตามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของทักษิณ และโล่งใจที่ทักษิณถูกขับออกเสีย ไม่งั้นบ้านเมืองคงจะล้มละลายหายนะมากกว่านี้
คุณสุทธิพงษ์เขียนมาอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ แต่ยาวกว่าเนื้อที่ของคอลัมน์คิดถึงเมืองไทยไปมาก
ผมขอเสนอให้รัฐบาล หน่วยงานประชาสัมพันธ์ หรือท่านผู้มีจิตศรัทธาพิมพ์อนุสาร-บทความของคุณสุทธิพงษ์แจกจ่ายให้แพร่หลายโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่บรรดาครู นักเรียน แม่บ้านตำรวจ อสม. และพลพรรคเสื้อสีแดงทั้งหลายที่กำลังบ้าคลั่งจะถวายฎีกา เพื่อคนบ้าคนเดียว
ผมขอนำข้อความบางตอนมาเสนอดังนี้
บทคัดลอกจากบางส่วนจากอนุสารที่คอยตีพิมพ์ของคุณสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ เรื่อง “10 เหตุผลที่ ..นอกจากไม่อภัยโทษทักษิณ?”
1) ทักษิณ ..เริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2544
2) เกิดปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล (เกิดหลังจากมีรัฐบาลทักษิณ)
3) เกิดการรวมตัว สนธิ+สมาพันธ์ต่างๆ ..เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ..(เสื้อเหลือง)
4) เกิด นปก. นปช. (สีแดง) ทักษิณสร้างกลุ่มเสื้อแดงขึ้นมาต่อต้านคนเสื้อเหลือง และฝ่ายตรงข้าม
5) เกิดการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และเกิด คมช.
6) เกิดความแตกแยกของคนในชาติ
หากไม่มีคนและเหตุการณ์ในข้อ 1 ก็จะไม่มีคนและเหตุการณ์ในข้อ 2 ถึงข้อ เพราะมีคนและเหตุการณ์ในข้อ 1 จึงมีคนและเหตุการณ์ในข้อ 2 ถึงข้อ 6 นช.ทักษิณ คือต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ
เศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นเศรษฐกิจขนาดเล็ก มูลค่าเงินจึงเล็กด้วย เงินที่ไหลออกจากประเทศไทย จึงไม่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโลก
ในปี 2000 เกิดการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดกซ์ของประเทศสหรัฐอเมริการุนแรง Nasdaq Index ตกไป 78 เปอร์เซ็นต์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก มูลค่าเงินเหรียญสหรัฐจึงมากที่สุดในโลก การพังทลายของตลาดหุ้น ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น และไหลออกไปท่วมประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลให้สกุลเงินต่างๆ ตลาดหุ้นประเทศต่างๆ และทุนสำรองฯ ของประเทศต่างๆ สูงขึ้น
ราคาทองคำ เงิน เหล็ก สังกะสี ดีบุก แพลตินั่ม ฯลฯ ราคาสูงขึ้น
ราคาน้ำมันปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ต่างๆ สูงขึ้น
ราคาสินค้าเกษตร ยางพารา ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ฯลฯ ราคาสูงขึ้น
