ศาลฎีกานักการเมือง ออกหมายจับ “ ทักษิณ” ใบที่ 4 หนีพิจารณาคดีหวยบนดิน ขณะที่ “ ครม. – ผู้บริหารกองสลาก ฯ ” ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อหา ศาลสั่งยกคำร้อง “ ร.อ.สุชาติ อดีต รมว.คลัง – บอร์ดสั่งกองสลาก ฯ ” โต้แย้งเขตอำนาจศาล นัดตรวจสอบหลักฐานอีก 22 -24 ธ.ค.นี้ ศาลกำชับหากจำเลยเดินไปต่างประเทศต้องขออนุญาตล่วงหน้า
วันนี้(26 ก.ย.)เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายรุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว ( หวยบนดิน ) พร้อมองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ แทน คตส. ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรี (ครม.) และผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ หรือจัดการทรัพย์ ได้เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ( ยักยอกทรัพย์ ) , ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการดูแลกิจการ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น , ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น , ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่แสดงว่ามีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร โดยทุจริตเรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร และผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147,152,153,154 ,157 ประกอบมาตรา 83,84,86,90,91 และ ความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502 มาตรา 3,4,8,9,10 และ 11 กรณีที่ร่วมกันมีมติ ครม. เมื่อวันที่ 8 ก.ค.46 ให้ดำเนินโครงการออกสลากพิเศษ ที่ได้ดำเนินการออกสลากตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค.46 - 26 พ.ย.49โดยการออกสลากให้ได้ยกเว้นและลดหย่อนภาษี ตามพ.ร.บ.การพนันพ.ศ.2478 และภาษีตามประมวลรัษฎากรโดยถือว่าเป็นสลากการกุศลนั้นมติดังกล่าวเป็นการขัดต่อกฎหมาย เพราะเป็นมติที่ฝ่าฝืนต่อพระราชกฤษฎีกา ที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ซึ่งโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันคืน หรือใช้ทรัพย์ที่ร่วมกันมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินซึ่งเป็นเงินรายได้จากการออกสลากของสำนักงานสลาก ฯ ที่เป็นผู้เสียหาย ด้วยรวมจำนวน 14,862,254,865.94 บาทพร้อมทั้งขอให้นับโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่1 ต่อจากคดีทุจริตซื้อ-ขายที่ดินรัชดาภิเษก คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 ด้วย
โดยวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 , นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำเลยที่ 31 และนางสตรี ประทีปะเสน ผู้แทนสำนักงบประมาณ ในฐานะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำเลยที่ 39 ไม่มาศาล ซึ่งจำเลยที่ 31 และ 39 แจ้งเหตุให้ทราบแล้วศาลได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสอง เดินทางมาศาลเพื่อสอบคำให้การ ในวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานซึ่งกำหนดนัดวันที่ 22 – 24 ธ.ค.นี้ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล พฤติการณ์มีเหตุควรน่าสงสัยว่าจะหลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 และให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้นำตัวมาพิจารณาคดี
ส่วนจำเลยที่ 2 – 30 , 31 – 38 และ 40 – 47 ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องจำนวน 57 หน้าสรุปให้ฟังแล้ว จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์ และที่ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์ อดีต รมว.คลัง จำเลยที่ 9 และ พล.ต.ท.อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ในฐานะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำเลยที่ 47 ยื่นคำร้องขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิฉัยชี้ขาดเขตอำนาจศาล เนื่องจากเห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (1)(3) นั้นศาลฎีกา ฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 47 คน ว่า เป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ร่วมกันกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งศาลฎีกา ฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (1)(2) คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจศาลฎีกา ฯ และเมื่อคดีหลักอยู่ในอำนาจศาลฎีกา ฯ แล้ว ในส่วนคำร้องเกี่ยวกับความแพ่งที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้ง 47 คนร่วมกันชดใช้เงินคืน จึงอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งการจำเลยที่ 9 และที่ 47 อ้างว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลปกครองนั้นแล้วจะให้ส่งเรื่องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 199 ที่ว่า กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลอื่น ให้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดโดยคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดเขตอำนาจศาลนั้น เมื่อศาลฎีกา ฯ มีคำสั่งรับฟ้องคดีนี้แล้วและคดีอยู่ในอำนาจศาล จึงไม่มีกรณีที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างอีก ซึ่งศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีทางปกครองเท่านั้น ศาลฎีกา ฯ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยดังกล่าว
โดยคำร้องที่จำเลย ยื่นขอพิจารณาและไต่สวนพยานหลักฐานลับหลังจำเลยนั้น ศาลสอบถามโจทก์แล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ไต่สวนคดีลับหลังจำเลยทั้งหมดได้ตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2543 ข้อ 10 และนัดคู่ความเพื่อตรวจสอบพยานหลักฐาน ในวันที่ 22 – 24 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. โดยให้คู่ความยื่นบัญชีพยานต่อศาลอย่างน้อย 7 วันก่อนนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน และเพื่อความสะดวกรวดเร็วให้คู่ความยื่นแนวทางสู้คดีพร้อมบัญชีพยานด้วย และหากมีพยานเอกสาร หรือพยานวัตถุใดอยู่ในความครอบครองบุคคลอื่นให้คู่ความขอศาลออกหมายเรียกพยานหลักฐานจากบุคคลนั้นโดยเร็ว และหากจำเลยคนใดจะเดินทางออกนอกประเทศให้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลล่วงหน้าซึ่งศาลจะพิจารณาเป็นครั้ง ๆ ไป
สำหรับจำเลยคดีนี้ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวล่วงหน้าก่อนการนัดพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว โดยจำเลยซึ่งเป็นรัฐมนตรี ยื่นหลักทรัพย์มูลค่า 2 ล้านบาทส่วนกลุ่มข้าราชการ ยื่นหลักทรัพย์มูลค่า 5 แสนบาท
ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถูกศาลออกหมายจับไปล้ว 5 ใบ และถูกยกเลิกหมายจับไป 1 ใบ รวมขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีหมายจับทั้งสิ้น 4 ใบ