ราคาและมูลค่าสิ่งต่างๆ ที่กล่าวนี้ ไม่ได้สูงขึ้นที่ประเทศไทยที่เดียว แต่สูงขึ้นทั่วทั้งโลก แล้วก็ขึ้นไปสูงสุดในปลายปี 2007 จากนั้นราคาสินค้าและบริการทั้งหลายทั้งปวงก็พังทลายลงตลอดปี 2008 เศรษฐกิจทั้งโลกฟุบลงเป็นประวัติการณ์ ฟุบถึงต้นปี 2009 แล้วจึงเกิดการฟื้นตัวทางเทคนิคตามมา เหตุการณ์ทั้งหมด World funds อยู่เบื้องหลัง สวมรอยควบคุม สวมรอยปั่น
สังเกตช่วงเวลา ..ช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณคือ 2001-2006 (2544-2549)
ตลาดแนสแดค และค่าเงินเหรียญสหรัฐเริ่มพังทลายในปี 2000 รัฐบาลทักษิณมาในช่วงปี 2001 เป็นช่วงที่เงินจากอเมริกาไหลออกมาท่วมโลก และท่วมประเทศไทยพอดี
ข้อมูลเหล่านี้ เรานำมาเป็นข้อมูลพิจารณาสถานะและฝีมือการบริหารงานของอดีตนายกฯ ทักษิณได้ นั่นคือ
1) ค่าเงินบาท ตลาดหุ้น และทุนสำรองเงินตราของประเทศไทยสูงขึ้น ไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลทักษิณ
2) การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ หมดในกลางปี 2006 ไม่ได้เกิดจากฝีมือการบริหารประเทศของรัฐบาลทักษิณ เงินที่ไหลเข้าประเทศไทยที่เกิดจากการพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้ทุนสำรองฯ สูงขึ้น ทำให้สามารถนำไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด ประเทศอินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ที่เข้าโครงการไอเอ็มเอฟในเวลาใกล้เคียงกันกับประเทศไทย ก็สามารถใช้หนี้หมดก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน
ถ้ามีฝีมือจริง หนี้สาธารณะที่มีอยู่ 3.4 ล้านล้านบาท ก็ควรจะทำให้ลดลงด้วย แต่ปรากฏว่าหนี้สาธารณะของประเทศไม่ลด หนี้ครัวเรือนก็อยู่ที่ระดับสูง ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนต่างเกิดจากความผิดปกติของระบบ ความผิดปกติของระบบยังคงอยู่ จะส่งผลให้หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนในอนาคตในรัฐบาลต่อมาสูงขึ้นอีก
3) ราคายาง ราคาสินค้าเกษตรต่างๆ ที่สูงขึ้น ไม่ใช่เกิดจากฝีมือการบริหารประเทศของนายกฯ ทักษิณเช่นเดียวกัน
4) อบายมุข อบายมุขทุกชนิดคืออาชีพที่ไม่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกิดความเจริญแก่ระบบ เป็นการเอารัดเอาเปรียบระบบ เอารายได้จากอบายมุขมาช่วยการศึกษา ส่งเด็กด้อยโอกาสไปเรียนต่างประเทศ (เกินความจำเป็น) เอามาช่วยการกีฬา เอามาช่วยการกุศล
เอา 'อกุศล' มาช่วยงาน 'กุศล' อยากได้กุศลมากเท่าใด ก็ต้องสร้างอกุศลมากเท่านั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง (มิจฉาทิฐิ) การสร้างงานด้วยอบายมุขเป็นงานที่ผิดศีลธรรม ไม่ว่าสลากกินแบ่ง หวยบนดิน และหวยออนไลน์ (มิจฉาอาชีวะ) การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รัฐเสียหายเกือบ 4 หมื่นล้านบาท ทุกวันนี้ไม่ทราบเงินไปอยู่ที่ไหน ใช้ไปอย่างไร
5) ทัวร์แจกเงิน ทักษิณเป็นคนที่ขยันทัวร์ไปตามจังหวัดต่างๆ มากกว่านายกฯ คนใดเรียกว่าทัวร์นกขมิ้น ไปค้างคืนที่ศีรษะอโศก ก่อนลากลับขอถวายเงินแก่ท่านสมณโพธิรักษ์ ตามกฎของชุมชนอโศก ทำให้รับเงินที่ขอถวายไม่ได้ มีการหาทางออก เพื่อไม่ให้เกิดการเสียหน้า โดยให้มอบเป็นทุนการศึกษาแก่โรงเรียนสัมมาสิกขาลัย ภายหลังทางชุมชนทราบว่า เป็นเงินจากกองสลากฯ จะนำเงินมาคืน ทางผู้ที่เกี่ยวข้องไม่รับคืน
เชื่อว่าเงินกองสลากที่หายไปเกือบ 4 หมื่นล้านบาท น่าจะอยู่ที่การใช้จ่ายกับทัวร์นกขมิ้นส่วนหนึ่ง หรือทัวร์หว่านเงิน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถูกยึดทรัพย์เพราะนำเงินจากกองสลากฯ ไปใช้ผิดประเภท
6) เศรษฐกิจจริงของรัฐบาลทักษิณ (Real economy) ดีด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังในรัฐบาลทักษิณ บอกว่าอีก 4 ปี จะทำงบประมาณแบบสมดุล ชี้บอกว่างบประมาณจะสมดุลในรัฐบาลใหม่ ฟังแล้วฟังดี แต่ดีเพียงคำพูด งบประมาณรัฐบาลทักษิณขาดดุลทุกปี งบประมาณในรัฐบาลที่ผ่านๆ มาก็ขาดดุลทุกปีเช่นกัน ไม่เป็นไปอย่างที่ดร.สมคิดพูด 4 ปีสร้าง 4 ปีซ่อม เป็นเพียงวลีชวนเชื่อ
7) ความยากจน -1 สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณสูงขึ้น จากที่เงินทุนไหลเข้า ทำให้มีการใช้เงินแบบมือเติบ ขาดวินัยด้านการเงินและการคลัง ปรับโครงสร้างข้าราชการ ทำให้เกิดหน่วยงานและตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นและซ้ำซ้อน ยกฐานะการศึกษา ยกสถาบันราชภัฏทั่วประเทศขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย ขึ้นเงินเดือนข้าราชการหลายรอบ ทำให้เงินคงคลังติดลบ ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ต้องขายทรัพย์สินของกระทรวงการคลังออกเป็นจำนวนมาก
ช่วงรัฐบาลทักษิณเอารัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 5 แห่งเข้าตลาดหุ้น ได้แก่ ปตท. (PTT) อสมท (MCOT) ท่าอากาศยานไทย (AOT) ไทยออยล์ (TOP) ปตท.เคมิคอล (PTTCH) ปตท.ไอพีโอที่ราคาต่ำ นักการเมืองและผู้อุปการคุณได้ประโยชน์จากการนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้เงินคงคลังดีขึ้น ต้องขายทรัพย์สินและหนี้สินอื่นๆ ของรัฐออกมาอีก คนไทยยุคทักษิณยากจน ไม่มีเงินซื้อ ต้องขายให้ต่างชาติ ขายจนกระทั่งต่างชาติเอามาตั้งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ได้ถึง 2 ธนาคารคือ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และยูโอบี ธนาคารทั้ง 2 นี้ ต่างชาติถือหุ้น 99 เปอร์เซ็นต์ทั้ง 2 ธนาคาร
8) ความยากจน -2 บริษัทในกลุ่มปตท. มีทั้งหมด 7 บริษัท (ปี 2549) มีตำแหน่งกรรมการทั้งหมด 161 ตำแหน่ง มีกรรมการรวมกัน 70 คน หลายคนมีหลายตำแหน่ง มีเงินเดือน และเงินตอบแทนประจำปี คนละ 10-25 ล้านบาท (เป็นผู้บริหาร 10 ปี จะมีรายได้ 100-250 ล้านบาท) ผู้ถือหุ้นรายย่อยรวม 204,561 คน ปี 2550 มีกำไรสุทธิรวม 177,935 ล้านบาท ประมาณว่าครึ่งหนึ่ง 88,968 ล้านบาท จ่ายเป็นปันผลให้กระทรวงการคลัง (หรือประชาชน 64 ล้านคนได้ประโยชน์) อีกครึ่งหนึ่ง 88,968 ล้านบาท จ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 2 แสนคน
กล่าวโดยสรุป กลุ่ม ปตท.ขูดรีดราคาพลังงานไปจากประชาชน 64 ล้านคน เอาไปแบ่งปันให้ผู้บริหาร 70 คน และผู้ถือหุ้น 204,561 คน ผู้บริหารกลุ่ม ปตท.ที่มีรายได้ปีละ 10-25 ล้านบาท เป็นผู้อนุมัติสปอนเซอร์ตามสถานีวิทยุและโทรทัศน์ต่างๆ โฆษณาให้ชาวบ้านที่อดอยาก ไม่มีจะกิน ให้ประหยัดการใช้น้ำมัน และเป็นอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง
จบข้อความบางส่วนแค่นี้ก่อน ยังไม่ครบความระยำทั้ง 10
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ข้อเขียนทั้งหมดยังเหลืออยู่อีกกึ่งหนึ่ง ผมได้นำเสนอผู้ที่รับผิดชอบในรัฐบาลไปนานพอสมควรแล้ว ยังเงียบฉี่อยู่ จนกระทั่งผมได้ยินบ่อยเข้าและดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า อะไรจะกระทบกระเทือนใจทักษิณแม้แต่น้อยรัฐบาลนี้จะไม่ทำ และรัฐบาลนี้จะไม่มีวันถอดยศทักษิณเป็นอันขาด
ถ้ารัฐบาลไม่นำพา พวกเราช่วยคุณสุทธิพงษ์พิมพ์เองดีไหมครับ ใครเห็นด้วย ติดต่อโดยตรงที่ Suthipong Prachayapruit indexthai@yahoo.com
ขอบคุณครับ
ปราโมทย์ นาครทรรพ
บริวารหางแดงข่มอภิสิทธิ์และเชิดชูทักษิณ ด้วยการโกหกพกลมทั้งสิ้น
ที่สมุนหางแดงว่า อภิสิทธิ์ดีแต่กู้-รู้แต่ขึ้นภาษี ในขณะที่ทักษิณหาเงินเก่ง จนใช้เงิน IMF หมดนั้นก็ตอแหลหน้าด้านๆ
ผมได้วานท่านผู้รู้ให้เขียนเรื่องจริง คือ คุณสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ ผู้คอยติดตามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของทักษิณ และโล่งใจที่ทักษิณถูกขับออกเสีย ไม่งั้นบ้านเมืองคงจะล้มละลายหายนะมากกว่านี้
คุณสุทธิพงษ์เขียนมาอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ แต่ยาวกว่าเนื้อที่ของคอลัมน์คิดถึงเมืองไทยไปมาก
ผมขอเสนอให้รัฐบาล หน่วยงานประชาสัมพันธ์ หรือท่านผู้มีจิตศรัทธาพิมพ์อนุสาร-บทความของคุณสุทธิพงษ์แจกจ่ายให้แพร่หลายโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่บรรดาครู นักเรียน แม่บ้านตำรวจ อสม. และพลพรรคเสื้อสีแดงทั้งหลายที่กำลังบ้าคลั่งจะถวายฎีกา เพื่อคนบ้าคนเดียว
ผมขอนำข้อความบางตอนมาเสนอดังนี้
บทคัดลอกจากบางส่วนจากอนุสารที่คอยตีพิมพ์ของคุณสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ เรื่อง “10 เหตุผลที่ ..นอกจากไม่อภัยโทษทักษิณ?”
1) ทักษิณ ..เริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2544
2) เกิดปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล (เกิดหลังจากมีรัฐบาลทักษิณ)
3) เกิดการรวมตัว สนธิ+สมาพันธ์ต่างๆ ..เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ..(เสื้อเหลือง)
4) เกิด นปก. นปช. (สีแดง) ทักษิณสร้างกลุ่มเสื้อแดงขึ้นมาต่อต้านคนเสื้อเหลือง และฝ่ายตรงข้าม
5) เกิดการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และเกิด คมช.
6) เกิดความแตกแยกของคนในชาติ
หากไม่มีคนและเหตุการณ์ในข้อ 1 ก็จะไม่มีคนและเหตุการณ์ในข้อ 2 ถึงข้อ เพราะมีคนและเหตุการณ์ในข้อ 1 จึงมีคนและเหตุการณ์ในข้อ 2 ถึงข้อ 6 นช.ทักษิณ คือต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ
เศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นเศรษฐกิจขนาดเล็ก มูลค่าเงินจึงเล็กด้วย เงินที่ไหลออกจากประเทศไทย จึงไม่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโลก
ในปี 2000 เกิดการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดกซ์ของประเทศสหรัฐอเมริการุนแรง Nasdaq Index ตกไป 78 เปอร์เซ็นต์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก มูลค่าเงินเหรียญสหรัฐจึงมากที่สุดในโลก การพังทลายของตลาดหุ้น ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น และไหลออกไปท่วมประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลให้สกุลเงินต่างๆ ตลาดหุ้นประเทศต่างๆ และทุนสำรองฯ ของประเทศต่างๆ สูงขึ้น
ราคาทองคำ เงิน เหล็ก สังกะสี ดีบุก แพลตินั่ม ฯลฯ ราคาสูงขึ้น
ราคาน้ำมันปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ต่างๆ สูงขึ้น
ราคาสินค้าเกษตร ยางพารา ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ฯลฯ ราคาสูงขึ้น
ราคาและมูลค่าสิ่งต่างๆ ที่กล่าวนี้ ไม่ได้สูงขึ้นที่ประเทศไทยที่เดียว แต่สูงขึ้นทั่วทั้งโลก แล้วก็ขึ้นไปสูงสุดในปลายปี 2007 จากนั้นราคาสินค้าและบริการทั้งหลายทั้งปวงก็พังทลายลงตลอดปี 2008 เศรษฐกิจทั้งโลกฟุบลงเป็นประวัติการณ์ ฟุบถึงต้นปี 2009 แล้วจึงเกิดการฟื้นตัวทางเทคนิคตามมา เหตุการณ์ทั้งหมด World funds อยู่เบื้องหลัง สวมรอยควบคุม สวมรอยปั่น
สังเกตช่วงเวลา ..ช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณคือ 2001-2006 (2544-2549)
ตลาดแนสแดค และค่าเงินเหรียญสหรัฐเริ่มพังทลายในปี 2000 รัฐบาลทักษิณมาในช่วงปี 2001 เป็นช่วงที่เงินจากอเมริกาไหลออกมาท่วมโลก และท่วมประเทศไทยพอดี
ข้อมูลเหล่านี้ เรานำมาเป็นข้อมูลพิจารณาสถานะและฝีมือการบริหารงานของอดีตนายกฯ ทักษิณได้ นั่นคือ
1) ค่าเงินบาท ตลาดหุ้น และทุนสำรองเงินตราของประเทศไทยสูงขึ้น ไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลทักษิณ
2) การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ หมดในกลางปี 2006 ไม่ได้เกิดจากฝีมือการบริหารประเทศของรัฐบาลทักษิณ เงินที่ไหลเข้าประเทศไทยที่เกิดจากการพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้ทุนสำรองฯ สูงขึ้น ทำให้สามารถนำไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด ประเทศอินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ที่เข้าโครงการไอเอ็มเอฟในเวลาใกล้เคียงกันกับประเทศไทย ก็สามารถใช้หนี้หมดก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน
ถ้ามีฝีมือจริง หนี้สาธารณะที่มีอยู่ 3.4 ล้านล้านบาท ก็ควรจะทำให้ลดลงด้วย แต่ปรากฏว่าหนี้สาธารณะของประเทศไม่ลด หนี้ครัวเรือนก็อยู่ที่ระดับสูง ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนต่างเกิดจากความผิดปกติของระบบ ความผิดปกติของระบบยังคงอยู่ จะส่งผลให้หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนในอนาคตในรัฐบาลต่อมาสูงขึ้นอีก
3) ราคายาง ราคาสินค้าเกษตรต่างๆ ที่สูงขึ้น ไม่ใช่เกิดจากฝีมือการบริหารประเทศของนายกฯ ทักษิณเช่นเดียวกัน
4) อบายมุข อบายมุขทุกชนิดคืออาชีพที่ไม่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกิดความเจริญแก่ระบบ เป็นการเอารัดเอาเปรียบระบบ เอารายได้จากอบายมุขมาช่วยการศึกษา ส่งเด็กด้อยโอกาสไปเรียนต่างประเทศ (เกินความจำเป็น) เอามาช่วยการกีฬา เอามาช่วยการกุศล
เอา 'อกุศล' มาช่วยงาน 'กุศล' อยากได้กุศลมากเท่าใด ก็ต้องสร้างอกุศลมากเท่านั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง (มิจฉาทิฐิ) การสร้างงานด้วยอบายมุขเป็นงานที่ผิดศีลธรรม ไม่ว่าสลากกินแบ่ง หวยบนดิน และหวยออนไลน์ (มิจฉาอาชีวะ) การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รัฐเสียหายเกือบ 4 หมื่นล้านบาท ทุกวันนี้ไม่ทราบเงินไปอยู่ที่ไหน ใช้ไปอย่างไร
5) ทัวร์แจกเงิน ทักษิณเป็นคนที่ขยันทัวร์ไปตามจังหวัดต่างๆ มากกว่านายกฯ คนใดเรียกว่าทัวร์นกขมิ้น ไปค้างคืนที่ศีรษะอโศก ก่อนลากลับขอถวายเงินแก่ท่านสมณโพธิรักษ์ ตามกฎของชุมชนอโศก ทำให้รับเงินที่ขอถวายไม่ได้ มีการหาทางออก เพื่อไม่ให้เกิดการเสียหน้า โดยให้มอบเป็นทุนการศึกษาแก่โรงเรียนสัมมาสิกขาลัย ภายหลังทางชุมชนทราบว่า เป็นเงินจากกองสลากฯ จะนำเงินมาคืน ทางผู้ที่เกี่ยวข้องไม่รับคืน
เชื่อว่าเงินกองสลากที่หายไปเกือบ 4 หมื่นล้านบาท น่าจะอยู่ที่การใช้จ่ายกับทัวร์นกขมิ้นส่วนหนึ่ง หรือทัวร์หว่านเงิน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถูกยึดทรัพย์เพราะนำเงินจากกองสลากฯ ไปใช้ผิดประเภท
6) เศรษฐกิจจริงของรัฐบาลทักษิณ (Real economy) ดีด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังในรัฐบาลทักษิณ บอกว่าอีก 4 ปี จะทำงบประมาณแบบสมดุล ชี้บอกว่างบประมาณจะสมดุลในรัฐบาลใหม่ ฟังแล้วฟังดี แต่ดีเพียงคำพูด งบประมาณรัฐบาลทักษิณขาดดุลทุกปี งบประมาณในรัฐบาลที่ผ่านๆ มาก็ขาดดุลทุกปีเช่นกัน ไม่เป็นไปอย่างที่ดร.สมคิดพูด 4 ปีสร้าง 4 ปีซ่อม เป็นเพียงวลีชวนเชื่อ
7) ความยากจน -1 สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณสูงขึ้น จากที่เงินทุนไหลเข้า ทำให้มีการใช้เงินแบบมือเติบ ขาดวินัยด้านการเงินและการคลัง ปรับโครงสร้างข้าราชการ ทำให้เกิดหน่วยงานและตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นและซ้ำซ้อน ยกฐานะการศึกษา ยกสถาบันราชภัฏทั่วประเทศขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย ขึ้นเงินเดือนข้าราชการหลายรอบ ทำให้เงินคงคลังติดลบ ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ต้องขายทรัพย์สินของกระทรวงการคลังออกเป็นจำนวนมาก
ช่วงรัฐบาลทักษิณเอารัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 5 แห่งเข้าตลาดหุ้น ได้แก่ ปตท. (PTT) อสมท (MCOT) ท่าอากาศยานไทย (AOT) ไทยออยล์ (TOP) ปตท.เคมิคอล (PTTCH) ปตท.ไอพีโอที่ราคาต่ำ นักการเมืองและผู้อุปการคุณได้ประโยชน์จากการนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้เงินคงคลังดีขึ้น ต้องขายทรัพย์สินและหนี้สินอื่นๆ ของรัฐออกมาอีก คนไทยยุคทักษิณยากจน ไม่มีเงินซื้อ ต้องขายให้ต่างชาติ ขายจนกระทั่งต่างชาติเอามาตั้งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ได้ถึง 2 ธนาคารคือ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และยูโอบี ธนาคารทั้ง 2 นี้ ต่างชาติถือหุ้น 99 เปอร์เซ็นต์ทั้ง 2 ธนาคาร
8) ความยากจน -2 บริษัทในกลุ่มปตท. มีทั้งหมด 7 บริษัท (ปี 2549) มีตำแหน่งกรรมการทั้งหมด 161 ตำแหน่ง มีกรรมการรวมกัน 70 คน หลายคนมีหลายตำแหน่ง มีเงินเดือน และเงินตอบแทนประจำปี คนละ 10-25 ล้านบาท (เป็นผู้บริหาร 10 ปี จะมีรายได้ 100-250 ล้านบาท) ผู้ถือหุ้นรายย่อยรวม 204,561 คน ปี 2550 มีกำไรสุทธิรวม 177,935 ล้านบาท ประมาณว่าครึ่งหนึ่ง 88,968 ล้านบาท จ่ายเป็นปันผลให้กระทรวงการคลัง (หรือประชาชน 64 ล้านคนได้ประโยชน์) อีกครึ่งหนึ่ง 88,968 ล้านบาท จ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 2 แสนคน
กล่าวโดยสรุป กลุ่ม ปตท.ขูดรีดราคาพลังงานไปจากประชาชน 64 ล้านคน เอาไปแบ่งปันให้ผู้บริหาร 70 คน และผู้ถือหุ้น 204,561 คน ผู้บริหารกลุ่ม ปตท.ที่มีรายได้ปีละ 10-25 ล้านบาท เป็นผู้อนุมัติสปอนเซอร์ตามสถานีวิทยุและโทรทัศน์ต่างๆ โฆษณาให้ชาวบ้านที่อดอยาก ไม่มีจะกิน ให้ประหยัดการใช้น้ำมัน และเป็นอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง
จบข้อความบางส่วนแค่นี้ก่อน ยังไม่ครบความระยำทั้ง 10
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ข้อเขียนทั้งหมดยังเหลืออยู่อีกกึ่งหนึ่ง ผมได้นำเสนอผู้ที่รับผิดชอบในรัฐบาลไปนานพอสมควรแล้ว ยังเงียบฉี่อยู่ จนกระทั่งผมได้ยินบ่อยเข้าและดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า อะไรจะกระทบกระเทือนใจทักษิณแม้แต่น้อยรัฐบาลนี้จะไม่ทำ และรัฐบาลนี้จะไม่มีวันถอดยศทักษิณเป็นอันขาด
ถ้ารัฐบาลไม่นำพา พวกเราช่วยคุณสุทธิพงษ์พิมพ์เองดีไหมครับ ใครเห็นด้วย ติดต่อโดยตรงที่ Suthipong Prachayapruit indexthai@yahoo.com
ขอบคุณครับ
ปราโมทย์ นาครทรรพ